10 ก.ค. 2022 เวลา 10:06 • ดนตรี เพลง
วง "Yes Indeed" แมสเพราะอะไร?
โมเม้นต์อะไรบ้างที่ทำให้คุณรู้สึก “ใช่เลย”
.
.
อาจเป็นรักแรกพบที่เคยได้สบตา
เพียงเค้ายิ้มมาก็ทำเอาละลายสั่นไหว
คล้ายแกนโลกกำลังเคลื่อนตัวอยู่กลางใจ
ยากจะหาถ้อยคำไหนมาบรรยาย
ความรู้สึกทั้งหมดที่มี
อาจเป็นโมเม้นต์เรียนได้คะแนนดี
ไปเรียนพิเศษแล้วเจอรุ่นพี่ที่แอบชอบ
สอบเข้ามหาลัยได้คณะที่ใฝ่ฝัน
หรืออาจไม่ต้องมีอะไรมากกว่านั้น
แค่ทุกวันที่ได้ทำไรสนุกสุดเหวี่ยงไปกับเพื่อนๆ
ก็อาจเป็นอะไรที่ “ใช่จริงๆ” อยู่แล้วก็ได้
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวแบบไหน
การได้อยู่กับอะไรที่ใช่ย่อมดีต่อใจเสมอ
เช่นกันกับ Yes Indeed Band วงดนตรีวัยเรียนวัยมันส์ที่นำโดย
แพนเค้ก(ร้องนำ), พอร์ส (ร้องนำ-กีต้าร์), ทะเล(กีต้าร์โซโล่), ตฤณ(คีย์บอร์ด) และมังกร(กลอง) ซึ่งตอนนี้กระแสกำลังแรงกระฉูดสุดๆ จากที่เคยเล่นเปิดหมวก ชวนเพื่อนๆ มาแจมกันหนุกๆ ที่เอเชียธีค
สู่การสร้างปรากฏการณ์ “สยามแตก”
คนดูอัดแน่น กรี๊ดสนั่น ไปทั่วใจกลางมหานคร
พร้อมบรรดาพี่ๆ ศิลปินอาชีพที่ต่างพากัน
มาร่วมแจมอย่างคับคั่งทั้งพี่แพท Klear,
พี่เอก Season Five, พี่เบน ชลาทิศ, พี่กอล์ฟ พิชญะ,
พี่เฟิด Slot Machine, พี่ๆ วง ROOFTOP,
พี่โป้ โยคีเพลย์บอย, คุณโด้ SLAPKISS,
คุณดิว Better Weather
ึุที่ต่างทยอยมาร่วมสร้างสีสัน ช่วยกัน
นำเสียงเพลงมาสร้างความครื้นเครงให้ผู้คน
ปลุกกระแสวงการเพลงไทยให้กลับมาลุกโชน
เป็นที่พูดถึงกันอีกครั้งอย่างน่าชื่นชม
และยังคงฮอตฮิตติดกระแสกันอย่างต่อเนื่อง
ชนิดที่ไม่ว่าไถจอเลื่อนฟีดไปที่ไหน
ก็มักเจอภาพหรือคลิปของน้องๆ
เป็นที่พูดถึงอยู่บนหน้าสื่อ
หรือมีการแชร์บอกต่อกันรัวๆ
ไม่ว่าพวกเค้าจะไปเล่นที่ไหน
เยาวราช จตุจักร เกษตร ห้าง งานแต่ง คาเฟ่
ก็ทำเอาที่นั่น “แตก” ไปด้วย
เสียงเพลงและผู้คนมากมาย
คิวงานยาวเหยียดไปถึงสิ้นปี
ฮอตขนาดที่มีคิวต้องไปโชว์ทุกจังหวัดทั่วประเทศ
บางวันบินไปเชียงใหม่แล้วตอนเย็น
ต้องมาเล่นที่ กทม. แล้วต้องไปลำปางอีก
เดือนนึงมี 30-31 วัน ทำงานล่อไป 28 วัน
มีค่ายเพลงติดต่อเข้ามาให้พิจารณา
มีสื่อจ่อไมค์ เชิญไปสัมภาษณ์
ไปเล่นตามรายการต่างๆ
และได้รับเชิญจาก “ป๋าเต็ด”
ให้มีชื่ออยู่ในไลน์อัพศิลปินที่จะขึ้นโชว์
ใน “Big Mountain Music Festival”
ปีนี้เรียบร้อยแล้วด้วย!!
