2 ก.ค. 2022 เวลา 13:17 • การศึกษา
ถ่านไม้ มีกี่ชนิด
แบบไหนคู่ควรกับ เตามหาเศรษฐี
หลังจากกระทรวงพลังงาน เสนอไอเดียร์เชียสุดใจ กับเตามหาเศรษฐี การันตีว่าช่วยเซฟพลังไฟในเตาคุณได้นั้น อีกหนึ่งปัจจัยที่เราไม่ควรมองข้ามคือ "ถ่าน" เพราะไม่ว่าเตาจะดีขนาดไหน ถ้าเลือกถ่านผิด ชีวิตก็คงจะเปลี่ยน โพสนี้จะพาไปทำความรู้จักกับถ่านไม้แบบเข้าใจง่ายใน 11 ข้อ เว้นไว้ก่อนสำหรับถ่านหิน ถ่านอัลคาไลน์ หรือแม้แต่ถ่านไฟเก่าที่รอวันคุกรุ่น
1. ข้อเท็จจริงคือ ประเทศไทยเรามีถ่านสำหรับหุงต้มใช้มาอย่างต่อเนื่อง และยาวนานพอสมควร โดยเฉพาะคนที่เติบโตในยุค 90S เชื่อว่าร้อยทั้งร้อย ต้องรู้จักถ่าน นอกเสียจากว่า เป็นคนไม่เอาถ่านจริง ๆ เท่านั้น ซึ่งว่ากันตามตรง ถ่านไม้นั้นเกือบจะกลายเป็นอุตสาหกรรมหลักภายในประเทศไปแล้ว ถ้าช่วงหนึ่ง ไม่เกิดกระแสเชิญชวนพี่น้องภายในชาติ หันมาใช้วิธีหุงต้มทางเลือก จากกลุ่มนักอนุรักษ์ ที่เกรงว่าการเผาถ่านเป็นจริง เป็นจังนั้น อาจทำลายสิ่งแวดล้อมโดยไม่รู้ตัว
2. ปัจจุบันการใช้สอยถ่าน ก็คงยังมีให้เห็นกันอยู่พอสมควร โดยเฉพาะนอกเมือง ที่ไม่ถนัดก๊าซหุงต้ม ไม่ถนัดหม้อไฟฟ้าสักเท่าไหร่ นอกจากนั้นบางครัวเรือนมองว่า ถ่านให้กลิ่นอาหาร ละมุนกว่าปรุงสุกด้วยวิธีอื่น โดยถ่านที่พบเห็นทั่วไป มีทั้งถ่านชาร์โคล ถ่านไบโอชาร์ ถ่านขาว ถ่านดำ ถ่านดูดกลิ่น ถ่านกรองน้ำ ถ่านกินได้ และถ่านที่มั่น (เอ๊ะ..ฟังดูแปลก ๆ)
3. คนไทยส่วนหนึ่ง เผาถ่านใช้กันเอง เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเป็นการใช้ชีวิตแบบพึ่งพาตนเอง ส่วนไม้ที่นำมาเผาถ่านนั้น ก็เลือกจากพื้นที่ละแวกนั้น เมื่อพบเป็นไม้เนื้อแข็ง ก็นำมารวม ๆ กัน เข้าเตาเผาเพื่อเข้ากระบวนการด้านวิศวกรรม ที่ออกแบบโดยคนรุ่นพ่อ รุ่นแม่ ถ่านจึง หมายถึง ผลผลิตจากไม้หลังจากนำไปเผา มีลักษณะสีดำ เมื่อเผาแล้วแบ่งได้เป็นสองส่วน คือถ้าไม่ใช่ขี้เถ้า ก็คือ ถ่าน ซึ่งอันที่จริงแล้ว ถ่านยังแบ่งได้หลายชนิดกว่านั้น
4. ในทางวิชาการ ถ่านหมายถึง วัตถุสีดำที่ได้จากการแยกน้ำ และของเหลวต่าง ๆ ออกจากไม้ ด้วยการให้ความร้อนในสภาวะอับออกซิเจน หากผ่านการอบก็จะไม่มีออกซิเจนเลย ศัพท์สากลเรียกว่า "ชาร์โคล" (charcoal) หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อคนไทยรู้จัก "ถ่านขาว" (white charcoal)
