23 ก.ค. 2022 เวลา 01:51 • หนังสือ
สิบกว่าปีที่แล้ว อ่านหนังสือ 3 เล่มของท่านพุทธทาส แก่นพุทธศาสน์ คู่มือมนุษย์ ตัวกู-ของกู ยังไม่อินเท่ากับอ่านตอนนี้ เพราะสมัยนั้น กระแสโซเชียล กระแสดราม่า ยังไม่หนักเท่าตอนนี้
ยังจำคำพูดท่านพุทธทาสบอกว่า “อย่าล้อเล่นกับเวทนา มันเอาเราถึงตายเลย”
ชอบหนังสือแก่นพุทธศาสน์ เพราะชอบคำพูดตรงๆ แรงๆ ของท่านพุทธทาส ชอบคำพูดของท่านที่ว่า
ถ้าไปถามใครๆ (ที่บอกว่าตัวเองเป็นชาวพุทธ) ว่า อะไรเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ก็คงได้คำตอบแบบท่องๆกันมาว่า อริยสัจ 4 บ้าง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาบ้าง หรือ ไม่ทำชั่ว ทำดี ทำจิตให้บริสุทธิ์บ้าง ว่ากันไป...
ท่านพุทธทาสบอก เอาสั้นๆประโยคเดียว “สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น” และแม่บทของการยึดมั่นถือมันก็คือ
“ตัวกู” และ “ของกู” เรียกให้ยิ่งใหญ่หน่อยก็คือ “อหังการ” และ “มมังการ”
“ตัวกูของกู” มันอันตราย ร้ายกาจที่สุดเลย ทำเอาสังคม ทำเอาโลกปั่นป่วนวุ่นวาย สำคัญที่สุดคือ มันเอาเราถึงตายเลย ถ้ากำจัดมันได้เราจะไม่ทุกข์
จะกำจัดมันได้ท่านพุทธทาสบอกว่า เราต้อง ”ตัดตอน” มีโอกาสเพียง 2 ครั้งคือ
1) เมื่ออารมณ์มากระแทก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ของเรา และเกิด “ผัสสะ” ตัดตอนเลย อย่าปรุงเวทนา อย่าปรุงตัวกู ของกู... ถ้าทำไม่ได้
2) มันจะต่อเป็น “เวทนา” ความรู้สึกชอบ ไม่ชอบละ ให้ตัดตอน (วัดกันละว่าจิตมีพลังพอมั๊ย สู้ๆ...) แต่ถ้าไม่ได้อีกละ ก็ ตัวใครตัวมันละ เพราะ
ต่อไปมันก็คือ ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ทุกข์แน่นอน ต่อให้พระพุทธเจ้าก็ช่วยไม่ได้ ท่านบังคับกฎของธรรมชาติไม่ได้ ท่านเป็นเพียงผู้เปิดเผยกฎ ท่านช่วยได้แต่บอกว่า เรามีโอกาส 2 ครั้ง ในการตัดตอน
ช่วง ผัสสะ กับ เวทนา (สู้ๆ)
ปี 2504 (57ปีมาแล้ว) ท่านพุทธทาสบรรยายด้วยภาษาทันสมัยมากให้นักศึกษาแพทย์ที่โรงพยาบาลศิริราช ด้วยการพูดถึง
โรคทางกาย (physical)
โรคทางจิต (mental) และ
โรคทางวิญญาณ (spiritual)
2 โรคแรกก็ต้องให้หมอกาย หมอจิตรักษา แต่โรคที่ 3 ต้องใช้ธรรมะรักษา คนไม่ค่อยรักษากันเพราะไม่รู้ว่าเป็น ไม่รู้ว่ามี ตัวกูของกู
“อาโรคยาปรมา ลาภา”
การไม่มีโรค (ทางกาย ทางจิต ทางตัวกูของกู) เป็นลาภอันประเสริฐ”
วันนี้ท่านเป็นโรคทางวิญญาณมั๊ย...
😀😀👍👍
โฆษณา