25 มิ.ย. 2022 เวลา 13:00 • ประวัติศาสตร์
“Avant-Garde คำจำกัดความที่ไม่จำกัดขอบเขต”
ความก้าวหน้า ความแปลกใหม่ และความนำสมัย เป็นสิ่งที่มนุษย์ถวิลหาอยู่เสมอ คำว่า Avant-Garde (อาวองการ์ด) จึงเป็นคำจำกัดความที่สามารถสื่อความหมายของเรื่องนี้ออกมาได้เป็นอย่างดี
เดิมที Avant-Garde (อาวองการ์ด) คือคำที่มีรากศัพท์มากจากคำว่า Vanguard ในภาษาฝรั่งเศษ เป็นคำที่ใช้สำหรับการทหาร เพื่อใช้เรียกผู้นำทัพ เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน คำนิยามของคำศัพท์ก็ถูกเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
Avant-Garde จึงเป็นคำที่ใช้สำหรับเรียกผู้นำที่มีอิทธิพลสำหรับยุคสมัยแทน ไม่ว่าจะในเรื่องการดนตรี การแสดง แฟชั่น ศิลปะ เทคโนโลยี วรรณกรรม หรือในด้านอื่น ๆ คำว่า Avant-Garde ก็สามารถใช้นิยามผู้ที่มีอิทธิพลในด้านนั้น ๆ ได้ทั้งสิ้น
อิงจากพจนานุกรม คำว่า Avant-Garde จะมีความหมายว่า “แนวหน้า” ด้วยคำจำกัดความที่กว้าง Avant-Garde จึงสามารถตีความหมายออกมาได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความคิด ทัศนคติ การริเริ่มในสิ่งใหม่ ความแตกต่างที่ไม่เหมือนใคร ความนำกระแส ความคิดนอกกรอบ รวมถึงลัทธินิยมความล้ำสมัย ที่ถูกถ่ายทอดออกมา แล้วก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสังคม คำ ๆ นี้ก็สามารถใช้เพื่อเรียกบุคคลหรือมุมมองเหล่านั้นได้ทั้งหมด
“หากไม่มีผู้ริเริ่มโลกนี้คงต้องหยุดอยู่กับที่” อย่างที่ทราบกันดี ในยุคที่ยังไม่มีหลอดไฟ การทำกิจกรรมในยามค่ำคืนเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เพราะแสงสว่างที่พวกเขาจะหาได้มาจากเทียนไขเพียงอย่างเดียว จนในปี ค.ศ. 1879 ที่หลอดไฟได้ถูกผลิตขึ้นเป็นครั้งแรก หลอดไฟถือว่าเป็นสิ่งใหม่ในยุคสมัยนั้น
แน่นอนว่าความแปลกใหม่ต้องมาพร้อมกับความคิดเห็นที่แตกต่างเสมอ “โธมัส อัลวา เอดิสัน” ผู้ผลิตหลอดไฟหลอดแรกของโลก ต้องเจอกับเสียงวิจารณ์ที่แตกออกเป็นสองฝั่ง
ฝั่งหนึ่งมีความคิดที่ว่าสิ่งประดิษฐ์นี้ไม่มีความจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของพวกเขาซักเท่าไหร่ เพราะ เทียนไขก็ให้แสงสว่างได้เหมือนกัน และหลอดไฟยังเป็นอะไรที่สิ้นเปลืองแถมยังมีราคาสูง
แต่อีกฝั่งหนึ่งกลับมีความคิดในทางตรงกันข้าม พวกเขาคิดว่าสิ่งนี้เป็นนวัตกรรมที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล กลับมา ณ ปัจจุบันหลอดไฟเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย จนเราลืมคิดไปเลยว่า ก่อนที่สิ่งนี้จะเป็นที่ยอมรับ หลอดไฟก็เคยเป็นสิ่งแปลกใหม่มาก่อน
“การเปลี่ยนแปลงที่ก่อให้เกิดการตั้งคำถาม ล้วนมาพร้อมกับความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่กลับเป็นสิ่งที่นำพาสังคมไปสู่อนาคต”
ก่อนจะจากกันทุกคนอาจคิดว่าการเป็นผู้ริเริ่ม หรือผู้เปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องที่ยากและไกลตัว แต่ความจริงแล้วสิ่งนี้อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด เพียงแค่ไม่ยึดติดกับขอบเขตที่สังคมตีกรอบว่า สิ่งไหนเป็นสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งไหนเป็นสิ่งที่ควรทำหรือไม่ควรทำ
รวมถึงความคิดที่ว่าอะไรที่ดีอยู่แล้วเราจะเปลี่ยนมันเพื่ออะไร หากทุกคนสามารถออกมาจากกรอบความคิดเหล่านี้ได้ และกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง การนำพาสังคมไปสู่สิ่งใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากและไกลตัวของเรา :)
โฆษณา