8 ก.ค. 2022 เวลา 10:27 • อาหาร
"อาหารทิพย์กับตะกวดในตำนานบรรพบุรุษเขมร"
“ตะกวด” ในตำนานปรัมปราบอกว่าเป็นบรรพบุรุษของคนเขมร แค่ได้เห็นอาหารทิพย์ก็น้ำลายไหล พอได้กินก็เลยไปเกิดเป็นเจ้าชาย คนส่วนใหญ่ก็ดูจะสนใจ แอดมินอาจเป็นคนส่วนน้อยที่ปฏิเสธ "อาหารทิพย์" โดยเฉพาะ "อิ่มทิพย์" เพราะแอดมินยังอยากละเลียดและละเมียดในอาหารที่จับต้องได้ กับความรู้สึกหิวและความรู้สึกอิ่ม พร้อมกับอิ่มสุขที่เกิดจากการกินมากกว่าจะอิ่มทิพย์ที่อิ่มโดยไม่ต้องกิน
2
"The Food of the Gods and How It Came to Earth" เขียนโดย H. G. Wells (First Published in 1904)
"ทิพย์" เป็นคำสันสกฤต แปลว่า เป็นของเทวดา ในภาษาไทยใช้ในความหมายว่า มีลักษณะพิเศษต่างกับลักษณะปกติ เช่น "หูทิพย์" คือ หูที่สามารถได้ยินเสียงเป็นพิเศษ คือได้ยินแม้คนคิดอยู่ในใจ หรือ "ตาทิพย์" คือ ดวงตาที่สามารถมองเห็นสิ่งที่มนุษย์ธรรมดาไม่อาจเห็นได้ และต้องไม่ธรรมดาแน่นอนหากเป็น "อาหารทิพย์"
'อาหารทิพย์' เป็นอาหารพิเศษที่มีรสอร่อยที่สุด และเพียงแต่นึกอยากกินก็จะได้รสอาหารนั้น เทวดาทั้งหลายมักจะ 'อิ่มทิพย์' หมายความว่า ไม่ต้องกินอาหารอะไรก็จะรู้สึกเสมือนได้กินสิ่งที่ต้องการและอิ่มอยู่ได้ตลอดเวลา
ราชบัณฑิตยสภา (2556)
อย่างที่บอกไว้ตอนต้นว่าคนจำนวนหนึ่งอาจอยากกินอาหารทิพย์ ยิ่งคนที่ทำงานยุ่งตลอดทั้งวัน คนที่ต้องการลดความอ้วน หรือคนไร้บ้าน คนที่ไม่มีอันจะกิน ชนิดที่ไม่รู้จะหาอาหารธรรมดา ๆ จากไหนมาใส่ท้องในแต่ละมื้อได้ คงมีบางเวลาที่นึกอยากอิ่มทิพย์ ต่างจากตะกวด ในตำนานบรรพชนกัมพูชาที่แสดงออกนอกหน้าว่าอยากกินอาหารทิพย์ และเป็นอาหารทิพย์ในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสียด้วย
ต้นพงศาวดารกรุงกัมพูชา
ตำนานนี้ปรากฏอยู่ใน พงศาวดารกรุงกัมพูชา ฉบับหอสมุดแห่งชาติ รวบรวมโดยพระองค์เจ้านพรัตนหริรักษ์ราชาภูวดี ราชบุตรสมเด็จพระนโรดม เมื่อปี พ.ศ. 2420 พิมพ์โดยสำนักพิมพ์แพร่พิทยาเมื่อปี พ.ศ. 2513 ต้นพงศาวดารนี้กล่าวถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อใกล้เสด็จปรินิพพาน “ได้เสด็จพระราชดำเนินกระทำทักษิณาวัฏแห่งเกาะทวีปชมพู...” (สุวรรณภูมิ หรือภูมิภาคอุษาคเนย์ในปัจจุบัน) พร้อมด้วยพระอานนท์
พระพุทธองค์มาถึงเกาะขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง บนเกาะมีต้นหมัน (ต้นทะโลก) ขนาดมหึมา บนลำต้นมีโพรงของพญานาคซึ่งมักนำบริวารจากเมืองบาดาลขึ้นมาเที่ยวเล่นอยู่เสมอ และบนต้นหมันนั้นยังมีตะกวดตัวหนึ่งอาศัยอยู่ พระพุทธองค์ได้นำพระอานนท์เข้าประทับใต้ร่มหมันนั้น
  • "...แล้วพระองค์จึงทรงไตรจีวรคลุมพระองค์ดูสมสะอาดเสร็จแล้ว เสด็จยุรยาตรปาฏิหาริย์เหาะขึ้นไปยังดาวดึงษพิภพเพื่อทรงบิณฑบาต ครั้นได้พระกระยาหารเสร็จก็เสด็จกลับคืนมาสู่สำนักที่เดิม แล้วทรงพระกรุณาแบ่งส่วนอาหารบิณฑบาตนั้น ประทานให้พระอานนทเถรได้รับประทานฉันด้วย...