สปอนเซอร์ก็เข้าแล้วก่อนหน้านี้
จากการเป็นพรีเซ็นเตอร์รองเท้าบาโอจิ
ยังไม่รวมผลงานอื่นๆ อีกมาก
โดยเฉพาะการมีเพลงของตัวเอง
ที่เขียนกันไปแล้วและกำลังจะปล่อยของ
ออกมาให้แฟนๆ ได้ฟินกันต่อยาวๆ
ทำเอาใครต่อใครต่างทึ่งในผลงานคลื่นลูกใหม่
ผู้เต็มไปความสนุก สดใส ในสไตล์ตัวเอง
เลยอยากชวนอ่านบทวิเคราะห์กันซักนิด
ว่าวง “Yes Indeed” แมสเพราะอะไรบ้าง?
.
.
1. กว่าจะใช่ก็เคย “ไม่ใช่” มาก่อน
ทุกอย่างบนโลกนี้ไม่มีอะไรสำเร็จมาแต่แรก กว่าจะออกมาเป็นภาพอันสวยสดงดงามเป็นรูปธรรม ก็ต้องผ่านเรื่องราวระหว่างทางมากน้อยต่างกันไป มีล้ม ลุก คลุก คลาน กว่าจะผ่านอะไรที่ไม่ใช่จนได้มาเจอสิ่งที่ใช่ในแบบของตัวเองจริงๆ เหมือนกับวง Yes Indeed ที่เมื่อก่อนยังเป็นวงไร้ชื่อ(ยังไม่มีการตั้งชื่อวงจริงๆ) มีเพียง “พอร์ส-แพนเค้ก” สองพี่น้องที่ร้องเล่น อัดคลิป Cover เพลงลง Youtube แล้วแทบไม่มีคนดูจริงจังเลย ตัวเลขยอดแชร์ที่ปรากฏบนหน้าจอล้วนมาจากการไหว้วานขอให้เพื่อนๆ ช่วยกันทั้งนั้น
คุณพ่อเลยแนะนำให้ลองไปเล่นเปิดหมวกข้างนอกที่เอเชียธีคกว่า 2-3 ปี อาศัยชวนเพื่อนๆ พี่น้องมาแจมกัน นอกจากได้เปิดประสบการณ์ทางดนตรีมากขึ้นแล้วยังได้เรียนรู้ผ่านการเล่นว่าถ้าเจอปัญหาเฉพาะหน้าจะแก้ไขยังไง จะส่งอารมณ์ให้คนดูยังไง แต่เล่นไปมาก็เกิดอาการตื่นเต้น ยิ่งคนน้อยก็ยิ่งเกร็ง เล่นไปมาก็เบื่อ พอร์สเลยชวน “มังกร” เพื่อนสมัยประถมมาเล่นด้วยกัน ตามมาด้วย “ทะเล” เพื่อนแพนเค้กที่รู้จักกันผ่านโซเชียลที่เห็นเปิดหมวกก็อยากมาแจมบ้าง
ปิดท้ายด้วย “ตฤณ” น้องเล็กต้าวแก้มที่เคยเป็น FC ของวง มาเจอพี่ๆ เล่นในวันลอยกระทงแล้วเกิดสปาร์คจอยนั่งดูตั้งแต่ต้นจนจบ พอบอกความในใจว่าชอบพี่ๆ มากแล้ววงขาดมือคีย์บอร์ดพอดี จึงได้มีกัน 5 คนตั้งแต่นั้นมา เล่นเปิดหมวกมาด้วยกัน ลองผิดลองถูกมาด้วยกัน จนเริ่มเข้าขากันดีแบบบอกกันหน้างานก็รู้เลยว่าจะเล่นอะไรยังไงต่อ
เส้นทางที่พวกเค้าทั้ง 5 เลือกเดินมันไม่ได้ง่าย ก่อนจะมาเป็นวงแมสอย่างทุกวันนี้ กว่าจะได้มีสปอร์ตไลท์ฉายมาถึง ก็เคยผ่านอุปสรรคขวากหนามมาก่อน แต่ก็ทำให้เห็นว่าในชีวิตคนเรา ทุกครั้งที่เจออะไรที่ “ไม่ใช่” อย่างน้อยเราก็มีโอกาสเข้าใกล้ “สิ่งที่ใช่” มากขึ้นไปอีกก้าว
2. ถูกที่ ถูกเวลา
เป็นเวลากว่า 2 ปีกว่า ที่วงการเพลงต้องตกอยู่ในยุคมืดจากพิษโควิด ศิลปินไม่มีพื้นที่ให้ออกงานมากนัก คนดูเองก็อัดอั้น อยากไปฟังดนตรีสด อยากไปโดดในคอนเสิร์ตก็ไปไม่ได้ พอจะเริ่มคลายล็อกก็กลับมาปิดๆ คลายๆ วนไป ก็ยิ่งทำให้อั้นกันเข้าไปอีก พอถึงตอนนี้ที่เริ่มคลายกันมากขึ้นจริงๆ น้องๆ Yes Indeed ที่ฝึกฝนตัวเอง เล่นเปิดหมวก รวมคนมาเติมวงกันเรื่อยๆ จนเมื่อได้พื้นที่และโอกาสก็ใส่เต็มที่ ส่งอารมณ์ไปพร้อมกับคนดูที่รอบรรยากาศแบบนี้มานาน
