24 มิ.ย. 2022 เวลา 15:26 • หนังสือ
สรุปหนังสือ อย่ายอม : เกลนนอน ดอยล์ ep.27
หนังสือเล่มนี้อ่านง่าย เหมือนมีเพื่อนมานั่งข้างๆแล้วเม้ามอยให้ฟัง แต่อ่านแล้วเหมือนโดยปลุกพลังบางอย่าง ให้เรารู้สึกถึงความเป็นเสือในตัวเอง รู้สึกถึงชีวิตที่เป็นตัวเรากำหนด เป็นอิสระอย่างแท้จริง
เราเป็นเหมือนเสือ ที่มีศักยภาพมากๆ แต่กลับเกิดในกรง และไม่เคยรู้จักป่า
แต่จิตใต้สำนึกรรับรู้ว่าสัญชาติญาณความเป็นสัตว์ป่าเป็นยังไง เราสามารถเผยศักยภาพที่ซ่อนเอาไว้ จากโลกที่มีใบสั่ง มีกรอบความคิด มีวัฒนธรรม มีความเชื่อบางอย่าง ขังตัวเรา ความคิดเราเอาไว้ ถึงเวลาที่เราจะออกจากกรงขัง แล้วมาสร้างชีวิต ตามจินตนาการที่เราต้องการได้แล้วค่ะ
1
หนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนเป็นผู้หญิงที่เคยแต่งงาน มีลูก3คน พยายามเป็นแม่และภรรยาที่ดีด้วยกรอบความคิดที่ถูกปลูกฝังไว้ แต่ได้ค้นพบตัวตนว่าเป็นคนรักผู้หญิงเหมือนกัน พร้อมประกาศแนวคิดการใช้ชีวิตของตัวเองให้โลกได้รับรู้ เป็นผู้ก่อตั้ง Together Rising องค์กรช่วยเหลือสังคม เป็นผู้หญิงที่เต็มไปด้วยพลัง เป็นตัวของตัวเอง
โลกนี้อาจจะยาก แต่เราทำสิ่งที่ยากได้
51 แนวคิดเพื่อก้าวผ่านสิ่งที่ยาก
1. เพื่อให้โลกยอมรับ เราจึงสูญเสียความเป็นตัวเอง ความประกายของตัวเอง เราต้องเลิกเป็นตัวเองและพยายามเป็นในสิ่งที่โลกคาดหวังให้เป็น
โลกฝึกให้เราเชื่องจับใส่กรง
(เพื่อทำให้ตัวเองเข้ากับโลก ช่วงแรกอาจอึดอัดแต่อีกหน่อยก็ชิน จะไม่รู้ว่าตัวเองถูกขัง)
ตัวเองต้องการอะไร มีความคิดเป็นตัวเองมากแค่ไหน เชื่อจริงหรือถูกทำให้เชื่อว่าต้องการ เราควรมีชีวิตที่ออกแบบเองสร้างขึ้นมาด้วยจินตนาการ ไม่ใช่สิ่งที่โลกเห็นควรว่าควรจะเป็นหรือสิ่งที่ถูกฝึกมา ทำให้สูญเสียความเป็นตัวเองจากการถูกยัดเยียดความคิดต่างๆและทำตามกระแส
2. เราต้องหาคำตอบจากภายในตัวเองไม่ใช่คำตอบจากภายนอก เราลืมถามตัวเอง เอาแต่หัดจะเอาใจคนอื่นทำให้ใช้ชีวิตแบบหิวโหย
3. อย่าเลือกทำเพราะเป็นสิ่งที่ควรทำ ทั้งๆที่ค้านกับสิ่งที่ต้องการ = เหมือนลูกแก้วหิมะที่ใช้เวลา พลังงาน ถ้อยคำ เงินทองในการสร้างเกร็ดหิมะฟุ้งกระจาย คอยเขย่าเรื่อยๆ ไม่ให้เผชิญกับความจริง เป็นความลับที่ไม่อยากให้สิ่งนั้นสว่าง เพราะทำให้เราเจ็บปวดพยายามสร้างชีวิตแบบที่คิดว่าดี แต่ข้างในมีทั้งความเจ็บปวด ความโกรธ ความปรารถนา ความโหยหา ที่จะระเบิดออกมาทำลายชีวิตแต่เราพยายามเก็บซ่อน
4. เราต้องได้ยินเสียงของตัวเอง รู้สึกสิ่งที่ต้องรู้สึก ทำตามสัญชาตญาณ วางแผนจากจินตนาการ เพราะเราเป็นสัตว์ป่าที่ถูกทำให้เชื่องด้วยความอับอาย ทำให้เก็บซ่อน ทำให้รู้สึกเย็นชา เชื่อคำคนอื่นนอกจากไว้ใจการหยั่งรู้ตัวเอง ยอมอยู่ในกรงที่สร้างจากความคาดหวังของคนอื่น
1
