26 มิ.ย. 2022 เวลา 04:17 • สุขภาพ

มีแดดเป็นบางส่วน

"สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ทุกอย่างหรอกนะ ทั้งอากาศ ทั้งคน เราต้องเจอกับตัวถึงจะรู้ โลกนี้ไม่ได้มีแค่อากาศมืดครึ้มสักหน่อย ยังมีอากาศที่ปลอดโปร่งสดใส และยังมีอากาศที่ลมฝนพัดผ่านไปด้วย ทุกอย่างมีเหตุผลของมัน"
— Forecasting Love and Weather
"สภาพอากาศวันนี้จะมีแดดเป็นบางส่วน ส่วนคืนนี้จะมีเมฆเป็นบางส่วน อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 27 องศาเซลเซียส และสูงสุดอยู่ที่ 30 องศาเซลเซียส..."
ว่าแต่สภาพอากาศแบบ 'มีแดดเป็นบางส่วน' (partly sunny) และ 'มีเมฆเป็นบางส่วน' (partly cloudy) มันคืออะไร และแตกต่างกันอย่างไร?
แม้ว่าสองสิ่งนี้ดูแล้วเหมือนจะอยู่คนละฝั่งกันในสเปกตรัมสภาพอากาศ 'มีแดดเป็นบางส่วน' ฟังผ่านๆ คงน่าจะหมายถึงท้องฟ้าปลอดโปร่ง มีแดดรำไรผ่านมาเป็นระยะ ส่วน 'มีเมฆเป็นบางส่วน' ก็คงน่าจะเป็นท้องฟ้าที่มีเมฆกระจายตัว แต่ถ้าเราไปดูความหมายทางการที่หน่วยงานบริการสภาพอากาศของสหรัฐอเมริกาได้นิยามเอาไว้นั้น เราจะพบว่าสภาพอากาศทั้งสองแบบนี้ แท้จริงแล้วเป็นสภาพอากาศแบบเดียวกัน!
สภาพอากาศแบบ 'มีแดดเป็นบางส่วน' และ 'มีเมฆเป็นบางส่วน' เป็นศัพท์ที่ใช้เรียกยามที่ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆ 3/8-5/8 ส่วน หรือประมาณครึ่งนึงของท้องฟ้า เพียงแต่ 'มีเมฆเป็นบางส่วน' เป็นชื่อเรียกสภาพอากาศในช่วงกลางคืนซึ่งไม่มีแดดแล้วเท่านั้นเอง
สภาพอากาศทั้งสองแบบนี้ เป็นดั่งเช่น "สองด้านของเหรียญเดียวกัน” สำนวนภาษาอังกฤษที่กล่าวถึงสองสิ่งที่อาจจะดูแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่จริงๆ แล้วเป็นเรื่องเดียวกัน ซึ่งเราก็รู้สึกว่ามันสามารถอธิบายการเป็นโรคซึมเศร้าของเราตอนนี้ได้ดีเช่นกัน
บางวันที่เรารู้สึกโอเค เราก็รู้สึกว่าวันนี้แดดออกเยอะแฮะ และเห็นเมฆพวกนั้นราวกับเป็นงานจิตรกรรมชิ้นเอกที่ถูกรังสรรค์โดยศิลปิน แต่ในบางวันที่โลกเรามืดสนิทเหมือนช่วงดึกก่อนรุ่งสาง ถึงแม้ฟ้าจะโปร่งพอๆ กัน แต่เรามองอะไรไม่เห็นอะไรเลยนอกจากเมฆฝนที่ตั้งเค้ามา เรามัวจดจ่ออยู่กับว่าเมื่อไหร่ฟ้าจะผ่าใส่เรา จนลืมไปว่าไม่ว่ากลางคืนจะนานแค่ไหน สักวันกลางวันก็ต้องมา แดดยังไงก็ต้องออก
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เราขอแนะนำตัวเลยแล้วกันนะ
สวัสดี เรา Nucha Nucha
เรามีโรคประจำตัวเป็นโรคซึมเศร้า ระยะเวลาที่เป็นโรคนี้มานานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ แต่เราหาหมอกำลังจะครบขวบปีแล้วล่ะ
