2 ก.ค. 2022 เวลา 12:59 • ท่องเที่ยว
[เชียงใหม่ในฉากชีวิต] : 2.ถิ่นเพลินใจ
เรื่องสั้น คนพันธุ์* ให้ภาพของท้องทุ่งชนบทอวลกลิ่นกองฟางของภาคอีสานในยุคสมัยต้นทศวรรษ 2500 ที่นโยบายการพัฒนาเพิ่งเข้าไปถึงว่าไม่ได้มีเพียงความเปลี่ยนแปลงทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน น้ำไหล ไฟสว่าง ทางสะดวก แต่ยังมีการปะทะกันของความคิดแบบใหม่ที่เพิ่งเข้ามา และความคิดที่มีอยู่เดิมของคนในพื้นที่อีกด้วย แม้จะเต็มไปด้วยน้ำเสียงของการเสียดสี ทว่าก็สร้างความสะเทือนอารมณ์ต่อความเป็นจริงบางอย่างได้อย่างเด่นชัด และมีเอกลักษณ์
เชียงใหม่ที่ผมอาศัยอยู่นั้นห่างไกลกับภาพดังกล่าวเป็นอย่างมาก ทุ่งนาฟ้าโล่ง อวลกลิ่นกองฟางเป็นเพียงอดีตอันแสนไกลที่มีให้เห็นเพียงในภาพถ่ายเก่า ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผลของการพัฒนาในช่วงเวลาดังกล่าว ส่งผลกระทบโดยตรงต่อบทบาทที่เชียงใหม่เป็นในปัจจุบัน
หนึ่งในนั้นคือการเกิดขึ้นของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
สวนสักเงียบสงบเคล้าแดดบ่าย กับอากาศไหลเอื่อยเย็นสบายทว่าตึงเครียดเมื่อคำสารภาพรักของไข่ย้อยไม่ได้รับการรักตอบ ฉากหนึ่งจากภาพยนตร์ เพื่อนสนิท (2548) ซึ่งสร้างมาจากนวนิยายเรื่อง กล่องไปรษณีย์สีแดง ของอภิชาต เพชรลีลา คงเป็นภาพจำของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ในใจของใครหลายคน ไม่เพียงแต่งานของอภิชาต แต่เรื่องประเภท “นิยายรักนักศึกษา”** คงมีส่วนในการสร้างกลิ่นหอมหวานเจือความสดขื่นซาบซ่าได้อยู่ไม่น้อย
น่าสนใจว่าเรื่องเล่าทำนอง “ไข่ย้อย-ดากานดา” ที่ผุดเกิดขึ้นมาเป็นจำนวนมากในช่วงทศวรรษ 2540 นั้นมีที่มาจากอะไร? เป็นไปได้ว่าความลงตัวของยุคสมัยทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และการเมืองหลังรัฐธรรมนูญ 2540 จะมีเอี่ยวกับเรื่องนี้ ถึงวิกฤตต้มยำกุ้งจะทำให้ความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจจากยุคก่อนชะงักงัน แต่ก็อาจไม่ได้ส่งผลต่อคนทั่วไปที่ไม่ได้ทำธุรกรรมโดยแลกเงินต่างประเทศมากนัก ความลงตัวเช่นว่าจึงอาจทำให้เรื่องรักออกช่อเบ่งบานตามยุคสมัยเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ดี วิกฤตดังกล่าวอาจจะส่งผลให้เกิดชื่อร้าน “ไก่ทอด IMF” ที่ยังเปิดทำการอยู่หลังมช.มาจนถึงปัจจุบัน
ในความเห็นส่วนตัวผมมองว่าเมืองเชียงใหม่มีกลิ่นอายของความ “โรแมนติก” เจืออยู่แล้วในตัวเอง แต่โบราณคูเมืองเชียงใหม่ถูกสร้างด้วยวิธีคิดทางศาสนา ทิศทางและที่ตั้งของวัดในคูเมืองมีคติ “ทักษาเมือง” กำกับไว้ ดังนั้นหากเราอยู่อาศัยในคูเมืองแล้ว เราจะเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นจากแม่น้ำปิงในยามเช้า และตกที่ดอยสุเทพในเวลาเย็น