แล้วยิ่งย่านสยามสแควร์ที่เป็นย่านธุรกิจ ช้อปปิ้ง และเป็นแหล่งร่วมวัยรุ่น วัยทำงาน คนวัยไล่เลี่ยกัน ไลฟ์สไตล์ ความชอบในแนวเพลงก็ย่อมใกล้เคียงกัน บวกกับพลังโซเชียลที่พอเจออะไรมาจุดกระแส การแชร์บอกต่อกันก็ยิ่งตามมาเรื่อยๆ เรียกได้ว่าทั้งจังหวะ เวลา สถานที่ รวมถึงประสบการณ์และทีมเวิร์กที่พอได้สร้างกันมา สิ่งเหล่านี้จึงเหมือนเป็น “โบว์ลิ่งพินแรก” ที่สร้างแรงส่งให้พวกเค้าได้แจ้งเกิดในที่สุด
3. มีตัวตน (Branding) ที่ชัดเจน
ไม่ว่ายุคสมัยไหน การมีตัวตนที่ชัดเป็นภาพจำได้แปลว่าคน ศิลปิน หรือแบรนด์ธุรกิจนั้นๆ มีโอกาสสำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว เพราะนี่คือจุดที่ช่วยสร้างความแตกต่างจากคนอื่นได้ เหมือนเวลาเราดูสินค้า พอเห็นโลโก้ สี ลายเส้นก็พอรู้เลยว่าแบรนด์ไหน วงการเพลงก็ไม่ต่าง แบบฟังจากซาวด์ดนตรี แนวเพลง สไตล์เนื้อหา การเล่าเรื่อง ไปจนถึงลีลาการเล่นสด ก็ล้วนแล้วแต่เป็นลายเซ็นที่ทำให้พวกเค้าเข้าไปอยู่ในใจคนฟังได้
วง Yes Indeed เองก็สำเร็จในจุดนี้ ด้วยการใส่เครื่องแบบนักเรียน-นักศึกษาขึ้นเวทีทุกครั้ง เป็นการสื่อถึงวัยและตัวตนของพวกเค้าที่ยังคงศึกษาเล่าเรียน อยู่ในช่วงที่ยังค้นหาตัวเองกันอย่างสนุกสนาน สดใส ขณะเดียวกันก็ยังใช้เป็น “เกราะป้องกัน” ตัวเองจากสังคมโดยเฉพาะกลุ่มคนฟังดนตรี ที่เวลาเห็นอะไรแมสแล้วอาจจะเผลอคาดหวังว่าจะเป็นแบบนั้นนี้
แต่เมื่อมองไปยังชุดของน้องๆ ก็จะช่วยย้ำเตือนได้ว่าเค้าก็ยังเพิ่งเริ่มตั้งไข่ หัดเล่นดนตรีกันมาได้ประมาณนึง ยังอยู่ระหว่างทางของการพัฒนาตัวเองไปเป็นศิลปินจริงๆ ดังนั้นเวลาร้องเล่นโชว์ก็เป็นธรรมดาที่จะมีผิดพลาด ร้องเพี้ยน ผิดคิวไปบ้าง เหมือนศิลปินในวงการ หลายคนเริ่มมาจากการประกวด ซ้อมร้องเล่นมาตั้งแต่สมัยยังใส่ชุดนักเรียนขึ้นเวที ดูแล้วมีของ มีฝีมือ แต่ตอนนั้นก็ยังเป็นเพชรที่รอการเจียระไนอยู่
นอกจากนี้ด้วยสไตล์การโชว์ที่เน้นความด้นสด เรียลๆ หน้างาน สนุกสนานไปกับคนดู ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่ทำให้พวกเค้าสามารถเฉิดฉายในวงการเพลงไทยได้ในขณะนี้ ถึงจะมีบางงานที่ใส่ชุดไปรเวทกันไปเล่น ตัวตนภาพจำของวงก็ยังคงอยู่ในใจคนดูเสมอไปไหนก็จะไปด้วยกันทั้ง 5 คน นี่แหละคือ Yes Indeed