  • ...ในขณะเมื่อสมเด็จพระพุทธเจ้ากำลังทรงเสวยพระกระยาหารอยู่นั้น อันว่าสัตว์ตะกวดได้กลิ่นอาหารทิพย์ซึ่งมีรศโอชา ก็มีความปรารถนาอยากจะใคร่บริโภคเหลือที่จะกลั้นอยู่ได้ จึงคลานเข้าไปสู่สำนักแห่งพระผู้มีพระภาคย์เจ้า น้อมเกล้าฯ กราบถวายบังคม จึงสมเด็จพระพุทธองค์ทรงพระกรุณาปั้นพระกระยาหารปั้น 1 แล้วทรงโยนไปประทานให้สัตว์ตะกวดตัวนั้น...
  • ...ครั้นสัตว์ตะกวดได้บริโภคอาหารทิพย์เข้าไปแล้ว ก็รู้สึกมีรศโอชา จึงได้แลบชิวหาเลียปากของตนเอง สมเด็จพระพุทธเจ้าทรงทัศนาการเห็นลิ้นตะกวดที่แลบออกเลียปากนั้นแตกออกเปน 2 ซีก ก็ทรงแย้มพระโอษฐจะทรงตรัสพยากรณ์ ฯ"
เมื่อพระอานนท์ได้เห็นดังนั้นก็เกิดความสงสัย ทูลถามเรื่องราวจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์ได้ตรัสบอกคำทำนายแก่พระอานนท์ว่า
  • “ดูกรอานนท์เอ๋ย จำเดิมตั้งแต่นี้ต่อไปภายน่า เกาะโคกหมันนี้ แผ่นดินจะงอกขึ้นอีกใหญ่กว้าง แล้วจะเกิดเป็นนครหนึ่ง ซึ่งสัตว์ตะกวดมีจิตรเลื่อมใสศรัทธามากราบถวายบังคมต่อองค์พระตถาคต โดยอำนาจกุศลโสตประสาทได้ยินศัพท์สำเนียงพระสัทธรรมเทศนาแห่งพระตถาคต ในเมื่อเวลาสำแดงให้พระยานาคแลฝูงเทวาได้สดับตรับฟังนั้น เมื่อสัตว์ตะกวดนี้สิ้นชีพแล้วจะได้ไปบังเกิดบนสวรรค์ แล้วจะได้จุติลงมาเปนกระษัตริย์องค์หนึ่งครองกรุงอินทปรัตนคร แลพระราชบุตรของกษัตริย์องค์นั้นจะได้เสด็จมายังที่ตรงนี้...
  • ...จึงพระยานาคที่ได้มาฟังพระธรรมเทศนานี้เองจะได้มาสร้างพระนคร เป็นพระราชธานีใหญ่ให้แก่พระราชบุตรของกระษัตริย์องค์นั้นประทับอยู่ แล้วขนานนามพระนครเรียกว่า กรุงกัมพูชาธิบดี ส่วนนานาประเทศจะเรียกว่าเขมระภาษา ลุกาลต่อไปภายน่า พระอินทราธิราชจะได้มาสร้างปราสาทถวาย แล้วเรียกนามเมืองว่า อินทปรัตนครเปน 2 ชื่อ แลบรรดามนุษยชาติในพระราชธานีนี้จะพูดจาสิ่งใด ๆ ไม่ค่อยยั่งยืนอยู่ในสัตยานุสัตย์ โดยบุรพกระษัตริย์ผู้ตั้งต้นแผ่นดิน มีชาติกำเนิดจากสัตว์ตะกวด อันมีลิ้นแฝดแตกแยกออกเป็น 2 ซีก...”
