13 ก.ค. 2022 เวลา 14:27 • ประวัติศาสตร์
ความรู้สึกนี้ใช่ "รัก" หรือเปล่านะ...
7 รักแบบกรีก ช่วยบอกใจ
ความรู้สึกต่อเขาคนนั้น คือ รักใช่มั้ยนะ?
รักทั้งแปดแบบกรีกช่วยบอก
รัก เป็นคำที่แสนจะสั้นแต่ก็แฝงด้วยความรู้สึกต่างๆมากมายภายในคำเดียว ทั้งความห่วงใย ความหึงหวง ความเอ็นดู ความหวังดี หลายๆสิ่งก็แอบซ่อนไปกับคำว่า รัก แน่นอนว่าเรื่องของการตกหลุมรักไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่ในเทพนิยาย หรือหนังโรแมนติกเพียงอย่างเดียว แต่ความรู้สึกรักเป็นสิ่งที่สืบทอดมาพร้อมกับมนุษย์ตลอดอารยธรรมที่ผ่านมา
ทั้งตำนานของเทพที่เป็นตัวแทนของความรักอย่าง อโฟรดท์หรือวีนัส ตามความเชื่อของกรีกโรมัน จนไปถึงกามเทพ ตามความเชื่อของฮินดู เรื่องราวของรักก็ยังคงส่งต่อผ่านบทกวีและงานวิจัยต่างๆจนมาถึงในปัจจุบัน จึงปฎิเสธไม่ได้เลยว่าความรักเป็นสิ่งที่ไม่ได้มีสำคัญต่อมนุษย์
ปัญหาอยู่ที่ว่า "รัก" ดันมีความหมายกว้างมาก อย่างเช่น ฉันรักแม่ ฉันรักครู ฉันรักแฟน ทุกบริบทคือคำว่ารัก แต่ว่าความหมายที่สื่อย่อมต่างกันออกไปเป็นความรักแบบต่างๆ การที่เรารักพ่อแม่ย่อมไม่ใช้ความหมายเดียวกับคำว่ารักที่ใช้กับแฟน ทำให้บางครั้งเราเองก็อาจสับสนในความรู้สึกได้
แท้ที่จริงแล้วเรากำลังมีความรักอยู่หรือเปล่า หรือความรู้สึกที่มีต่อคนที่เราชอบเป็นแค่รักแบบเพื่อน ท้ายที่สุดแล้วหากเราไม่สามารถระบุความรู้สึกของตัวเองได้ว่าจริงๆแล้วเรารู้สึกอย่างไร ก็คงเป็นไปได้ยากที่เราจะสามารถบอกรักคนที่ชอบได้อย่างมั่นใจเต็มร้อยหรือการก้าวเข้าสู่การคบหาคงจะกลายเป็นขั้นตอนที่ยากลำบากเมื่อลองคบแล้วไม่ได้มีความรู้สึกรักแบบคู่รัก
ปัญหาเรื่องความสับสนเหล่านี้เองก็ทำให้พวกเราอาจต้องลองมองย้อนอดีตไปยังยุคกรีกโบราณ ซึ่งได้อธิบายความรักของมนุษย์เป็น 7 ชนิด ที่แตกต่างกันไป (จริงๆแล้วมี 8 ถ้านับรวมความรักตนเอง)
1. Eros รักอันร้อนแรง
William-Adolphe Bouguereau, The Abduction of Psyche,1895
กล่าวกันตามตำนานเทพกรีก เทพแห่งความรักที่ยิงศรรักใส่ผู้คนก็คือ เทพอีรอสหรือคิวปิด นั่นเอง ซึ่งก็น่าจะเป็นที่มาของความรักแบบ Eros ที่เป็นความรู้สึกเหมือนตนเองถูกดึงดูดเข้าไปหาคนที่รักแบบทั้งกายและใจ เต็มไปด้วยความต้องการที่จะใช้เวลาของทั้งสองร่วมกัน แรงดึงดูดที่เกินต้านราวกับถูกศรรักของคิวปิดยิงเข้าใส่กลางอกแล้วตกหลุมรักใครสักคนอย่างสุดชีวิต คนที่มีรักนี้จะมอบทั้งกายและใจให้แก่คนที่รักเรียกได้เลยว่าโลกของคุณได้เปลี่ยนเป็นสีชมพู ทุกสิ่งทุกอย่างกลับดูมีชีวิตชีวาเมื่อได้อยู่กับคนที่รัก
แน่นอนว่าอารมณ์ความรักนี้จะเต็มไปด้วยความรู้สึกหรือหากจะเทียบก็คงเป็นช่วงที่คบหากันไปสักพัก ความรักของคนทั้งสองย่อมร้อนแรงและสนุกกว่าช่วงอื่นๆ แต่ด้วยเหตุผลนี้เองที่ความรักแม้จะเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เติมเต็ม Eros นี้ก็อาจทำให้เราตาบอดไม่ได้มองสิ่งต่างๆอย่างชัดเจน จนไปถึงการที่ความรักนี้ไม่สามารถคงอยู่ได้ตลอดไปเพราะเมื่อเวลาเปลี่ยนความรู้สึกและร่างกายของคนก็เปลี่ยนได้เช่นกัน