5. กุญแจแห่งอิสรภาพที่จะปลดปล่อยตัวตนที่เราเป็น คือ อารมณ์ความรู้สึก การอย่างรู้ จินตนาการ ความกล้าหาญ
✅จงรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่าง
ความรู้สึกทั้งหมดมีไว้ให้รู้สึกอาจรับได้ยาก แต่ทำถูกต้องแล้ว การทำถูกต้องมันเจ็บปวดความเจ็บปวดมีไว้เพื่อแก้ไข ไม่ใช่ความอ่อนแอที่ต้องซุกซ่อนหรือเพิกเฉยหรือเก็บไว้
เราทุกคนสามารถรู้สึกทุกสิ่งและมีชีวิตรอดมาได้
เราสามารถใช้ความเจ็บปวดเพื่อเปลี่ยนตัวเอง ไม่ว่าชอบหรือไม่ชอบแต่เป็นเชื้อเพลิงของการเปลี่ยนแปลง
ไม่มีหนทางใดนำไปสู่ความสว่างรุ่งโรจน์ได้ยกเว้นแต่จะต้องผ่าทางตันของตัวเอง
ความเจ็บปวดไม่ใช่เรื่องน่าเศร้า ความทุกข์ทรมานคือเรื่องน่าเศร้าเพราะเราพยายามเลี่ยงความเจ็บปวด ทำให้พลาดการเปลี่ยนแปลงเพราะกลัวตัวเองเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงเลยไม่ยอมพัฒนา
✅ จงนิ่งและรู้
เมื่อคนหนึ่งเรียนรู้ว่าเราจะตามใจคนทั้งโลกไม่ได้ จะมีอิสระที่จะทำให้ตัวเองมีความสุข
คำว่าถูกผิด ควรไม่ควร ไม่มีจริง เป็นผลพวงของวัฒนธรรม เป็นกรงขังที่คอยควบคุมเรา ถ้ายังทำสิ่งที่ถูกต้องไปเรื่อยๆก็ต้องใช้ชีวิตไปตามทิศทางคนอื่น ไม่ใช่ทิศทางของตัวเองเพราะฉะนั้นตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยการนิ่ง +รู้ใจตัวเอง
✅ กล้าจินตนาการ
แม้หลักฐานทุกอย่างจะชี้ไปทางตรงกันข้าม เหมือนทาบิธา เสือที่ไม่รู้จักป่า แต่รู้จักความเป็นสัตว์ป่าที่อยู่ในตัวมัน เรามองไม่เห็นแต่เป็นจินตนาการที่จะรับรู้แผนการที่แท้จริงสำหรับชีวิตเรา
เราจะเริ่มต้นใช้ชีวิตตามจินตนาการของเราแทนการเดินตามการอบรมสั่งสอนได้ โดยถามตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่แท้จริงสวยงามที่จินตนาการในชีวิต มีหน้าตาเป็นอย่างไร
แทนการถามว่า อะไรควรไม่ควร ถูกผิด เพื่อตีกรอบความคิด
เราจะเคลื่อนที่จากมันต้องไม่ใช่แบบนี้ไปสู่มันต้องเป็นแบบนี้ต่างหาก เราสร้างบรรทัดฐานตัวเองได้
หยุดถามโลกว่าต้องการอะไรจากเรา แต่ถามเราว่าต้องการอะไรจากโลกนี้ เขียนพิมพ์เขียวของเรา เขียนความฝันของเรา
✅ สร้างและเผาไหม้
เมื่อเรารู้สึก ตัวตนภายในของเราจะเปลี่ยนแปลง โลกภายนอกจะเปลี่ยนแปลง
การใช้ชีวิตจากโลกภายในจะเปลี่ยนโลกภายนอกของเราด้วย
ถ้าเราต้องการสร้างสิ่งใหม่เราต้องยอมปล่อยสิ่งเก่าให้มอดไหม้ไป ในตอนแรกมันจะน่ากลัวมาก ชีวิตใหม่คือการสูญเสียตัวตนเดิม ความเชื่อ ความสัมพันธ์ มันเจ็บปวด แต่ถามตัวเองเราจะสร้างตัวเรา ความสัมพันธ์ ครอบครัว โลก แบบไหนนะถ้าชีวิตนี้เรากล้าหาญกว่านี้
ชีวิตจะมุ่งหน้าไปตามวิสัยทัศน์ เลิกยึดติดกับสิ่งที่ไม่แท้จริง เราไม่ต้องทำตามใบสั่งจากวัฒนธรรม ทิ้งใบสั่งและเขียนใหม่ด้วยตัวเอง ไม่ต้องเสียสละ ไม่ต้องทำตามความคาดหวังคนอื่น จงเตรียมเปี่ยมไปด้วยความเป็นตัวเอง รู้จัก ไว้ใจตัวเองทำสิ่งที่ต้องทำจริงๆ