ตะกวดตัวนี้เมื่อตายแล้วได้เกิดมาเป็น “พระทอง” โอรสกษัตริย์เมืองหนึ่ง ต่อมาคิดเป็นกบฏจึงถูกเนรเทศออกจากเมือง แล้วไปแย่งชิงดินแดนพวกจาม (Cham) แห่งอาณาจักรจามปา กระทั่งได้พบกับ "นางนาค" ธิดาเจ้าแห่งบาดาลนาคพิภพ เมื่อพระทองได้แต่งงานกับนางนาคแล้ว พญานาคผู้เป็นพ่อตาได้ช่วยสร้างบ้านแปลงเมืองให้อยู่ เมืองนี้ชื่อว่า “กัมพูชาธิบดี”
นับว่าตะกวดนี้โชคดีได้พบองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้กินอาหารทิพย์ และได้เห็นธรรม ตายแล้วจึงได้กลับชาติมาเกิดเป็นมนุษย์ แถมอยู่ในวงศ์วารกษัตริย์ ได้เมียสวย มีพ่อตารวยช่วยสร้างบ้านแปลงเมืองอีกต่างหาก
1
อาหารทิพย์นี้เดายากว่าหน้าตาเป็นยังไง ข้อมูลบอกว่าเป็นอาหารใส่บาตรของเทวดา ทั้งที่เทวดาก็ไม่กินอาหารเพราะอิ่มทิพย์ เคยรู้แค่ "เที่ยวทิพย์" ในช่วงโควิดระบาด คือเที่ยวหลอก ๆ สุขหลอก ๆ แล้วบอกกับตัวเองว่าได้เที่ยว
ดูจาก Action ที่พุทธองค์ทรงพระกรุณา "ปั้น" พระกระยาหารให้ตะกวด ก็น่าเชื่อว่าไม่ใช่ข้าวเจ้าร่วน ๆ แบบที่คนไทยทุกวันนี้กิน น่าจะเป็นข้าวเหนียว ไม่ก็ข้าวญี่ปุ่นที่มียางเยอะจึงปั้นได้ (ถ้าได้ปลาดิบด้วยตะกวดคงยิ้มแก้มปริ) เช่นนั้นก็คงจะตรงกับความเชื่อที่ว่าคนอุษาคเนย์บ้านเรากินข้าวเหนียวกันมาก่อน ภายหลังรับชนช้ันสูงเขมรไปรับข้าวแบบอินเดียมากินเรียกว่า "ข้าวเจ้า" ข้าวเหนียวที่เคยกินก็เลยถูกเหยียดลงเป็น "ข้าวไพร่"
ส่วนการเมืองที่ซ่อนอยู่ระหว่างบรรทัดที่ว่าด้วย “…กษัตริย์ผู้ตั้งต้นแผ่นดิน มีชาติกำเนิดจากสัตว์ตะกวด อันมีลิ้นแฝดแตกแยกออกเป็น 2 ซีก…” บอกกับเราว่า กษัตริย์เมืองนี้มีชาติกำเนิดจากสัตว์ “ลิ้นสองแฉก” เชื่อถือไม่ได้ ทั้งก่อกบฏ ถูกเนรเทศจากเมือง แล้วยังไปแย่งชิงอาณาจักรจามปาของพวกจามเข้าให้อีก ธรรมดาที่เรามักได้ยินกันเสมอมาว่า ผู้ชนะเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์ อย่างนี้แล้วไม่ต้องสงสัยเลยคนเขียนตำนานหรือพงศาวดารกัมพูชานี้ไม่ได้รักใคร่ “พระทอง” บุรพกษัตริย์กรุงกัมพูชาแน่
1
โฆษณา