จึงกลายเป็นภาคบังคับ ให้คนไทยเรียกถ่านก่อนหน้านี้ว่า "ถ่านดำ" (black charcoal) ความคลุมเครือยังไม่จบแค่นี้ เพราะที่คนส่วนใหญ่มักเรียก "ถ่านชาร์โคล" แปลตามตัวคือ ถ่านถ่าน นั่นเอง อย่างไรก็ดี คนทั่วไปก็เข้าใจดีว่า ถ่านชาร์โคล หมายถึง ถ่านดำนั่นแหละ
5. การจะแบ่งประเภทของถ่านนั้น สามารถแบ่งได้ตามลักษณะใช้งาน หรือลักษณะ แต่ที่นิยมในเชิงวิทยาศาสตร์ คือแบ่งด้วยความร้อนจากกระบวนการเผา ซึ่งเราสามารถแยกชนิดของถ่านได้ จากองค์ประกอบที่เหลือในถ่าน อุณหภูมิที่เผายิ่งสูงเท่าไหร่ ความเป็นถ่าน หรือบริสุทธิ์ของคาร์บอนก็จะยิ่งสูง เพราะสารต่าง ๆ ทั้งน้ำมันดิน และสารว๊าปไฟทั้งหลาย จะถูกขับออกมา ยกเว้นว่าจะเผาแบบไม่เหลือซาก เราคงจะได้เห็น แค่เพียงเถ้าธุลี เท่านั้น
6. หากปิดเตาเผาที่ระดับความร้อน 400-500 องศาเซลเซียส เราจะได้ถ่านไบโอชาร์ ภาษาทางวิชาการเรียกว่า "ถ่านชีวภาพ" ซึ่งเหมาะสำหรับการบำรุงดิน และเป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม ที่ผู้คนทั่วไปรู้จักเป็นอย่างดี ข้อดีของถ่านชีวภาพ คือมันจะร้อนทน ร้อนนาน และสามารถทำเองได้ง่าย ผ่านกระบวนการเผาแบบทั่วไป
7. หากปิดเตาเผาที่ระดับความร้อน 600-800 องศาเซลเซียส จะได้ถ่านสำหรับปิ้งย่าง มันปลอดภัยจากน้ำมันดิน เพราะเตาที่ปิดความด้วยความร้อนระดับนี้ จะเหลือสารว๊าปไฟน้อย มีคาร์บอนบริสุทธิ์สูง เวลาใช้จะไหม้ไฟแบบไม่มีเปลวไฟ แดงเหมือนแท่งเหล็กเผาไฟยังไงยังงั้น
ร้านอาหารที่เน้นปิ้งย่างแบบสัมผัสโดยตรง เช่น ปิ้งหมู่ ปิ้งไก่ ย่างเนื้อ จะเลือกถ่านที่ปิดด้วยความร้อนระดับ 800 องศาเซลเซียส ส่วนร้านที่เน้นจิ้มจุ่ม เนื้อย่างเกาหลี มักเลือกถ่านที่ปิดด้วยความร้อนระดับ 600 องศาเซลเซียส เพราะสารว๊าปไฟจะทำให้ถ่านมีเปลวก๊าซ และให้ค่าความร้อนสูง
8. หากปิดเตาเผาที่ระดับความร้อน 600-800 องศาเซลเซียส พร้อมด้วยกระบวนการกระตุ้น เราจะเรียกถ่านชนิดนี้ว่า "ถ่านกัมมันต์" สาเหตุที่ต้องกระตุ้นก็เพื่อให้ถ่านมีรูพรุนจำนวนมาก เพื่อเพิ่มผิวสัมผัสต่อแรงไฟ พูดง่าย ๆ คือร้อนเร็วนั่นแหละ ศัพท์ชาวเผาถ่านเรียกว่า "activated charcoal"
ส่วนการกระตุ้นจะแบ่งออกเป็นสองประเภท คือกระตุ้นทางเคมี โดยผู้เผาจะเอาสารเคมีผสมกับไม้แล้วก็เข้าเตาเผา ก่อนที่ขั้นตอนสุดท้ายจะล้างเอาสารเคมีออก การกระตุ้นอีกแบบคือ ในช่วงที่เผาจนร้อนระอุอยู่ในเตา ผู้เผาจะฉีดไอน้ำหรือก๊าซเข้าไป วิธีหลังจะปลอดภัยกว่า ไม่สุ่มเสี่ยงต่อสารเคมีตกค้าง แต่วิธีการค่อนข้างซับซ้อน