6. ยอมรับความปวดร้าว เพราะมันคือความรักมันคือชีวิต
7. เลิกเป็นผี เลิกตามหาความสมบูรณ์แบบ (ผู้หญิงสมบูรณ์แบบ ตื่นมาสวยปิ้ง ผมสวย โชคดีเรื่องความรัก สุขุมมั่นใจ ชีวิตง่ายดาย) เฉลิมหลังความไม่สมบูรณ์แบบในตัวเอง เลิกต่อต้านแต่หันมาสร้างหนทางตัวเอง
8. ไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำ ชื่อตรงกับความรู้สึก
ไม่ต้องทำตัวเป็นคนดี มีความสุข รู้จักความปรารถนาของตัวเอง ให้เราสังเกตเห็นรู้สึก ความคิด เรียนรู้มัน ซื่อตรงกับความรู้สึก เราจะไม่สูญเสียความเป็นของตัวเอง
ไม่ต้องปกปิดใบหน้า จิตใจ ความคิด ความฝัน ความลำบากใดๆ
9. คำว่ากล้าหาญคือกล้าที่จะใช้ชีวิตจากภายใน โดยที่ยอมให้คนส่วนใหญ่มองว่าคุณขี้ขลาด ผิดหวังในตัวคุณ แรงกดดันเพราะซื่อสัตย์กับสิ่งที่ตัวเองเป็น ฟังเสียงตัวเองมากกว่าฟังเสียงคนอื่น ภักดีกับตัวเอง ซื่อสัตย์กับตัวเอง จริงใจกับตัวเอง
กล้าที่จะทำตามความสงสัย ตอบสนองความหิวโหย ไขว่คว้าสิ่งที่เราต้องการ
10. อะไรคือความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความปรารถนานี้ เช่น อยากไปพักร้อน แต่ใต้ความปรารถนานี้คืออยากให้ทุกคนเลิกดูจอและใช้ชีวิตเวลาร่วมกัน
11. ตอบคำถามตัวเองให้ได้ว่ารักอะไร อะไรทำให้รู้สึกมีชีวิต อะไรคือความงามสำหรับฉัน ฉันใช้เวลาตอนไหนบ้างทำให้ชีวิตตัวเองเต็มไปด้วยสิ่งนั้น เพราะการจำกัดความด้วยบทบาทหน้าที่ เช่น เป็นแม่ เป็นภรรยา เป็นอาชีพอะไร คือปราสาททรายที่สักวันต้องโดนคลื่นซัด แต่ความจริงเราคือผู้สร้างที่สามารถสร้างใหม่ไม่มีที่สิ้นสุด
12. อย่ายอมให้ตัวเองต้องเกือบตายถึงจะใช้ชีวิตตามที่ต้องการ (ความจริงที่ทำให้อึดอัดกับความโกหกที่ทำให้สบายใจ)
13. ไว้ใจร่างกาย หนีจากสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกหนาวเย็น มุ่งไปหาสิ่งที่ทำให้รู้สึกอบอุ่น
14. ทำในสิ่งที่การรู้เรียกร้องให้ทำ แม้มันจะขัดกับสิ่งที่ถูกปลูกฝังมา มองเข้าไปในกระจก ถามตัวเองว่าชีวิตที่ต้องการเป็นยังไง ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยการไร้ตัวตน เสียสละ เป็นตัวอย่าง รับผิดชอบใช้บางอย่างเป็นข้ออ้างเพราะไม่กล้า หลอกตัวเอง เพราะเรามีชีวิตเดียว ยอมรับในตัวตนที่เราเป็น แม้มันจะยาก น่ากลัวและเจ็บปวด แต่เพราะมันคือความจริง
15. เรามีต้นไม้เสาหลักในตัวคือตัวตนของตัวเอง คือทุกสิ่งที่หล่อหลอมมาเป็นเราทุกวันนี้ เราเป็นตัวของเราเอง
16. ชีวิตครอบครัวเรา เหมือนกำลังอยู่บนเครื่องบิน เราเป็นพนักงานต้อนรับ เมื่อเวลาที่เครื่องบินตกหลุมอากาศ หากเราเสียขวัญ ครอบครัวซึ่งเป็นผู้โดยสารจะเสียขวัญไปด้วย แต่เรารู้ว่าการตกหลุมอากาศไม่ได้ทำให้เครื่องบินตก แต่คนอื่นไม่รู้ไม่เคยเจอเลยกลัว เลยมองหน้าเราแค่หาข้อมูล หน้าที่ของเราคือ ยิ้ม เยือกเย็นและเสิร์ฟถั่วลิสงบ้านั้นต่อไป