หรือแม้แต่เรื่องสถานที่จุดกระแสก็มีผลต่อภาพจำตรงนี้ เช่นศิลปินเปิดหมวกด้วยกันอย่าง “คุณติวเตอร์” กับเยาวราช ส่วนน้องๆ “Yes Indeed” ก็ย่อมมาคู่กับสยาม
4. การเล่นสดที่สนุก เป็นธรรมชาติ
เชื่อหรือไม่ว่าพวกเค้าทั้งห้าแทบไม่เคยซ้อมกันเต็มๆ มาก่อน ด้วยความที่อยู่ต่างสถาบันกัน เลยต้องลิสต์เพลงกันคร่าวๆ แล้วแยกกันไปซ้อมกันเอง ที่เหลือคือหน้างาน หน้างาน และหน้างาน อาศัยเวทีจริงนั่นแหละเป็นห้องซ้อมเลย55+ เอาเพลงไรดีวะ? เดี๋ยวเบิ้ลฮุคเลยนะ จะโชว์ไรต่อ ทุกอย่าง ใช้เซ้นส์รับส่งกันล้วนๆ
เอาจริงจุดนี้ผมแอบทึ่งไม่น้อยเลยนะ ด้วยความที่เคยมีวงดนตรีกับเพื่อน ม.ปลาย มาเหมือนกัน ขนาดเข้าห้องซ้อม ทวนกันมาหลายรอบ พอขึ้นเวทีจริงยังแอบประหม่าเลย ยิ่งช่วงใกล้วันโชว์ ห้องซ้อมแทบจะกลายเป็นบ้านหลังที่สองไปเลย
พอมาเห็น Yes Indeed โชว์กันแบบไม่มีสคริปต์ ไม่มีลิสต์เพลงที่ตายตัวแต่ละงาน แต่ก็ยังทำออกมาได้ Flow มากๆ แบบเข้าขารู้ใจ ทุกอย่างโดยรวมดูสนุก ธรรมชาติ มีชีวิตชีวา ถึงจะมีสะดุดบ้าง พลาดบ้าง พวกเค้าก็ยังไปต่อได้เรื่อยๆ ร้อง เล่น คุยกับคนดู ปลดปล่อยความเป็นตัวเองออกมาจนสุด ประคองกันไปจนจบเพลง The show must go on ได้เสมอ
หรือในยามที่มีศิลปินอาชีพมาแจมด้วยก็ยังคงสไตล์ของวง ร้องเล่นกันเต็มที่เหมือนเดิม พี่ๆ เค้าส่งมาก็ส่งอารมณ์กลับไปได้สบาย ทุกคนในวงรับส่งหันไปมาได้ดี อย่างพี่น้องพอร์ส-แพนเค้กที่เวลาร้องก็จะสลับท่อนกัน พอช่วงโน้ตต่ำก็ให้พอร์ส พอเริ่มไต่มาสูงก็ส่งให้แพนเค้กแบบพอดี พอได้ดูเลยรู้สึกเอ็นจอยแบบไม่ต่างจากเวลาดูคอนเสิร์ตจริงๆ นี่แหละหนทางสู่การเป็นศิลปินในอนาคตที่รอ
5. เข้าใจกลุ่มคนฟัง
จะเห็นได้ว่าเพลย์ลิสต์ต่างๆ ที่ Yes Indeed หยิบมาเล่น ล้วนเป็นเพลงฮิตที่คอดนตรีแทบทุกคนรู้จัก ทั้งเพลงเก่าและใหม่ ไม่ว่าเพลงช้ารึเร็ว พอขึ้นต้นมาก็พร้อมจะร้อง โยก โดดและกรี๊ดดดดตามกันได้ทันที พิเศษกว่านั้นคือด้วยความเป็นวงที่ชอบด้นสดหน้างาน พวกเค้าก็จะจัดโชว์โดยดูจากอารมณ์ของคนดู ณ โมเม้นต์เป็นหลัก ว่าเค้ากำลังสนุกอยู่มั้ย อยู่ในช่วงอารมณ์ไหน ก็จะเล่นเพลงที่ตอบโจทย์ให้เน้นๆ ถ้าเป็นธุรกิจก็คือแบรนด์ที่รู้และเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคเป็นอย่างดี
6. ต่างที่มาแต่ใจเดียวกัน
อย่างที่รู้กันว่าสมาชิกแต่ละคนในวงล้วนต่างคนต่างที่มา อยู่คนละสถาบัน คนละช่วงชั้นปี อายุห่างกัน ความยากง่ายของหลักสูตรการเรียนก็ย่อมต่างกันไป มองเผินๆ ถ้าเรามีเพื่อนพี่น้องต่างที่แบบนี้จะนัดมาเจอกันยังต้องรอวันว่าง แต่ทั้ง 5 ไม่เพียงต้องบริหารจัดการชีวิตการเรียนให้ดีแบบอย่างน้อยให้ผ่านไปได้
