21 มิ.ย. 2022 เวลา 04:57 • ไลฟ์สไตล์
เมื่อถึง อายุยี่สิบเก้าย่างเข้าสามสิบ ฉันผ่านการทำงานอย่างหนักมา ฉันผ่านการเที่ยวแบบเต็มสปีดกับเพื่อนๆ พบเจอผู้คนมามากพอสมควร และแบกรับภาระต่างๆเอาไว้บนบ่า
และก่อนหน้านี้ ปีที่แล้ว ฉันเจ็บป่วยจนคิดว่าตัวเองนั้น จะต้องตายแล้วแน่ๆ มันทรมานจนอยากหายไปจากโลกนี้ยังจะดีกว่า แต่เมื่อผ่านช่วงเวลาตรงนั้นมาได้ ฉันได้แต่นั่งคิดทบทวนว่า การไม่เจ็บ ไม่ป่วย นั้นคือ ของขวัญล้ำค่าที่สุดมากกว่าเงินทอง มากกว่าอะไรทั้งหมดในโลกนี้ ฉันก็จะยอมแลก เราเองใช้งานร่างกายอย่างหนัก ยอมเสียเงินทำลายร่างกาย แต่คิดมากเวลารักษาหรือหาอาหารดีดีกิน
เมื่อใช้ชีวิตมาจนถึงตอนนี้ ฉันโหยหาความธรรมดาที่สุด การไม่ต้องทำงานแข่งกับเวลาและภาระที่ต้องรับผิดชอบ ฉันอยากหลุดพ้นจากวงจรของเงินตรา ฉันอยากใช้ชีวิตให้มีความสุขในแต่ละวันด้วยตัวเอง แม้เป็นเรื่องเล็กๆ เช่น เห็นแมวนอนเฉยๆ
เห็นหมาวิ่งเล่น เห็นท้องฟ้าสวยๆ เคลื่อนไปมา หรือการได้เห็นพระอาทิตย์ตก ฉันรู้แล้วว่า ....
ชีวิตนั้นถ้าไม่ยึดติด ก็จะทุกข์น้อยลง ฉันพยายามปล่อยวางและกำลังฝึกที่จะเป็นคนที่ไม่ยึดติดกับอะไรเลย เพราะทุกอย่าง เกิดขึ้น มีอยู่ และหายไปสักวันนึง แม้แต่ตัวเราเอง แม้เเต่คนที่เรารัก แม้แต่สิ่งของที่เราเคยอยากมี เงินทองที่เราคคทุ่มเททั้งชีวิตหา ธุรกิจที่เราตั้งหน้าตั้งตาทำ รถ ที่เราขับ บ้านหลังใหญ่โต สุดท้าย ไม่มีอะไรให้เราเอาติดตัวไปได้เลย ฉันรู้แค่ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
ชีวิตไม่แสนหวานเหมือนขนม
โฆษณา