17. เราไม่อาจควบคุมหลุมอากาศหรือโศกนาฏกรรมในชีวิต แต่เราตัดสินใจได้ว่าจะตอบสนองอย่างไร ว่าจะกระโดดร่มหนีหรือยังอยู่และเป็นผู้นำให้คนอื่น ครอบครัวคือไม่ว่าเราจะตกหรือจะบิน เราจะดูแลกันและกันตลอดเส้นทางการบิน
18. การเลี้ยงลูกชีวิตตามใบสั่งที่ต้องปกป้องไม่ให้ลูกต้องเจ็บปวด หรือเผชิญกับสิ่งใดเลย มันจะทำให้เขาเป็นคนห่วยแตก เพราะเค้าจะไม่เคยหกล้ม ไม่เคยเจ็บปวด ไม่เคยเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดจากการกระทำของตัวเอง ไม่รู้จักชนะอย่างถ่อมตน สิ่งเดียวที่ทำให้ลูกเป็นคนแข็งแกร่งคือการต่อสู้ดิ้นรนเพราะฉะนั้นปล่อยให้ทุกอย่างเกิดและอยู่ใกล้เขาเสมอ
19. สิ่งช่วงเวลาที่ไม่รู้จะทำอะไร คือช่วงเวลาแห่งการค้นพบตัวเอง (หลังจากความเบื่อหน่ายที่ต้องอดทนให้นานพอ) อย่ายึดติดกับเหตุผลที่ว่าคนอื่นเค้าทำกัน กลัวล้าหลังกว่าคนอื่น อย่ากลัวความเบื่อหน่าย
20. เราทุกคนเกิดมาสามารถเป็นทุกสิ่ง โวยวายอยู่เงียบๆกล้าหาญ ฉลาด ระมัดระวัง หุนหัน มีความคิดสร้างสรรค์ ตัวใหญ่ สงสัยอยากรู้ ทะเยอทะยาน สามารถใช้พื้นที่บนโลกไปกับความรู้สึก ความคิด และร่างกายของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องหดตัว หรือเก็บซ่อนส่วนไหนในตัวตนของเราเลย
ไม่มีความเป็นลักษณะของหญิงชาย มีแต่ลักษณะของมนุษย์ เป็นแค่ชุดบุคลิกที่เทลงในถังและแปะป้ายว่าเป็นลักษณะเพศไหน ไม่ต้องขังตัวเอง ทุกคนมีอิสระที่จะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ลูกๆเราจงถามเขาถึงความรู้สึก ความสัมพันธ์ ความหวัง ความฝัน ไม่ต้องแบกชีวิตตามลำพัง (เราเปลี่ยนใบสั่งได้)
21. หากมีคนพูดอะไรแล้วมีคนหัวเราะ มันไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับคนพูด แต่บอกอะไรเกี่ยวกับ คนหัวเราะ เขากล้าหาญแล้วที่จะพูดตรงไปตรงมา เราก็ควรกล้าที่รับฟังสิ่งที่เขาพูด เพื่อนควรเป็นสถานที่ปลอดภัยให้กันและกัน
22. เราอยากให้คู่ครอง พี่ชาย น้องชาย ลูกชายเรา เป็นคนเข้มแข็งแต่โดดเดี่ยว หรือเป็นคนที่เป็นอิสระ และมีที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ปล่อยให้เขาออกจากกรงขัง สามารถแสดงออกถึงความเจ็บปวด อ่อนโยน ทุกคนมีความแตกต่าง ทุกคนมีความเสมอภาค
23. อะไรก็ตามที่ต้องเลือกระหว่าง ทำให้คนอื่นผิดหวัง กับทำให้ตัวเองผิดหวัง หน้าที่ของเราที่ต้องทำตลอดชีวิต คือทำให้คนอื่นไม่ว่ากี่คนก็ตามผิดหวัง เพื่อที่ตัวเราจะไม่ผิดหวัง
24. อย่าปล่อยให้คนที่เรารักถูกทิ้งอยู่ในป่า เพราะเราไม่กล้าเข้าไปตามเขาออกมา เหมือนกับเราเห็นคนที่เรารักกำลังก้าวเข้าสู่สิ่งที่ ไม่ถูกต้อง แต่ไม่กล้าที่จะพูดกับเขา และไม่รู้จะพูดอะไรดี
25. การยอมให้ความเจ็บปวดของคนอื่นเสียดแทงหัวใจเราคือความเข้มแข็ง ไม่ใช่ความอ่อนแอ อินไปกับเรื่องราวของเขา