บล็อก 'Partly Sunny | มีแดดเป็นบางส่วน' เกิดมาจาก🧵 ในทวิตเตอร์ที่เราเขียนเกี่ยวกับ progress โรคซึมเศร้าของเรา ซึ่งมีหลายๆ คนทักมาคุยกับเราทั้งให้กำลังใจและพูดคุยเรื่องโรคซึมเศร้ากับเรา มันทำให้เรารู้ว่ามีหลายๆ คนที่เป็นโรคซึมเศร้าด้วย แต่อาจจะไม่สะดวกใจที่จะพูดเรื่องกับใครในที่สาธารณะ หรือบางทีเรื่องที่ดูเรียบง่ายอย่างการให้กำลังใจตัวเองก็อาจจะเป็นเรื่องที่ถูกละเลยกันไป
เราเลยอยากทำบล็อกนี้ขึ้นมาเพื่อบันทึกและแชร์ประสบการณ์การเป็นโรคซึมเศร้าของเรา ทวีต🧵 มันทำให้เรารู้ว่า การเรียบเรียงความรู้สึกที่แสนยุ่งเหยิงในสมอง และถ่ายทอดออกมาผ่านการเขียน มันทำให้เราสามารถ express สิ่งที่อยู่ในสมองของเราให้เป็นรูปเป็นร่าง และยังเป็นโอกาสให้เราได้นั่งมองกลับและตกผลึกแบบไม่ฟุ้งซ่าน มันเป็นกระบวนการที่ช่วยทำให้เราเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นที่ดีและ productive มากๆ สำหรับเรา
นอกจากนี้ เหตุผลที่เราตั้งใจเขียนไว้ในที่สาธารณะ เราได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือ Reasons to Stay Alive ของ Matt Haig ซึ่งเป็นการแชร์ประสบการณ์การเป็นโรคซึมเศร้าของเขา เราได้อ่านเล่มนี้ตั้งแต่ช่วงหลังจากที่หมอวินิฉัยว่าเราน่าจะเป็นโรคซึมเศร้าขั้นหนักไม่นาน Matt กล่าาวไว้ในช่วงต้นเล่มว่าเขาได้รอดตายจากการเป็นโรคซึมเศร้ามาได้ เพราะเขาอ่านประสบการณ์ของคนอื่นๆ
เราก็พบว่ามันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ถึงเราจะพูดแทนคนอื่นๆ ไม่ได้ เพราะอาการโรคซึมเศร้าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และแต่คนละมีวิธีจัดการไม่เหมือนกัน แต่เราพบว่าเราได้ทดลองและปรับใช้หลายๆ เทคนิคที่เราเจอจากการฟังพอดแคสท์ ดูคลิป ดูหนัง ดูซีรีส์ และอ่านหนังสือที่คนอื่นๆ มาเล่าประสบการณ์ของตัวเองที่เกี่ยวกับโรคซึมเศร้ามา จนได้เจอหลายๆ วิธีที่เหมาะกับเรา
เราคิดเหมือน Matt ว่าอยากให้บทสนทนาเกี่ยวกับการเป็นโรคซึมเศร้ามันปกติพอๆ กับการบอกว่าตัวเองเป็นหวัด และหวังว่าการแชร์เรื่องของเราอาจจะช่วยใครเหมือนที่ Matt และหนังสือเล่มอื่นๆ ได้ช่วยเรามาเหมือนกัน
เราอยากเขียนบล็อกเล่าเรื่องนี้มานานแล้วแหละ แต่มันก็นานเหมือนกันกว่าที่เราจะกอบกู้ตัวเองให้มีสมาธิ และสมองแล่นพอที่จะกลับมาเรียบเรียงความคิดจนสามารถเขียนออกมาได้อีกครั้ง ตอนนี้เราดีขึ้นเยอะมากแล้วล่ะ แต่ก็ยังช้ามากเมื่อเทียบกับสมัยก่อน ยังมีบางวันเราก็โดนฟ้าผ่าที่กลางหลังเหมือนกัน แต่กลางคืนของเราก็สั้นลงกว่าแต่ก่อนมากแล้วล่ะ
ถ้าใครผ่านมาทางนี้ เราเป็นกำลังใจให้นะ ขอให้คุณได้เจอวันที่มีแดดมากขึ้นนะ :-)
โฆษณา