พวกเค้ายังหาเวลามาเดินสายขึ้นโชว์ ออกสื่อได้โดยที่ยังคงเอเนอจี้เดิมไว้แบบไม่มีตก เหตุผลที่เป็นพลังให้ทำได้แบบนั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่าหัวใจรักในดนตรีที่มีเหมือนกัน นั่นคือความ“อยากเล่น” อยากแสดงความสามารถออกมาให้คนได้ดูได้ฟังกันในสไตล์ของตัวเอง
ถ้าท่านชัชชาติมีสโลกแกนว่า “ทำงาน ทำงาน ทำงาน” Yes Indeed ก็คงมีสโลแกนว่า “อยากเล่น อยากเล่น อยากเล่น” และก็ช่วยกันเล่นช่วยกันทำมันออกมาจนสุด แค่นั้นจริงๆ
7. ทิศนคติที่ดี “แค่ได้ทำ ก็เป็นกำไร”
ในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการแข่งขันสูงเสียดฟ้า Content Creators ทุกวงการไม่ว่าใครต่างถวิลหาผลลัพธ์ที่เป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จว่าชั้นกำลังมาถูกทาง ได้รับการยอมรับ รวมทั้งแบรนด์ ลูกค้า สปอนเซอร์น้อยใหญ่ต่างก็ใช้ยอดเหล่านี้เป็นตัวชี้วัดในการจ้างงาน ยิ่งยอดดีเท่าไหร่ก็ยิ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้ว่าจ้างได้มากเท่านั้นว่าลงเงินไปแล้ว โอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีต่อแบรนด์ธุรกิจย่อมสูงตามมาด้วยเช่นกัน
ดังนั้นมันจึงเป็นดาบสองคมที่ทำให้คนทำคอนเท้นต์ยุคนี้มีความเครียดเป็นเงาตามตัว และถอดใจล้มเลิกกันไปกลางคันก็มีพอควร เมื่อยอดและผลตอบรับไม่เป็นไปตามหวัง บวกกับอัลกอริทึ่มบางแพลตฟอร์มก็ไม่ได้เป็นใจให้นัก มีแต่เหนื่อยไม่คุ้มที่ลงแรงลงใจ หรือบางคนพอเห็นทิศทางเป็นแบบนี้ก็เลือกที่จะไม่ทำเลยก็มี
แต่สำหรับ Yes Indeed ไม่ได้มองแบบนั้น เพราะพวกเค้ามาด้วยความสุขตั้งต้นที่แค่อยากจะเล่นดนตรี อยากจะเรียนรู้ผ่านการเล่นไปเรื่อยๆ ไม่ได้ตั้งธงว่ามันต้องดัง ต้องปัง แมสแรงกระฉูด แค่ทำด้วยใจรักที่อยากจะทำแค่นั้น อย่างที่แพนเค้กเคยบอกว่าแค่ได้ทำก็เป็นกำไรแล้ว นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า “ประสบการณ์” ถึงไม่ปัง อย่างน้อยเป็นผลงานไปใช้ตอนเรียนต่อได้เช่นกัน
และที่สำคัญคือถึงตอนนี้วงจะแมสยังไง พวกเค้าจะบอกกันเสมอว่าตัวเองเริ่มต้นมาจากจุดไหน ถึงการพาตัวเองให้แมสว่ายากแล้ว แต่จะทำยังไงให้แมสแล้วอยู่ในใจคนฟังได้นาน รวมทั้งการให้ความสำคัญกับ “ทีมเวิร์ก” แบบใจถึงใจ ไม่มีใครเด่นกว่าใครชัดเจน ถึงพอร์ส-แพนเค้กจะเป็นร้องนำก็ไม่ได้นำตลอดเวลา ผลัดกันนำ ผลัดกันซัพพอร์ต พอถึงเวลาที่ใครต้องออกมาร้องโชว์ ทุกคนที่เหลือก็จะช่วยกันให้คนๆ นั้นได้ปลดปล่อยความเป็นตัวเองออกมา