26. คำว่าฉันนึกภาพไม่ออกเลย หากใช้เสียง1 คือความถ่อมตน ความทึ่ง ความนุ่มนวล รู้สึกขอบคุณ มีเสียงสงบอยู่ เหมือนบอกว่าโชคดีเหลือเกินที่ฉันไม่ต้องเป็นแบบนี้ พวกเขาใช้จินตนาการเป็นสะพานเชื่อมระหว่างประสบการณ์ที่รู้จักและไม่รู้จัก นึกภาพตัวเองในสถานการณ์ของคนอื่น เป็นการก้าวกระโดดทางจินตนาการ สามารถมองเห็น+รู้สึกในสิ่งที่ผู้อื่นอาจมองไม่เห็น กระตุ้นให้เกิดงานศิลปะ เกิดความโอบอ้อมอารี+ความผูกพัน
1
แต่หากใช้เสียง2 คือเสียงขับไล่ไสส่ง ตัดสิน..ถ้าเป็นฉัน..ไม่มีวันเสียหรอก มองหาเหตุผล มองหาคนที่กล่าวโทษ เป็นการปกป้องตัวเอง เป็นกรงขังตัวเองเพื่อยืนยันว่า ความสยดสยองนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นกับเรา กีดกั้นความอ่อนโยนและความเห็นอกเห็นใจ
27. ชีวิตครอบครัวคือการสร้างเกาะที่ไม่ยอมให้ความกลัว บรรทัดฐานของคนอื่นมาตีกรอบเรา การที่เรายอมรับหรือทำบางสิ่งบางอย่างที่มีค่า แต่มันยังใหม่หรือเพิ่งเริ่มต้น เหมือนเป็นเกาะที่เราต้องปกป้อง นึกภาพว่าเราสร้างคูน้ำรอบเกาะที่เต็มไปด้วยจระเข้และไม่ยอมทอดสะพานให้ความกลัวของใครเข้ามาบนเกาะ
สิ่งร้ายร้ายอื่นๆทั้งหมดอยู่อีกฝั่งของคูน้ำ มันอยู่ตรงโน้นทำร้ายเราไม่ได้ ส่วนเราอยู่ตรงนี้มีความสุขบนเกาะ ปล่อยให้เค้ากรีดร้องเพราะความกลัว เกลียด อะไรก็ตาม แต่เราไม่ได้ยินมีแต่ความรักที่จะผ่านเข้ามาได้ เหมือนนักเลงคีย์บอร์ด
ความกลัวของพ่อแม่ เขากลัวเค้าเสียขวัญไม่มั่นใจกับการตัดสินใจบางอย่างของเรา ที่ขัดกับเขา เค้าจะเข้ามาเตือนเราด้วยความหวังดี ทำให้เราเสียขวัญ เป็นความกังวลเงียบๆจากคนที่เรารัก ทำให้เราไม่กล้าเข้าหาความรู้สึกในตัวเอง สูญเสียความสงบในใจ ตัดสินใจให้ได้ว่าจะไว้ใจคนที่เรารัก หรือไว้ใจตัวเอง ทำให้คนที่เรารักพอใจหรือทำให้ตัวเราเองพอใจ
28. เราตัดสินใจที่จะรับผิดชอบตัวเอง ความสุขตัวเอง ครอบครัวตัวเอง ไม่มีใครเอาอะไรจากเราไปได้
29. การอธิบายคือความกลัวที่กำลังพยายามเตรียมเหตุผลโต้แย้ง วิธีเดียวที่จะทำให้พวกเขาวางใจได้คือใช้ชีวิตต่อไป ทำให้เค้าเห็นเอง ไม่จำเป็นต้องออกจากเกาะแล้วป่าวประกาศสิ่งที่เราเชื่อ ..ไม่มีความกลัวเข้ามา..ไม่มีความกลัวออกไป ..มีแต่ความรักเข้ามา..มีแต่ความรักออกไป
อย่ายอมทอดสะพานเพื่อเอาความกลัวที่ผ่านน้ำเสียงแววตาจากคนที่เรารักเข้ามา เพราะเราต้องแบกมันด้วย (มันเป็นความคิดของอีกฝ่ายที่เราไม่จำเป็นต้องเปิดรับ) เมื่อเราสร้างเกาะของเราเองโดยไม่สร้างตามข้อกำหนดของคนอื่น ไม่ใช่หน้าที่ที่ต้องทำให้คนอื่นเชื่อ และยอมรับ แต่เป็นหน้าที่ที่ยอมให้เฉพาะคนที่พร้อมจะยอมรับ รัก และให้เกียรติเรา เข้ามาบนเกาะ เราจะยอมให้มีอะไร และไม่ยอมให้มีอะไร เรากำหนดเอง
30. ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเพื่อเอาใจโลก คนจะชอบหรือไม่ชอบเราก็ได้ สิ่งใดหรือใครที่สูญเสียไปเพราะเราพูดความจริง แปลว่าไม่ได้เป็นของเราตั้งแต่แรก เต็มใจที่จะสูญเสียอะไรก็ตามที่เรียกร้องให้ฉันต้องปิดบังตัวตนของตัวเอง