ในช่วงต้นของทศวรรษ 2500 มช กับตัวเมืองอาจอยู่ห่างไกลกันมาก แต่ในยุคปัจจุบันที่จักรยานยนต์กลายเป็นพาหนะหลักในการเดินทาง มช กับตัวเมืองจึงเชื่อมติดกันในไม่กี่นาที ความเป็น Campus ของมหาวิทยาลัยจึงไม่ได้กระจุกตัวอยู่แค่รั้วรอบขอบม่วง สถาปัตยกรรมยุคอาณานิคมที่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ หอศิลป์ต่าง ๆ หรือร้านรวงที่เปิดให้บริการทั้งกลางวัน และกลางคืนจึงกลายเป็นที่รวมตัวของนักศึกษาให้พักผ่อนหย่อนใจ โดยมีเมืองเชียงใหม่ทั้งเมืองเป็นสักขีพยาน
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาในโลกโบราณอย่าง ดอยสุเทพ กลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจให้นักศึกษา ยามที่ดวงอาทิตย์เลิกงานก่อนเวลา แดดอ่อนกระทบผิวน้ำเอื่อย ๆ ของอ่างแก้วตัดกับภูเขาสูงตระหง่านที่คลอเคลียกับแสงแดดเหมือนไม่อยากให้จากไปไหน ทิวทัศน์เหล่านี้กับสายลมเย็น ๆ กระทบผิวกายสร้างความรู้สึกวาบหวามใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ จนอยากจะหามืออุ่น ๆ ของใครสักคนมากุมแก้หนาว ความโรแมนติกประเภทนี้กระมังที่ทำให้เชียงใหม่เป็นแหล่งที่มาของเรื่องราวรักมากมายที่ได้รับความนิยมจวบจนปัจจุบัน
แม้ว่าแสงสีส้มยามเย็นและผู้คนพลุกพล่านจะทำให้อ่างแก้วดูมีชีวิตชีวาในยามเย็น แต่ผมว่าอ่างแก้วยามบ่ายก็งดงามไม่ใช่เล่นเหมือนกัน (วสิษฐ์พล,กรกฎาคม 2563)
ยากที่จะปฏิเสธได้ ว่าผู้ที่ได้สัมผัสพบพานน้อยคนนักจะไม่เกิดอาการ “หลงเชียงใหม่” แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายเช่นเดียวกันว่าช่วงชีวิตที่ได้อยู่อาศัยในเชียงใหม่มักจะไม่จีรัง สภาพเมืองที่เป็นแหล่งบริการการศึกษาของภาคเหนือกลับมีตำแหน่งงานว่างอยู่เพียงน้อยนิด แม้จะมีศักยภาพในการเติบโต แต่บริษัทเอกชนจำนวนมากก็เลือกรวมศูนย์อยู่ที่ส่วนกลาง ทำให้ลูกหลานคนเมืองจำต้องอพยพไปใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ ปล่อยให้ความโรแมนติกของเชียงใหม่เด่นชัดเพียงความทรงจำ
แย่หน่อย ที่ความทรงจำของผมกับ มช นั้นออกจะแตกต่าง
โควิด-19 ทำให้กิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดกันมาอย่างยาวนานเช่นงานเลี้ยงขันโตกสำหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา การรับน้องขึ้นดอย และกิจกรรมสานสัมพันธ์ทั้งหลายหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผมจึงได้แต่สะลึมสะลือตื่นขึ้นมาดู Facebook live ของมหาวิทยาลัยที่มีปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่อย่างไร้ญาติขาดมิตร ด้วยความจำเป็นของหน้าที่ ผมจึงต้องห่างกับมิตรสหายที่ลำพูน เดือน ๆ หนึ่งจะได้เจอกันแค่สองสามหนเท่านั้น
เวลาส่วนใหญ่ในเชียงใหม่ผมจึงต้องเบิ่งหนังคนเดียว กินข้าวคนเดียว ไปตลาดคนเดียว แต่เอาจริง ๆ ผมมักจะโดนขังอยู่ในห้องเพราะกระเป๋าตังมันไม่ยอมให้ออกไปไหนมากกว่า
