เวลากินบุฟเฟ่ต์ สนใจความคุ้มค่า หรือความสุขจากการกินมากกว่ากัน???
ผมคนนึงเลยที่ก็ขอออกตัวไว้ก่อนว่า มองเรื่องความคุ้มค่ามามากกว่าความสุข
เพราะเวลาที่จ่ายเงินไปกิน ก็คาดหวังว่ามื้อนี้เราจะกินได้ในราคาที่มากกว่าที่จ่ายไป และสุดท้ายจบที่กินอิ่มแบบจุกๆ เดินออกจากร้าน
แต่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ไอ้ความรู้สึกแบบนี้ มันกลับทำให้ทรมานซะมากกว่า จะรู้สึกว่าคุ้มค่า
โดยปกติแล้วผมจะให้ตัวเองกินบุฟเฟ่ต์ได้เดือนละ 1 ครั้ง ซึ่งก็ทำแบบนี้มาเกือบ 2 ปีแล้ว
ช่วงหลังๆ เริ่มหันมาสำรวจตัวเอง เกี่ยวกับเรื่องความสุขเล็กๆน้อยๆ และก็มาพบกับวิธีกินบุฟเฟ่ต์ให้มีความสุข
โดยผมจะแยกเป็นข้อๆ ดังนี้
1. ไม่จำเป็นต้องสั่งของอร่อยที่สุดมากินอย่างเดียว ต่อให้อร่อยแค่ไหนก็กินแค่ 1-2 ถาดพอ
ความคิดนี้เกิดจากวันหนึ่งไปกินบุฟเฟ่ต์ เนื้อย่างวากิวเกรด A4 จำได้ว่าเนื้อติดมันอร่อยมากๆ และก็ดีต่อใจมากๆ หลังจากที่สั่งถาดแรกไป ก็สั่งมาอีกรัวๆ สุดท้ายพอกินเสร็จกลับรู้สึกว่ามันไม่ฟินเท่าที่ควร ผิดกับเนื้ออีกแบบที่เป็นเนื้อหมักกิมจิสูตรพิเศษของทางร้าน กินแค่ครั้งเดียว กลับรู้สึกว่าตอนกินเสร็จ อยากกลับไปกินเนื้อตัวนั้นต่อมากกว่า และประทับใจมากกว่า
พอมานั่งคิดๆดู แล้วก็พบว่า แท้จริงแล้ว ความอยากกินของเรานี่แหละตัวปัญหา
เราอยากกินของที่มันอร่อย และพอเรากินมากขึ้น ซ้ำๆเดิมๆมากขึ้น จากของที่อร่อยมันก็จะกลายเป็นของธรรมดาในที่สุด แต่ในทางกลับกันถ้าเรากินแค่พอดีๆ มันจะทำให้รู้สึกว่าความอร่อยมันยังคงอยู่ และอยากที่จะกลับมากินอีกครั้ง
ถ้าจะให้เปรียบเทียบเหมือนกับว่าเรากำลังดูหนังที่จบไม่ตรงจุดพีค
คือหนังเล่าเรื่องราวมาถึงจุดพีคแล้วเลือกที่จะไปต่อ ทั้งๆที่ควรจะจบ ให้คนดูรู้สึกมีอารมณ์ค้างงเติ่งอยู่ พอดันใส่เนื้อเรื่องไปต่อ มันเลยกลายเป็นทำลายความพอดี และทำให้รู้สึกกลายเป็นธรรมดา และไม่น่าจดจำ
ดังนั้นถ้าจะกินให้มีความสุข เลือกสั่งของอร่อย และกินแบบไม่เยอะ เหมือนเราตัดความพีคของความอร่อยให้อยู่แค่นั้น นั่นจะทำให้ความรู้สึกหลังกินดีมากกว่ากินต่อไปอย่างไม่หยุด
2. กินให้หลากหลาย
หลายต่อหลายคนมักจะคิดว่า การกินบุฟเฟ่ต์ คือการมากินให้อิ่ม เอาให้คุ้ม ไม่คุ้มไม่กลับ แต่เปล่าเลย การกินบุฟเฟ่ต์ ตามร้านอาหารคือการที่เราได้มาลองลิ้มรสชาติ อาหารที่มากมายหลากหลายต่างหาก
แนวความคิดนี้ผมได้ยินมาจากปรมจารย์แห่งการกินของประเทศไทยคนหนึ่ง นั่นก็คือ พีช อีทแหลก นั่นเอง
ซึ่งผมก็ว่าจริง เพราะจากประสบการณ์คือ โดยปกติแล้วเราก็ไม่ได้กินของหลากหลายมากมายในมื้ออาหารธรรมดา ถ้าอยากกินก็ต้องเสียเงินและเวลา เยอะในการไปซื้อมา แต่การกินบุฟเฟ่ต์ นั้นทำให้เราได้ความหลากหลายตรงนี้ และแน่นอนว่า การกินให้หลากหลายย่อมฟินกว่า ด้วยเหตุผลต่อเนื่องจากข้อแรก
3. กินแค่พออิ่ม ไม่ต้องอิ่มจุก
หลังจากที่กินบุฟเฟ่ต์มาหลายครั้งต่อหลายครั้ง ก็ทำให้ค้นพบสัจธรรมอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ เราควรกินแค่อิ่ม ไม่ต้องกินให้อิ่มมากๆ หรืออิ่มจุกๆ
เหตุผลง่ายๆของข้อนี้ก็คือ ถ้าเรากินอิ่มเกินไป มีแต่จะส่งผลเสียต่อตัวเราเอง ทั้งอาการ ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย กรดไหลย้อน ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย แต่ในทางกลับกัน ถ้าเรากินแต่พอดี อาการแบบนี้ก็จะไม่ย่างกรายมาหาเรา และอีกอย่าง เรื่องสุขภาพกินมากก็ไปสะสมในร่างกายมาก กินน้อยก็ไปสะสมน้อย ง่ายๆแค่นั้น ไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ
4. ความสุขไม่ได้เกิดจากอาหาร
อาหารเป็นปัจจัยหลักในการสร้างความสุข จากการไปกินบุฟเฟ่ต์
แต่ๆๆ ความสุขอีกข้อหนึ่งของการไปกินบุฟเฟ่ต์นั้นก็คือ ไปกินกับใครด้วย การได้ไปกินกับคนที่เราสบายใจ นั่งคุยกันสัพเพเหระ ไม่ต้องมานั่งเครียด ได้อัพเทดชีวิตกันบ้าง นั่นเป็นความสุขอย่างไม่ต้องสงสัยของมนุษย์ ที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ไม่ได้หากไม่มีสังคม
แน่นอนว่าถ้าหากว่าการกินอิ่มจนจุกนั้นทำให้คุณมีความสุข อันนี้ผมก็ขอแนะนำให้คุณนั้นทำต่อไป เพราะวิถีทางแบบนั้น ไม่ใช่ความสุขจากการกินในแบบที่ผมต้องการ
ทั้งหมดทั้งมวลเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผม ที่ลองสังเกต จากประสบการณ์ส่วนตัว ซึ่งหากท่านใด มีมุมมองของการสร้างความสุขในการกินบุฟเฟ่ต์ ที่มากกว่านี้ ก็สามารถมาแชร์ร่วมกันได้
หวังว่าหลังจากที่อ่านบทความนี้แล้ว ความสุขกับการกินของคุณ จะเปลี่ยนไป
- 5
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