ไม่สำคัญคนอื่นจะคิดยังไงกับชีวิตเรา สำคัญว่าเราคิดยังไงกับชีวิตเราเอง การตัดสินคนอื่นหรือ ตัวเองเป็นอีกกรงขัง ที่เราเข้าไปอยู่ เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องรู้สึก รับรู้ จินตนาการ เป็นการทอดทิ้งตัวเอง
31. เราไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้เพื่อเสียเวลามาตัดสินว่า ชีวิตนี้สวยงามสำหรับคนอื่นหรือเปล่า แต่เราต้องตัดสินว่าชีวิตเราสวยงามสำหรับเราหรือเปล่า ถ้าไม่เผามันซะ แล้วลงมือสร้างชีวิตที่แท้จริง สวยงามขึ้นมาใหม่ อย่าให้ความคิดคนอื่นบงการเรา ไม่ต้องขออนุญาตหรืออธิบายใดๆ
32. เรามีหน้าที่รับผิดชอบที่จะบอกความจริง แต่เราไม่ต้องรับผิดชอบปฏิกิริยาโต้ตอบใคร
ต้องยอมรับเปิดเผยความจริง ถึงมีการฟื้นฟู ช่วงแรกๆจะรู้สึกไม่มั่นคง หวาดระแวง หงุดหงิด และเปราะบาง มันคือการถอดถอนตัวตนเดิมที่เจ็บปวด เราต้องหาจุดศูนย์กลางของตัวเอง เมื่อเรารู้สึกต้องปกป้องตัวเอง จะเจ็บปวด หงุดหงิด จุดต่ำสุดอาจรู้สึกเหมือนเป็นจุดสิ้นสุด แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของบางสิ่งเสมอ อย่าตกใจปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งลงไป รู้สึกทุกสิ่ง จินตนาการปล่อยให้มันมอดไหม้ไป แล้วเราจะค้นพบบางสิ่ง
33. ร่างกายของเรามีไว้เพื่อรัก เพื่อเรียนรู้ เพื่อพักผ่อน เพื่อต่อสู้กับความอยุติธรรม ทุกคนบนโลกนี้มีคุณค่าที่เท่าเทียมกัน ไม่มีใครเหนือกว่าใคร
34. เราต้องดีท็อกซ์ตัวเองจากความคิด วัฒนธรรมบางอย่าง กรงขัง บริโภคนิยม มุมมองบางอย่าง
35. จงทำทุกสิ่งให้ดีที่สุด จนกว่าคุณจะรู้ดีกว่าเดิม พอเรารู้ดีกว่าเดิมแล้ว ก็ทำมันให้มันดีขึ้นอีก ;ดร.มายา แอนเจลู เราแสดงออกไป มีคนมาแก้ไขข้อผิดพลาดเรา เราพยายามต่อไป แสวงหาความรู้ เราเรียนรู้ดีกว่าเดิมต้องอาศัยความมุ่งมั่นตั้งใจ เรารู้ดีขึ้นเมื่อยอมทิ้งตัวตนเก่าไปเรื่อยๆ เปิดใจเรียนรู้แม้ทำผิด ไม่ใช่อยากอวดรู้ หรือต้องการให้มีคนมาชอบ
36. ไม่ว่ายังไงก็ตาม…เป็นสิ่งที่เราพูดเวลามีใครทำให้เราผิดหวัง
37. ยึดมั่นในสิ่งที่เธอเกิดมาเป็น แทนที่จะบิดงอตัวเองให้เป็นไปในแบบที่ พวกเขาบอกให้เป็น เราเลือกที่จะซื่อสัตย์กับตัวตนที่แท้จริง แทนที่จะละทิ้งตัวเอง
1
38. ถามตัวเองว่าใครได้ประโยชน์ถ้าฉันเชื่อแบบนี้ ใบสั่งส่วนใหญ่ที่ยึดถือกันเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ถูกเขียนขึ้นโดยคนกลุ่มหนึ่งที่จ้องหาผลประโยชน์
39. การเชื่อเสียงคนกลางแทนที่จะเชื่อเสียงเล็กๆที่สงบนิ่งในใจเรา เท่ากับเขาควบคุมเราได้แล้ว ถ้าเค้าทำให้เราหยุดไว้วางใจตัวเอง หยุดรู้สึก ต่อต้านการรู้ เลิกจินตนาการ ต้องพึ่งพาเขาอย่างเดียว เค้าสามารถทำให้เราลงมือทำบางสิ่งบางอย่างที่ทำลายจิตวิญญาณเราเอง ทำให้เป็นผู้ติดตามเขาได้ ให้ทำสิ่งใดก็ได้