พร้อมยืนยันหนักแน่นว่าถ้ามีสปอนเซอร์หรือค่ายเพลงติดต่องานมาแล้วเค้าอยากได้ไปแค่บางคน ก็จะไม่รับงานนั้นทันที ยังไงก็ต้องไปเป็นวง ถ้าเกิดมีคนใดคนนึงไม่ได้ไปก็คงไม่เอา เพราะว่าเราสร้างมาด้วยกัน ก็ต้องไปด้วยกัน สิ่งนี้ต่างหากคือหัวใจที่จะช่วยวางรากฐานให้วงไปไกลได้จนสุดทาง หรือแม้แต่การใส่ชุดนักเรียน-นักศึกษาแบบเต็มยศทุกครั้งเวลาไปเล่น พวกเค้าก็จะเอาเสื้อยัดในกางเกงให้เรียบร้อยเสมอเพื่อเป็นการให้เกียรติสถาบันของตัวเอง
จริงอยู่ที่ความน่ารัก หล่อเท่ สดใส บวกฝีมือและคาแรคเตอร์จะทำให้ Yes Indeed เป็นที่นิยมสุดๆ ทว่าหากได้มาศึกษาค้นใจในความเป็นพวกเค้าจริงๆ ก็จะพบว่าตัวตนและทัศนคติดีๆ แบบนี้แหละที่จะทำให้คุณหลงรัก เอ็นดู พร้อมเอาใจช่วยเด็กๆ วงนี้ขึ้นอีกเป็นกอง
8. พรแสวงแซงพรสวรรค์
นอกจากจะเล่นสดหน้างานกันเป็นหลักแล้ว สิ่งที่ทำให้พวกเค้าทั้ง 5 คนมาได้ขนาดนี้คือพรแสวงมากกว่าพรสวรรค์ อย่างพอร์สที่ให้สัมภาษณ์ว่าแต่ก่อนเค้าก็ร้องเพลงไม่ดี เสียงเป็นเป็ด ก็อาศัยการฝึกฝนพัฒนาตัวเองมาตลอด กลายเป็นคนที่ทั้งเล่นกีต้าร์และร้องเพลงไปด้วยได้แบบไม่เคอะเขิน เวลาโชว์ก็อาศัยวิธีการจำแพทเทิร์นเพลง ให้ทุกวันในห้องน้ำ ให้มันติดหู รู้ว่าทำนองเป็นแบบนี้
"ทะเล" มือกีต้าร์โซโล่
ทะเลที่ขึ้น ม.ปลายมาแล้วเลือกเรียนสายดุริยางค์ แต่ก่อนนั้นไม่เคยไปเรียนกีต้าร์เลย ฝึกเองมาตลอดก่อนหน้านั้น ตอนซ้อมทีก็จะเปิดเพลงท่อนที่ตัวเองต้องเล่น และเก็บทีละท่อนๆ ว่าจะต้องเล่นอะไรบ้าง ถ้าเยอะจริงก็จะจดไปด้วย จนตอนนี้เพื่อนๆ ยกให้เป็น “เดอะแบก” ประจำวง สายเนี้ยบ เก็บทุกรายละเอียด จะเห็นได้จากเวลาโซโล่เค้าจะมีลีลาการด้นสดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพลงต้นฉบับทำไว้แบบนึง จะใส่ความเป็นตัวเองให้พิเศษเข้าไปอีกแบบ
"มังกร" มือกลอง
มังกรที่ ริ่มเล่นกลองตอน ม.3 ตอนแรกเคยเล่นอย่างอื่นมา แต่พอเจอกลองแล้วเวิร์กสุด ตอนนั้นยังไม่มีกลองเป็นของตัวเองก็จะไปห้องซ้อมกับเพื่อน หรือไปคนเดียวแล้วซ้อมตีไปคนเดียวเลย อาศัยการเปิดเพลงฟังแล้วตีตาม ลองผิดลองถูก เริ่มศึกษา เปิดดูทฤษฎีต่างๆ มาช่วยพัฒนาการเล่นของตัวเอง
"ตฤณ" มือคีย์บอร์ด น้องเล็กประจำวง
ตฤณที่เห็นเป็นน้องเล็กแบบนี้ แต่จริงๆ เค้าคือเด็กสู้ชีวิตในวันที่ชีวิตสู้กลับ เรียนแถวข้างร้านคีย์บอร์ด อยากเล่นเพลงอะไรก็ให้เค้าสอน เลยเลือกเพลงที่ตัวเองรู้จักก็สนุกขึ้น พอเริ่มจะจริงจังก็ต้องไปเรียนเก็บทฤษฎีอีกรอบ จากวันที่เคยส่งโปรไฟล์ตัวเองไปเล่นดนตรีตามร้านอาหาร อยากเล่นมาก แต่ไม่มีที่ไหนรับ บอกคิวเต็มไปหมด พอขี่จักรยานผ่านทีไรกลับไม่เห็นมีคนอย่างว่าเลย ขอเล่นฟรีเค้ายังไม่ให้เล่นด้วยซ้ำ