9. หากปิดเตาเผาที่ระดับความร้อน 900-1,00 องศาเซลเซียส หลายคนเรียกถ่านชนิดนี้ว่า "ถ่านอเนกประสงค์" บ้างก็เรียกว่า "ถ่านสะอาด" ถึงแม้ถ่านจะมีความดำ แต่มวลของมันมีความสะอาดมาก สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลายรูปแบบ ทั้งนำไปเป็นถ่านแช่น้ำด่างล้างผัก ถ่านแช่น้ำดื่ม ถ่านกรองน้ำ หรือนำไปบด กินเป็นยาดูดสารพิษก็มี
10. หากปิดเตาเผาที่ระดับความร้อนมากกว่า 1,00 องศาเซลเซียส เป็นสุดยอดแห่งถ่านที่มีความสะอาดเป็นเลิศ มีระดับความบริสุทธิ์ของคาร์บอนสูงมาก เนื่องจากคาร์บอนบริสุทธิ์จะเป็นตัวนำไฟฟ้า การตรวจสอบความบริสุทธิ์ของถ่านชนิดนี้ จึงอาศัยการวัดความต้านทานไฟฟ้า และถ่านที่มีความต้านทานต่ำกว่า 10 โอห์ม คือถ่านคุณภาพสูง สามารถนำไปใช้เป็นถ่านอเนกประสงค์ได้ สามารถนำไปใช้ ในกิจกรรมป้องกันอนุมูลอิสระในอากาศ ที่เกิดจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ รวมทั้งยังเป็นสารตั้งต้น สำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ และห้องปฏิบัติการวิจัยอีกด้วย
11. หากปิดเตาเผาที่ระดับความร้อนมากกว่า 1,000 องศาเซลเซียส แล้วดับนอกเตาด้วยการกลบขี้เถ้า เราก็จะได้ "ถ่านขาว" การเย็นตัวอย่างรวดเร็วเป็นผลให้ถ่านหดตัว ส่วนขี้เถ้าที่ใช้กลบนั้นจะสร้างโทนสีใหม่ให้กับถ่าน ที่ไม่จำเป็นต้องดำอีกต่อไป ถ่านจะกลายเป็นสีขาวออกหม่น ๆ เหตุนี้ชาวตะวันตกจึงเรียกว่า "white charcoal" บ้านเราจึงได้รู้จักกับ ตำนานแห่งถ่านขาว
ผู้ที่ฉีกตำราให้กับถ่านชนิดนี้ ชื่อว่านาย "บินโจ" ในภาษาญี่ปุ่น ตัน แปลว่า ถ่าน ดังนั้นผู้คนจึงพากันเรียก "บินโจตัน" หรือถ่านของนายบินโจ แต่พอถ่านชนิดนี้ เริ่มได้รับความนิยม แพร่ขยายเข้ามายังฝั่งไทย คนไทยเลยพากันเรียก "ถ่านบินโจตัน" เดี๋ยวนะ ..!! ในคำเดียวกัน มีคำว่าถ่านสองครั้ง
อย่างไรก็ดีการเลือกถ่านสำหรับเตามหาเศรษฐี น่าจะเป็น "ถ่านชีวภาพ" เสียมากกว่า คงไม่มีใครนำ "บินโจตัน" ไปใช้แน่ ๆ เหตุผลคงเป็นเพราะเรื่องของราคา ที่ถือว่าไม่เบาเหมือนถ่านเลย ปัจจุบันอุตสาหกรรมถ่านบ้านเราก็มีถ่านชีวภาพให้เลือกใช้มากมายทั้ง ถ่านอัดแท่ง ถ่านกะลา ถ่านไร้ควัน ถ่านปิ้งย่าง ฯลฯ ทั้งนี้การเลือกถ่านให้เหมาะสมกับจุดประสงค์ใช้งาน น่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุด
ติดตามบทความย้อนหลังได้ที่
www.topranking.one
โฆษณา