40. มาถึงจุดหนึ่งเราจะเลิกฉุดคนขึ้นมาจากน้ำ เราควรจะไปที่ต้นน้ำ และหาสาเหตุว่าทำไมพวกเขาถึงตกลงไปในน้ำ ; เดสมอนต์ ทูทู
41. 5ลำดับขั้นของความทุกข์ = ไม่ยอมรับ โกรธ ต่อรอง เศร้า ยอมรับ เมื่อความรู้สึกแย่ๆมากดกริ่งประตูมากดกริ่งประตูใจฉัน และทิ้งห่อของที่เต็มไปด้วยข้อมูลสดใหม่เกี่ยวกับตัวฉันเองไว้ให้ เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องรู้ เพื่อก้าวหน้าต่อไปในชีวิตอีกก้าว
ด้วยความเชื่อมั่น ความคิดสร้างสรรค์ สิ่งที่ต้องการมากสุดและวิ่งหนีตลอดชีวิตคือความเจ็บปวด ทุกสิ่งที่ต้องรู้ในขั้นต่อไปอยู่ในความรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจในปัจจุบัน รางวัลของการอดทนกับความรู้สึกแย่ๆ คือการค้นพบศักยภาพ จุดประสงค์ และผู้คน
42. ความโกรธ ความทุกข์ร้อน เป็นไฟในตัวเรา ไม่เกี่ยวกับใครเลย
เค้าไม่ได้รู้สึกถึงมันด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นเปิดใจรับรู้ และรับฟังความโกรธว่าพยายามจะบอกอะไรเกี่ยวกับตัวฉัน (ไม่ได้เกี่ยวกับเขา)
ความโกรธไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆแต่เพราะความเฉพาะเจาะจงที่เกิดซ้ำๆ เป็นความจริงข้างในรับฟังเขา และทำความเข้าใจ จัดการกับมัน(ให้อภัยเป็นการมองความปลอดภัยและอิสรภาพ) เป็นเส้นแบ่งขอบเขตว่า ถูกก้าวล่วงล้ำตรงจุดไหน ทวงคืนขอบเขต ให้เกียรติตัวเอง คุณค่าในตัวเอง
43. หัวใจสลายเป็นสิ่งที่เกิดมาเพื่อเยียวยาเรา เป็นการเริ่มต้นลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงโลก ส่งมอบจุดมุ่งหมายในชีวิต แทนที่จะถอยห่าง หรือ ตัดขาดจากความทุกข์นั้น วิ่งเข้าไปหามัน ร่วมมือช่วยเหลือกัน เช่น เฮลตี่เบิร์ดเดย์คือ ลดอัตราการคลอดแบบทารกตายในครรภ์ ถึงจะทำทุกอย่างไม่ได้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะมาขัดขวางไม่ให้ฉันทำเท่าที่จะทำได้
44. ความเจ็บปวดคือดักแด้ เราจะโผล่ออกมาเป็นตัวตนใหม่ ความโศกเศร้าทำให้แตกสลาย แต่ซ่อมแซมตัวเองขึ้นมา กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง เข้มแข็ง มีรูปร่างใหม่ ขนาดใหม่ เป็นการปฏิวัติ ปล่อยให้ตัวเองตายและกลายเป็นสิ่งใหม่โดยสมบูรณ์
45. อย่ามีชีวิตอยู่อย่างตื่นตระหนก มีชีวิตในสภาวะการเฝ้าระวังตลอด เหมือนไปอุดฟันแล้วคาดหวังว่าจะเจ็บ ตื่นตระหนก รอให้มันเจ็บแบบเลวร้าย แต่จริงๆไม่เจ็บเลย
46. 5เคล็ดลับจากมือโปรสำหรับคนเป็นโรคซึมเศร้า
1.กินยาของคุณเข้าไปเถอะ
2.อย่าหยุดกินยาเมื่อรู้สึกดีขึ้น เพราะเหมือนยืนในพายุฝนขณะที่ถือร่มและคิดว่าตัวอุ่น แห้งไม่เปียก แล้วเอาร่มทิ้งไป ทำให้แห้งและมีชีวิตต่อไป
3.จดบันทึก