พอได้มาเจอพวกพอร์ส ได้เจออะไรที่ใช่กับตัวเองและได้โอกาสยื่นเข้ามา ก็ไม่รอช้าที่จะแสดงคุณค่าให้วงได้เห็นว่าเค้าคู่ควร ค่อยๆ เรียนรู้กันไป เคยเล่นไม่ทันพี่ๆ บ้าง ด้วยความหน้างานล้วน ก็พยายามฝึกตัวเองให้ไปกับวงได้เรื่อยๆ
แพนเค้กที่ชื่นชอบพี่แพทวง Klear มากๆ มาตั้งแต่เด็ก เคยไปดูคอนเสิร์ต ยึดเป็นไอดอลคนนึงมาตลอด พอถึงวันที่พี่เค้ามาโผล่หลังเวทีก็ใจดีสู้เสื้อ ร้องเล่นไปด้วยกันแบบมืออาชีพพอ เปลี่ยนจากความฝันที่เคยมี มาวันนี้ร้องเพลงด้วยกัน ก็ทำเอาเด็กสาวทั้งภูมิใจและดีใจมากจริงๆ
9. เป็น “Soft Power” ให้สังคม
วง Yes Indeed ไม่เพียงแต่จะสร้างปรากฏการณ์ปลุกกระแสวงการเพลงไทยอย่างเดียว พวกเค้ายังช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เป็นพลังบวกให้พี่น้อง เพื่อนๆ เยาวชนวัยรุ่นที่มีความฝัน มีตัวตนที่อยากแสดงให้โลกเห็น รู้สึกกล้าที่จะออกจาก Comfort Zone ของตัวเองกันมากขึ้น เห็นได้จากที่มีวงเพื่อนๆ โรงเรียนอื่น หรือกลุ่ม Cover Dance ต่างทยอยตบเท้ามาเปิดหมวก โชว์ความสามารถที่มีในตัวกันอย่างคับคั่ง
เป็นแรงผลักดันให้สังคมเห็นว่าเด็กไทยมีความสามารถไม่แพ้ใคร ขอเพียงได้ “โอกาส” และ “พื้นที่” ที่คอยสนับสนุนพวกเค้าให้ได้ปลดปล่อยความเก่ง กล้า สามารถเหล่านั้นออกมา เชยไปแล้วยุคที่ศิลปินต้องมาแข่งกัน เดี๋ยวนี้เค้าจับมือกันขึ้นเวที ช่วยกันโปรโมตกันด้วยความรักและเคารพต่อกันจากใจจริงๆ สิ่งนี้แหละที่จะพากันไปได้ไกลกว่าเดิม
10. ชวนให้นึกถึงความทรงจำเก่าๆ
การได้ เห็นว่าเด็กชุดนักเรียน-นักศึกษาวงนี้ขึ้นโชว์ดนตรีสดกันสุดพลัง ก็แอบชวนให้คิดถึงวันวาน เหมือนพวกเค้ากำลังพาเราเปิดลิ้นชักความทรงจำเก่าๆ ที่เคยมีในตอนนั้น เหมือนฉายภาพบนเวที “Hotwave Music Awards” ที่เคยเป็นพื้นที่แจ้งเกิดศิลปินดังมากมาย และเป็นดั่งความฝัน ความหวังของเด็กเยาวชนไทยผู้มีใจรักดนตรีให้ได้ขึ้นมาพิสูจน์ตัวเอง พอเห็นน้องๆ เล่นเพลง “กันและกัน” ในสยาม ซึ่งเป็นเพลงในตำนานจากรักแห่งสยาม ก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจถึงความรักสมัยใสๆ ไร้เดียงสาอย่างบอกไม่ถูก
ไม่ว่าจะดูจากโชว์ที่ไหน เมื่อไหร่ก็ยิ่งพาใจให้นึกถึงภาพวงดนตรีวัยรุ่นวัยเรียนที่คุ้นเคยแบบวง Arena และ Suckseed จากหนัง Suckseed / วง See Scape จากซีรีส์ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น / วง August จากหนังรักแห่งสยามอีกเช่นกัน ราวกับคืนวันและความทรงจำเหล่านั้นมันไม่เคยหายไปจากใจเรา
ทำให้เห็นว่าการมาของพวกเค้า “Yes Indeed”
ไม่เพียงแต่จะช่วยคืนความสุข สดใสให้สังคม
ที่เหือดแห้ง เครียดกับโควิดและข่าวสารมานานเท่านั้น
หากแต่ยังเป็นสัญลักษณ์สื่อแทน “ความหวัง”
ไม่ว่าโลกนี้จะมีเรื่องราวร้ายดีเกิดขึ้นยังไง
“ดนตรี” จะเชื่อมเราไว้ด้วยกันเสมอ
จากวันที่ Cover ลง Youtube แล้วแทบไม่มีคนดู
ไปเล่นแบบเปิดหมวกหลาย ชม. ติด
คนเดินผ่านไปมาก็เฉยๆ ไม่ได้สนใจ
จนคนร้องคนเล่นก็แอบง่วง แอบเบื่อไปตามกัน
ได้ตังค์เต็มที่ก็แค่ 400 บาท ไม่คุ้มที่เหนื่อยเลย
วันที่เคยไม่มีทั้งชื่อวง ไม่เห็นทั้งเส้นชัยที่รอตรงจุดหมาย
มีเพียงพลังดนตรี มิตรภาพ และแพสชั่นมากมาย
ที่พาให้ทั้ง 5 ดวงใจกอดคอกันมาจนสุดทาง
ได้มีทะเลดาวเป็นของตัวเองสมดั่งใจ
อย่างตอนเล่นที่สยาม
ไม่ได้ตังค์ยังขาดทุนด้วยครับ
เช่าเครื่องเสียงมาในกล่องไม่มีซักบาทเลย
แต่เราเล่นเพราะเราอยากเล่น
ทุกคนก็ยังคงคอนเซปต์นั้นอยู่
ทุกคนอยากให้มีความสุข อยากเล่นดนตรี
มารวมตัวกันเล่น แค่นั้น
จุดหมายเราก็ Complete แล้วครับ
ตฤณ
อยากให้ทุกคนที่มีความชอบ แพสชั่น
ความฝันของตัวเองออกมาลงมือทำนะครับ
บางทีเราอาจจะเป็นคนพิเศษก็ได้
ที่มีฝีมือแต่โลกยังไม่เห็นเรา
ทะเล
ถ้าอยากทำ ก็ออกมาทำเลยครับ
ไม่ต้องไปคิดหรือคาดหวังเยอะว่ามันจะดังรึเปล่า
เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเป็นยังไงบ้าง
คืออยากทำก็ออกมาทำก่อน
สิ่งที่ดีหรือไม่ดีมันจะมาทีหลัง เราก็จะได้เรียนรู้ไปเอง
เป็นประสบการณ์ มันอาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้
พอร์ส
“แล้ววันนี้มันก็เป็นจริง
ดีใจมากที่เห็นทุกคนตั้งใจมาดูเราจริงๆ ไม่ใช่แค่เดินผ่านไป
มาจาก ตจว. ไกลๆ อย่างยะลา
มารอตั้งแต่เช้า พอเห็นภาพนั้นก็คิดว่า
เราควรพัฒนาตัวเองให้สมกับที่เค้าตั้งใจมา
แพนเค้ก
จริงๆ อย่าเป็นแบบผมเลยครับ
เป็นตัวของตัวเองไว้
หากิจกรรมอะไรที่ทำแล้วชอบ
เป็นเรื่องที่ดีมากครับ
มังกร
ขอบคุณจริงๆ ที่เข้ามาเป็นสีสัน
เป็นพลังและแรงบันดาลใจ
ให้ใครต่อใครมากมาย
ดีใจที่มีกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างพวกน้อง
กล้าออกมาสร้างความแตกต่าง
ทำทุกอย่างที่ตัวเองรักสุดหัวใจแบบนี้
ขอเป็นกำลังใจให้ประสบความสำเร็จอีกนะครับ
โมเม้นต์แบบนี้แหละโคตรใช่เลยในตอนนี้!
ขอบคุณภาพจาก: Yes Indeed
#YesIndeed
#SideStories
โฆษณา