การที่คนรักเปลี่ยนไปจากเดิมก็อาจทำให้ความรู้สึกรักนี้ดับลงได้ Eros จึงเป็นความรักแบบคู่รักที่ร้อนแรงเกินทุกสิ่ง แต่ก็สามารถแปลงเป็นความรักแบบอื่นๆได้
2. Philia เพื่อนรัก
Carl Schweninger Jr., Two Friend
หาก Eros คือรักอันร้อนแรงของคู่รัก Philia ก็คือ Firendzone กั้นระหว่างแฟนและเพื่อนนั่นเอง คำว่า Philia นั้น หากแปลตามรากของละตินก็แปลได้ว่าความรักหรือคำว่าสหาย ซึ่งในที่นี้ก็คือความรักแบบเพื่อนระหว่างคนสองคน แน่นอนว่าแม้ความรักแบบเพื่อนของ Philia อาจไม่ได้ร้อนแรงแบบคู่รักแต่ก็เป็นความรักที่มีค่ามากที่สุดต่อชีวิตมนุษย์คนหนึ่ง ว่ากันว่าการมีเพื่อนหรือมิตรสหายที่ดีก็คือลาภของชีวิต เพราะเพื่อนคือผู้ที่สามารถให้ความช่วยเหลือและในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขตลอดการเดินทางของชีวิตมนุษย์
ความรักแบบเพื่อนไม่ใช่ความรักที่ผูกพันทางกายแต่เป็นความรักที่ผูกพันทางใจ การที่เราหวังดีและรู้สึกเป็นห่วงเพื่อน คือการเชื่อมต่อกันแบบ Philia ซึ่งความรักชนิดนี้ย่อมเกิดได้มากกว่าเพียงคนสองคนขึ้นไปจนถึงกลายเป็นสายสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อนต่างๆที่เราสนิทกัน
นักปราชญ์กรีกโบราณอย่างเพลโตยังเคยกล่าวถึงความรักแบบไม่ได้เกี่ยวข้องทางกายชนิดนี้ว่าเป็น รักอันบริสุทธิ์และงดงาม หรือที่เรียกกันว่า Platonic Love ตามชื่อเพลโตนั่นเอง แต่ในหลายครั้งหากจังหวะและช่วงเวลาเป็นใจความรักทางใจนี้ก็อาจพัฒนาจากความรักแบบเพื่อนสู่ความรักแบบแฟนหรือ Eros ได้เช่น ดังนั้น รักแบบเพื่อนนี้หลายครั้งจึงเป็นสิ่งที่แยกระหว่างคู่รักและเพื่อน หากมีความรู้สึกดีต่อใครสักคน ก็คงต้องนึกก่อนว่ารักนี้คือ Philia หรือ Eros
3. Ludus รักไร้การผูกมัด
Jean Auguste Dominique Ingres, La Grande Odalisque, 1814
รักชนิดนี้ คือ ความรู้สึกสนุก ตื่นเต้น และที่สำคัญคือ การไม่มีข้อผูกมัดหรือการสร้างสัมพันธ์ในระยะยาว ความสัมพันธ์แบบ Ludus จึงเน้นไปที่ความรู้สึกสนุกเป็นหลัก ไม่ได้คำนึงถึงสิ่งต่างที่ตามมา ถ้าหากจะเทียบกับในชีวิตจริงก็คงเป็นการคุยหยอกล้อกันแบบเล่นๆ ช่วงเวลาของการเริ่มคบหากันที่ไม่ได้จริงจัง เป็นแค่ความรู้สึกสนุกที่เราได้พบกันในครั้งแรก หรือหากคบหากันแล้วก็อาจเป็นความสัมพันธ์ที่เป็น One Night Stand
แน่นอนว่าแม้ Ludus อาจฟังดูค่อนข้างไม่น่าไว้ใจ เพราะอาจเป็นความรักที่ไม่ยั่งยืน แต่ความรักแบบ Ludus ก็อาจเป็นความรักระหว่างเพื่อนที่ชอบแกล้งหรือหยอกกันก็ได้เช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วชีวิตของเราก็ต้องการสีสันและความรู้สึกของเลือดที่สูบฉีด และ Ludus คือความรักรูปแบบนี้เอง
4. Storage รักแบบครอบครัว
Fra Filippo Lippi, Madonna Enthroned, 1437