ทิ้งตัวตนที่หดหู่ ที่สดใส เขียนเกี่ยวกับความรู้สึก แค่บันทึกสั้นๆไม่ต้องเรียงความ (ใช้ตอนหาหมอจะได้ให้เขาดูแลตัวตนตอนหดหู่)
4.รู้ปุ่มของตัวเอง
ปุ่มง่ายคือ ทำเพื่อละทิ้งตัวเอง เช่น ตามใจปาก สูดน้ำตาล
ปุ่มรีเซ็ทคือ ทำเพื่อให้อยู่กับตัวเองได้มากขึ้น เช่น ดื่มน้ำ ไปเดิน ทำสมาธิ เล่นกับหมา
5.ระลึกว่าเราเป็นคนที่ดีที่สุด
47. การจมความเจ็บปวด ความเศร้า ความทุกข์ทรมาณ เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเรา เลือกความสุขที่เป็นสิ่งใหม่ ทำไมไม่อยากเป็นผู้หญิงมีความสุขเพราะถูกสอนมาว่าเป็นผู้หญิงเข้มแข็ง มีความสุข มั่นใจ ไม่น่ารัก เราจึงลดลง
เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้สึกโดนข่ม หรือคนอื่นผลักไสเรา การถ่อมตัวเป็นการเสแสร้ง แกล้งเป็นอะไรที่น้อยกว่าตัวเอง ไม่เหมือนกับความนอบน้อม คือ รู้ว่าเราเป็นใคร สื่อโดยอ้อมถึงความรับผิดชอบที่เราต้องเป็นตัวตนของเราจริงๆ ต้องเติบโต ไขว่คว้า และผลิใบอย่างเข้มแข็งและยิ่งใหญ่
48. เราไม่ได้บังเอิญที่ได้มาอยู่ในโลกที่เรามีตอนนี้ แต่เราสร้างโลกนี้ขึ้นมา ยิ่งฉันกล้าหาญมากขึ้น ฉันก็ยิ่งโชคดีมากขึ้น
49. เราอิจฉาความสุขคนอื่น พอๆกับขัดขวางความสุขของตัวเอง ยิ่งเราทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำบ่อยขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งอิจฉาคนอื่นน้อยลง
50. อย่าแต่งงานครั้งแรกกับเรื่องนี้แต่งงานครั้งที่สองกับเรื่องนี้ดีกว่า คือ อย่าทำเรื่องนี้ไปโดยอัตโนมัติ ใช้สิ่งที่เราเรียนรู้มาให้เป็นประโยชน์ดีกว่า ระวัง ใช้เหตุผล วางอัตตาลง ระลึกไว้ว่าเราอยู่ทีมเดียวกัน
51. ฉันชอบควบคุมเพราะฉันกลัว และคิดว่าตัวเองฉลาด มีความคิดว่ามันดีเลิศ คิดว่าเป็นผู้นำ เป็นความรัก คิดว่าบทบาทของเราคือฉันมีตัวตนเพื่อทำให้ความหวังความฝันของเธอเป็นจริง มาดูรายการที่ฉันสร้างขึ้นมาให้เธอ
ฉันเอาใจใส่เธอ เชื่อฉัน ฉันรู้จักเธอดีกว่าที่เธอรู้จักตัวเอง แต่การควบคุมเป็นสิ่งตรงข้ามกับความรัก เพราะไม่มีความไว้ใจ บทบาทของเรา ไม่ใช่จินตนาการชีวิตที่งดงามที่สุด และผลักให้เขาไป แต่ควร
ถามว่าเขารู้สึกอย่างไร รู้อะไร จินตนาการอะไร และฉันทำอะไรได้บ้างเพื่อสนับสนุนภาพของสิ่งที่เขาอยากให้เกิดขึ้น
Ig : glennondoyle
.
.
. เพิ่มการพัฒนาตัวเองวันละนิด
. เหมือนเติมวันละ 1 องศา
. 1 วัน อาจจะไม่มีอะไร
. 10 วันไม่มีความต่าง
. แต่ 100 วันล่ะ 1000 วันล่ะ
. จะเปลี่ยนแปลงไปโดยแทบไม่เห็นร่องรอยเดิม
.
. มาพัฒนาวันละ 1 องศา
. เพื่อเติมเต็มวงล้อชีวิตให้สมบูรณ์ไปด้วยกัน
. ...กับเพจ #องศาที่หายไป
.
.
. 🪴🪴🪴🪴🪴🪴
👍🏻เลื่อนนิ้วโป้งกด Like กด Share ให้จูลสักนิด..เพื่อชีวิตที่มีกำลังใจให้จูลนะคะ..ขอบคุณค่ะ
❤️ติดตามที่ Youtube
💙ติดตามที่ Facebook

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา