8 มิ.ย. 2022 เวลา 16:10 • ปรัชญา
ทุกขณะของการไม่ตัดสินคือของขวัญ
ทุกขณะที่เรายอมรับสิ่งต่างๆโดยไม่ต่อต้าน จะเกิดเป็นความสุขและความสบายใจ การตัดสินคนอื่นคือการวิเคราะห์การกระทำของเขาว่ามันดีหรือไม่ดี การกระทำนั้นเราชอบหรือไม่ชอบ การตัดสินคนอื่นไม่ใช่แค่การวิจารณ์ในด้านลบ แต่หมายรวมถึงการมีความคิดเห็นต่อสิ่งสิ่งหนึ่งแล้วเกิดเป็นสภาวะอารมณ์ต่อจากนั้น ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นอารมณ์ของความไม่พอใจ
เราอาจคิดว่า ฉันไม่ทำแบบนั้น ฉันยอมรับทุกคน แต่ในบางครั้งเรายอมรับคนอื่นก็จริง คนอื่นที่เราไม่ได้รู้จักสนิทสนมอะไรมากมาย เรายอมรับได้ แต่คนที่เราไม่ยอมที่จะยอมรับเค้าอย่างเต็มหัวใจกลับเป็นคนที่เรารักเสียเอง ซึ่งอาจเป็นคนที่เราตัดสินเค้ามากที่สุดด้วย
เราวิเคราะห์การกระทำของเค้าทุกอย่างราวกับเป็นเครื่องจับผิด สมองเราประมวลผลตลอดเวลาว่าสิ่งที่เขาทำหมายความว่าอย่างไร เขาทำแบบนี้เขาต้องการอะไร เขาทำแบบนี้เขารู้สึกอะไรกับเรา เขาทำแบบนี้เขารู้สึกอย่างไรกับคนอื่น เขาคิดอะไรอยู่
ในเสี้ยววินาทีที่ตัวเรานั้นตระหนักได้ว่าฉันไม่มีความสุขเพราะฉันกำลังตัดสินคนที่ฉันรักอยู่ นี่แหละคือการมีสติรู้ตัวเท่าทันความคิด เมื่อเราเลิกคิดว่าคนที่เรารักทำแบบนี้ไปเพราะอะไร เราจะเข้าถึงคือการยอมรับที่แท้จริง ที่ไม่ว่าเขาจะทำอะไรและทำไปเพื่ออะไรเราจะไม่ว่าไม่วิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่เขาทำ
จะไม่มีคำว่าถูกใจหรือไม่ถูกใจอีกต่อไป เพราะความไม่คาดหวังในสิ่งที่เขาทำและสิ่งต่างๆก็ดีขึ้นเมื่อเราปล่อยวางความคาดหวังลง ความสัมพันธ์ย่อมดีขึ้นตามมา
ความจริงสิ่งนี้คือสิ่งที่สมควรเกิดขึ้นกับคนที่เรารักมากที่สุด เหมือนเวลาเราคบเพื่อนที่เราจะไม่ได้คาดหวังให้เพื่อนเราทำตามใจเราตลอดเวลา เรามีความเคารพซึ่งกันและกันสูง ถ้าเพื่อนผิดนัดเราจะไม่โกรธ เพราะเราเข้าใจในเหตุผลและไม่ตัดสินวากรที่เพื่อนผิดนัดแปลว่าเพื่อนไม่รักเรา
มันเป็นแบบนั้นและมันสมควรที่จะเป็นแบบนั้นในความสัมพันธ์ที่เรียกว่าคนรัก ความเข้าหากันแบบเต็มใจ การอยู่เคียงข้าง เป็นความสบายใจความสุขใจ เป็นการยอมรับในทุกสิ่งที่เขาคนนั้นเป็นอย่างแท้จริงโดยปราศจากการวิเคราะห์วิจารณ์ซึ่งมักจะนำมาสู่การน้อยใจและความขัดแย้ง
เมื่อเสียงแห่งการตัดสินในหัวเงียบลง ความรักอย่างอิสระและไม่มีเงื่อนไขก็เติบโต
1
ศิลปะอย่างหนึ่งของการเพิ่มความสุขให้ชีวิต คือ การที่สมองไม่ตัดสินการกระทำของคนอื่น เขาจะเป็นยังไงก็ปล่อยเขาไป ไม่ต้องคิดว่าชอบหรือไม่ชอบ เขาเป็นอย่างที่เขาเป็นและมันก็แค่นั้น จิตใจเราจะอ่อนโยนขึ้น เมตตาและมีความสุขขึ้นมาก
จากนั้น ทุกอย่างรอบตัวจะมีแต่สิ่งที่ทำให้เราเบิกบาน เนื่องจากเราได้เป็นอิสระต่อสภาพแวดล้อมโดยสมบูรณ์แล้ว ไม่มีสิ่งใดหรือบุคคลใดมีผลต่อสภาวะใจและอารมณ์ของเราได้อีกต่อไป ไม่มีสิ่งไหนดีหรือไม่ดี เราได้ยอมรับต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ชั่วขณะนั้น ความมั่นคงในจิตใจได้เกิดขึ้น
คุณได้อยู่ในสภาวะงดงาม เรียบร้อยแล้ว
โฆษณา