ความรักชนิดนี้ แสดงถึงความรู้สึกที่สัมพันธ์ใกล้ชิดกันของครอบครัวหรือคนที่เราสนิทไว้ใจ เป็นความรักที่เกิดจากการดูและเอาใจใส่แบบไร้เงื่อนไขใดๆ ตัวอย่างเช่น ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก หรือความรักของเพื่อนที่สนิทและไว้ใจแบบที่สุด ซึ่งความรักชนิดนี้จะทำให้เรารู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย และบางครั้งอาจเป็นรักข้าง เดียวเหมือนรักของแม่ที่มีต่อลูกของตนแม้แต่ก่อนลูกจะคลอดออกมา หรืออาจเป็นความรักที่เรามีต่อชาติหรือสถาบันต่างๆ
ถึงจะบอกว่าไม่ชอบคนในครอบครัวจนถึงขั้นเกลียด หรือการที่เรารู้สึกเกลียดประเทศจังเลย แต่ลึกๆนั้น ความสัมพันธ์และความทรงจำที่เรามีต่อสถานที่และคนต่างๆก็ยังคงหลงเหลือและมีอยู่ในใจ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ชอบพ่อหรือแม่ ทะเลาะกับพี่น้องจนปางตาย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ในใจอาจยังคงพูดว่ารักพวกเขาเหล่านั้นอยู่ และความรักที่ไร้เงื่อนไขนี้คือ Storage
5. Pragma รักอันยั่งยืน
Franz Christoph Janneck, Jupiter and Juno
หากฟังชื่อรักชนิดนี้แล้วก็คงใกล้เคียงกับคำว่า pragmatic ในภาษาอังกฤษที่แปลว่า การทำอะไรซักอย่างตามหลักพื้นฐานความเป็นจริงหรือมีความเป็นไปได้ในเชิงปฏิบัติ ซึ่งก็คล้ายกับรักอันยั่งยืนของสองคน ความรักชนิดนี้เป็นขั้วตรงข้ามของ Ludus ที่เน้นสนุก เพราะ Pragma นั้น คือการสร้างความรักที่มั่นคงการสร้างครอบครัวและความสัมพันธ์ในระยะยาว แน่นอนว่าแม้รักนี้อาจไม่หวานชื่นแบบ Eros หรือตื่นเต้นแบบ Ludus แต่รักนี้คือตัวแทนของสิ่งที่ความสัมพันธ์ของคนสองคนจะไปรอด ซึ่งก็คือ ความประนีประนอมกัน
1
หากเราสังเกตคู่รักที่มีอายุเยอะมากแล้วแต่ก็ยังคงอยู่ด้วยกันไม่ได้หย่าร้างอะไรไปก่อน หลายคนมักพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเคล็ดลับของความรักที่ยั่งยืนคือการยอมๆกันไป เหมือนกับสำนวนไทยที่ว่ารักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ
Pragma อาจเกิดขึ้นจากความรู้สึกโรแมนติกอย่าง Eros ที่พัฒนาไปอีกก้าวของความสัมพันธ์ไม่ใช่เพียงความรู้สึกหรือความสุขทางกาย แต่คือการทำให้ทั้งคู่ยังคงรักกันต่อไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ การเข้าใจกัน และที่สำคัญคือ ความรู้สึกร่วมของทั้งสอง
หากเทียบกับความสัมพันธ์ก็คงอยู่ในระยะที่กำลังเตรียมจะแต่งงาน ต้องมีการวางแผนค่าใช้จ่าย ต้องคำนึงถึงความเป็นจริง ไม่ได้อยู่แค่ในความฝันของรักที่หวานแหวว บางครั้งการที่เราเลือกที่จะแต่งงานหรือเลือกคบหากับคนที่เพียบพร้อม มีเงิน สามารถดูแลทั้งสองคนได้ ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งของ Pragma ความรักบนฐานความเป็นจริง
6. Agape รักแด่มวลมนุษย์
Michelangelo, The Creation of Adam, 1512
หากจะมีรักใดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คงเป็นความรักที่มนุษย์มีให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน รักนี้คือ Agape ซึ่งหมายถึงความรักแก่ผู้อื่น เป็นความรักที่มาพร้อมความเสียสละและการเห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมโลก ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ สัตว์ จนถึงคนแปลกหน้าที่เราไม่เคยพบเจอมาก่อน เราพร้อมที่จะรักและเข้าใจผู้อื่นโดยมิได้หวังสิ่งตอบแทนใดๆที่จะมาตอบกลับรักของเรา
ในทางคริสต์ศาสนาก็เปรียบรักแบบ Agape ว่าเป็นรักที่พระเจ้ามีแก่มวลมนุษย์ ซึ่งถือว่าเป็นรักที่สูงที่สุด หรือหากเทียบกับศาสนาพุทธก็คงคล้ายกับเมตตาที่แปลว่า ความปราถนาให้ผู้อื่นได้รับความสุขนั่นเอง
สิ่งที่ทำให้ Agape ต่างจาก Philia ที่เป็นรักแก่เพื่อนก็คือ จิตใจที่ไม่ได้มุ่งหวังสิ่งใดๆเป็นการเสียสละและให้ความรักแก่ผู้อื่นแบบบริสุทธิ์ ซึ่งก็น่าจะเป็นสิ่งที่เราพบเจอในชีวิตประจำวันอย่างการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่างๆ การรู้สึกสงสารแก่น้องหมาน้องแมวจรจัด การที่เรารู้สึกแย่เมื่อเห็นใครสักคนต้องเจ็บปวดหรือทนทุกข์ จึงสามารถกล่าวง่ายๆได้ว่ารักแบบ Agape คือรักแด่ทุกสรรพสิ่งและเป็นรักที่ควรนำพาสังคมมนุษย์
7. Mania คลั่งรักคลั่งเลิฟ
Alexandre Cabanel, Fallen Angel, 1847
ในช่วงที่ผ่านมานี้วลีว่า “คลั่งรัก” ได้กลายเป็นคำที่ติดปากใครหลายคน ซึ่งมักหมายถึงคนที่แสดงออกว่ารักหรือชอบใครซักคนอย่างสุดๆ และแน่นอนว่าความคลั่งรักนี้ก็คือความหมายของรักแบบ Mania รักแสนคลั่งไคล้นี้เอง รักนี้เป็นรักที่แสดงถึงความรู้สึกที่ไม่สามารถแยกขาดจากกันได้ ราวกับว่าทั้งสองคนต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ซึ่งในหลายครั้ง รักนี้จะพัฒนาเป็นความรู้สึกอิจฉา หึงห่วงแบบสูงสุดจนแทบจะไม่สามารถแยกระหว่างความรักหรือความคลั่งไคล้ได้อีกต่อไป
แม้ว่าภาพของการที่มีใครสักคนที่รักเราและคิดถึงเราตลอดเวลาจะเป็นภาพที่น่าโรแมนติก แต่ในความเป็นจริงแล้วรักแบบ Mania คงเป็นรักที่ยากที่จะมีความสุข เพราะกลายเป็นว่าไม่สามารถขาดกันและกันได้แม้แต่นิดเดียว เป็นการที่เราไม่สามารถปล่อยวางหรือลืมอีกฝ่ายได้ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งนี้จะกลายเป็นปัญหาเมื่อต้องหย่าร้างกันแล้วเกิดความรู้สึกที่ทรมานจนไปถึงการตามจ้องจะทำร้ายอีกฝ่าย
นอกจากในแง่ของคู่รักแล้วในยุคอินเตอร์เน็ตนี้เอง การคลั่งรักดาราหรือศิลปินเป็นอย่างมากจนถึงขั้นตามไปหาอีกฝ่ายและบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคลก็อาจเป็นตัวอย่างของความคลั่งรักที่แม้ฟังแล้วจะดูดีแต่ท้ายที่สุดแล้วก็คือรักที่ Toxic
ท้ายที่สุดนี้แม้รักของมนุษย์จะเป็นสิ่งที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยแง่มุมต่างๆ แต่ความรักก็ยังคงเป็นความรู้สึกที่ไม่เหมือนความรู้สึกไหนๆในโลกของมนุษย์ ไม่ว่ารักนั้นจะเป็นรักที่มาจากเพื่อน คนรัก หรือแม้กระทั่งคนแปลกหน้า ความรักจะนำพาเราไปสู้เส้นทางในชีวิตที่เปลี่ยนไป และความเปลี่ยนแปลงนั้นอาจทำให้เราได้เจอกันแง่มุมของรักที่แปลกใหม่เช่นกัน
แล้วคุณหล่ะ ความรู้สึกที่คุณมีอยู่นี้คือรักแบบไหน?
โฆษณา