16 ก.ค. 2022 เวลา 01:03 • หนังสือ
พลังแห่งการมองโลกในแง่ดี
ข้อคิดจากหนังสือ "GRIT : THE POWER of PASSION and PERSEVERANCE"
แน่นอนว่าอะไรก็ตาม ถ้าเราไม่ระวัง ไม่รอบคอบก็เป็นภัย ซึ่งนั่นไม่เรียกว่า การมองโลกในแง่ดี มันคือ "ความประมาท" แต่ก็ไม่ควรคิดว่าทุกสิ่งเลวร้ายและมีแต่จะแย่ลง เพราะจะทำให้คุณเลือกที่จะไม่ทำอะไรเลย
ต่อไปนี้คือตัวอย่างหนึ่งจากแบบทดสอบที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อใช้แยกแยะระหว่างคนที่มองโลกในแง่ดีกับคนที่มองโลกในแง่ร้าย
ลองจินตนาการว่า "คุณไม่สามารถทำงานได้เสร็จตามที่คนอื่นคาดหวังไว้" คราวนี้ลองจินตนาการดูว่าสาเหตุหลักคืออะไร คุณนึกถึงอะไรได้ในทันที หลังจากที่ได้อ่านสถานการณ์สมมุตินี้แล้วให้เขียนคำตอบของคุณออกมา และหลังจากที่คุณได้อ่านสถานการณ์สมมุติอื่น ๆ แล้ว คำตอบทั้งหมดของคุณจะถูกนำมาประเมินว่ามันมีความตายตัวหรือเปลี่ยนแปลงได้แค่ไหน และเป็นคำอธิบายที่เฉพาะเจาะจงหรือกว้างแค่ไหน
มีการค้นพบว่าคนที่มองโลกในแง่ดีมีแนวโน้มที่จะได้พบเจอกับเรื่องแย่ๆ บ่อยพอๆ กับคนที่มองโลกในแง่ร้าย แต่สิ่งที่ต่างกันก็คือ คำอธิบายที่พวกเขาใช้บอกกับตัวเอง คนที่มองโลกในแง่ดีมักจะพยายามมองหาคำอธิบายที่เฉพาะเจาะจงของความทุกข์ที่เกิดขึ้นและมองว่ามันเป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงได้ ส่วนคนที่มองโลกในแง่ร้ายจะมองหาคำอธิบายแบบกว้าง ๆ และมองว่ามันเป็นเรื่องที่ตายตัว
หากคุณเป็นคนที่มองโลกในแง่ร้าย คุณคงบอกว่าฉันทำทุกสิ่งพลาดไปหมดหรือฉันมันคนขี้แพ้ นี่เป็นคำอธิบายที่ตายตัว คุณไม่สามารถทำอะไรได้มากนักเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้ อีกทั้งมันยังเป็นคำอธิบายแบบกว้างๆ โดยมีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อสถานการณ์ต่างๆ มากมาย ในชีวิตและไม่จำกัดอยู่แค่เรื่องงาน ทั้งนี้สาเหตุของความทุกข์ที่มีคำอธิบายแบบกว้างๆ และตายตัวนั้นจะทำให้ความยากลำบากเล็กๆ น้อยๆ กลายเป็นมหันตภัยอันเลวร้าย ซึ่งทำให้การล้มเลิกหรือยอมแพ้เป็นเรื่องสมเหตุสมผล
ในทางกลับกัน หากคุณเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี คุณอาจจะบอกว่าฉันบริหารเวลาไม่ดี หรือไม่ก็ฉันทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ เพราะมีสิ่งรบกวน คำอธิบายทำนองนี้ล้วนเป็นคำอธิบายแบบเฉพาะเจาะจงและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งจะผลักดันให้คุณมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแค่ปัญหาที่ต้องจัดการ
แบบทดสอบข้างต้นช่วยยืนยันได้ว่าเมื่อเทียบกับคนที่มองโลกในแง่ดีแล้ว คนที่มองโลกในแง่ร้ายมีโอกาสที่จะซึมเศร้าและวิตกกังวลมากกว่า นอกจากนั้นแล้ว คนที่มองโลกในแง่ดียังทำได้ดีกว่าในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสุขภาพจิตด้วย
ตัวอย่างเช่น นักศึกษาปริญญาตรีที่มองโลกในแง่ดีจะทำคะแนนได้ดีกว่าและมีโอกาสลาออกกลางคันน้อยกว่า หนุ่มสาวที่มองโลกในแง่ดีจะมีสุขภาพดีจนเข้าสู่ช่วงวัยกลางคนและอายุยืนกว่ากลุ่มคนที่มองโลกในแง่ร้าย คนที่มองโลกในแง่ดีมีความสุขกับชีวิตคู่มากกว่า
นอกจากนี้ งานวิจัยภาคสนามของบริษัทประกันเม็ทไลฟ์ที่กินระยะเวลาหนึ่งปียังพบว่าคนที่มองโลกในแง่ดีเปลี่ยนงานน้อยกว่าถึงสองเท่า ทั้งยังขายประกันได้มากกว่าเพื่อนร่วมงานที่มองโลกในแง่ร้ายถึง 25 เปอร์เซ็นต์ ในทำนองเดียวกัน งานวิจัยเกี่ยวกับพนักงานขายในแวดวง โทรคมนาคม อสังหาริมทรัพย์ สินค้าสำนักงาน รถยนต์ ธนาคาร และอื่นๆ แสดงให้เห็นว่า คนที่มองโลกในแง่ดีสามารถทำยอดขายได้มากกว่าๆ คนที่มองโลกในแง่ร้ายถึง 20-40 เปอร์เซ็นต์
เราจะเห็นประโยชน์จากการมองโลกในแง่ดีในเชิงปฏิบัติได้อย่างชัดเจน นี่อาจจะเป็นการตอกย้ำในเรื่องที่ว่า การมองโลกในแง่ดีทำให้เรามีความหวัง และมันทำให้เราก้าวไปข้างหน้า และเมื่อเราก้าวไปข้างหน้า ความสำเร็จจะรอเราที่ตรงนั้น
2
หากคุณกำลังเผชิญปัญหาหรืออุปสรรคที่ยากจะแก้ไข เกิดความสงสัยในตนเอง หรือไม่เชื่อมั่นในตนเอง หนังสือ Grit จะช่วยให้คุณเข้าใจจริงๆ ว่าคุณสามารถประสบความสำเร็จในแบบที่คุณเป็น โดยอ้างอิงมาจากบทวิจัยและการศึกษาที่ใช้เวลาหลายทศวรรษในการรวบรวมข้อมูล
(สนใจซื้อหนังสือ Grit เรามีส่วนลดให้ เพียง Inbox เข้ามาในเพจ อ่านไปเรื่อย แล้วแจ้งว่า "มาจากโพสสรุป")
PAGE : อ่านไปเรื่อย
PLEASE : LIKE . FOLLOW . SHARE
THANK YOU
#รีวิวหนังสือ #คำคม #พัฒนาตนเอง #หนังสือจิตวิทยา #หนังสือ #แนะนำหนังสือ #ขายหนังสือ #จิตวิทยา #ข้อคิดดีๆ #หนังสือมือสอง #หนังสือน่าอ่าน #หนังสือแนะนำ #อ่านหนังสือ #หนังสือดี #แท็กเพื่อนมาอ่าน
โฆษณา