อ่างแก้วอันแสนโรแมนติกของใครต่อใครกลายเป็นแค่ที่สูดอากาศ พอให้ได้คล่องคอจากที่อุดอู้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมทั้งวันทั้งคืน ประชาคมชาวมชก็พร้อมใจมาเดิน “ผ่อนอารมณ์สุขสมยามเคียงคู่”*** หรือมาเดินพูดคุย ออกกำลังกายกันเป็นหมู่คณะ จนผมไม่จำเป็นต้องกุมมือใครแก้หนาว เพราะความอิจฉาลึก ๆ ในใจก็ร้อนเพียงพอ
แม้ว่าประสบการณ์ของผมกับมชนั้นออกจะ “ไม่ตรงปก” ไปสักหน่อย แต่มชก็สวยงามสำหรับผมเสมอ หลังหอธัมม์ใกล้ ๆ กับคณะมนุษยศาสตร์เป็นมุมสงบที่ผมชอบนั่งเฝ้ามองผู้คนที่กำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน สนทนากับความเงียบ และทบทวนชีวิตที่ผ่านมา และจะมุ่งไป การอาศัยอยู่คนเดียวท่ามกลางผู้คนจอแจ แม้จะเหงา แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตภายในที่ส่งผลอย่างไม่น่าเชื่อจนถึงทุกวันนี้
ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว เช้าวันใหม่กำลังจะมาเยือน แสงอ่อนนวลจากเส้นขอบฟ้าทักทายแม่น้ำปิง ผู้คนเริ่มจอแจหนาตา และรถราเริ่มวิ่งขวักไขว่ ผมเฝ้ามองเชียงใหม่กำลังบิดขี้เกียจบนที่นอนอย่างเงียบ ๆ ปล่อยให้ความเดียวดายเป็นเพื่อนคลายเหงา ความรู้สึกบางอย่างชำแรกขึ้นกลางใจอย่างแปลกประหลาด ความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย ผมก้มมองกระเป๋าเงินฟี้บแบนด้วยหมายขจัดความอัดแน่นของมวลความรู้สึกให้หมดไปจากใจ
เช้านี้ผมจะกินไก่ทอด IMF
ร้านอาหารยามเช้าหลังมช.อีกร้านหนึ่งที่รสชาติดี ราคาไม่แพง เป็นร้านหนึ่งที่ไปฝากท้องอยู่บ่อย ๆ (วสิษฐ์พล,กรกฎาคม 2565)
*คนพันธุ์ หนึ่งในเรื่องสั้นจากหนังสือ ฟ้าบ่กัน ของลาว คำหอม ที่ได้อ่านในคาบเรียนวิชาวรรณกรรมร่วมสมัยในระดับปริญญาตรี ผมชอบน้ำเสียง การประชดประชัน และการหักจบของเรื่องหลายเรื่องในเล่มนั้น เทคนิคและมุมมองบางอย่างของลาว คำหอมถูกนำมาปรับใช้และต่อยอดในการเขียนในยุคปัจจุบันของผม หนังสือรวมเรื่องสั้นเรื่องนี้จึงนับเป็น “ครู” ทางวรรณกรรมของผม และใครต่อใครอีกหลายคนอีกเล่มหนึ่ง
**นิยายรักนักศึกษา เป็นชื่อหนังสือของศุภักษร โดยสำนักพิมพ์ a book ว่าด้วยเรื่องราวความรักในวัยนักศึกษา โดยมีฉากหลังเป็นมหาวิทยาลัย ตีพิมพ์ครั้งแรกปี 2549 มีทั้งหมด 3 เล่ม โดยเล่มที่ 3 จะเป็นเรื่องที่ราวที่เกิดขึ้นโดยมีฉากหลังเป็นเชียงใหม่โดยเฉพาะ นอกจากจะเป็นชื่อหนังสือ คำ ๆ นี้ยังเป็นกลุ่มคำเรียกรวม ๆ ของกลุ่มนวนิยายที่มีโครงเรื่องแบบนี้อีกด้วย เช่น กล่องไปรษณีย์สีแดง(2543) อยากให้ลมหนาวหวนมาอีกครั้ง (2549) โดยอภิชาต เพชรลีลา เป็นต้น
***ท่อนหนึ่งจากเพลงร่มแดนช้าง ที่ประพันธ์ทำนองโดยครูเอื้อ สุนทรสนาน เป็นที่น่าสนใจว่าในหอประวัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ระบุชื่อเพลงนี้ว่าเพลงมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ส่วนชื่อ “ร่มแดนช้าง” นั้นมาจากท่อนหนึ่งที่ว่า “ร่มแดนช้างชูคบเพลิงเชียงใหม่ มิห่างไกลพระบาทไทยราชา”

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา