25 ก.ค. 2022 เวลา 02:57 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
รีวิว : The Gray Man - ล่องหนฆ่า
Filmment Rating : 6.6
#เนื้อเรื่องย่อ
เรื่องราวของ ซิกส์ เจ้าหน้าที่พิเศษของเซียร์ร่าซิกส์ หน่วยงานลับของซีไอเออันมีหน้าที่ในการสังหารเป้าหมาย แต่ซิกส์กลับได้รับรู้ข้อมูลบางอย่างของหน่วยงาน นั่นจึงทำให้เขาตกเป็นเป้าหมายขององค์กร และผู้ที่จะมาตามล่าเขาก็คือ ลอยด์ แฮนเซ่น ทหารรับจ้างโรคจิตที่พร้อมจะแหกกฏทุกข้อเพื่อให้ภารกิจของเขาลุล่วง ซิกส์จึงต้องพยายามเอาตัวรอดและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองให้ได้
#ความเห็น
สตรีมมิ่งเจ้าดังอย่าง Netflix ยังคงพยายามอย่างต่อเนื่องในการสร้างภาพยนตร์แฟรนไชส์ฟอร์มยักษ์เป็นของตัวเอง คราวนี้พวกเขาควักเงินก้อนโตมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ในการสร้างภาพยนตร์แอ็คชั่นฟอร์มยักษ์อย่าง The Gray Man - ล่องหนฆ่า พร้อมดึงเอา 3 นักแสดงระดับแม่เหล็กของวงการอย่าง Ryan Gosling , Chris Evans และ Ana De Armas มาประชันบทบาทกันอย่างถึงเลือดถึงเนื้อครับ
ด้วยองค์ประกอบของความเป็นภาพยนตร์สายลับ ทำให้ The Gray Man มีวัตถุดิบมากมายให้เลือกใช้และเจาะลึกลงไปให้ถึงแก่นของเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็น เกมส์การเมือง ความซับซ้อนของสถานการณ์ และการหักเหลี่ยมเฉือนคมกันภายในองค์กรสายลับ , ความเป็นมาของหน่วยเซียร์ร่าซิกส์ , เส้นทางของการปลุกปั้นสายลับและเหล่ามือสังหาร หรือกระทั่งจะเจาะลึกลงไปยังปูมหลังอันแสนเจ็บปวด ที่นิยามตัวตนของตัวละครก็สามารถทำได้เช่นกัน
แต่ The Gray Man เลือกที่จะเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นป็อบคอร์นสูตรสำเร็จอย่างเต็มตัว ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่ผิดนะครับ รวมถึงภาพยนตร์ยังชัดเจนในแนวทางที่ตัวเองเลือกได้จนสุดทางอีกด้วย หากแต่เพียงว่า ถ้าภาพยนตร์เลือกจะใส่องค์ประกอบข้างต้นลงไปสัก 1 ข้อ ก็น่าจะทำให้ภาพรวมของภาพยนตร์นั้นเข้มข้นและมีน้ำหนักมากขึ้น
สิ่งที่ภาพยนตร์เรื่อง The Gray Man โดดเด่นที่สุดก็คือฉากแอ็คชั่นครับ โดยภาพยนตร์ถลุงงบประมาณราว 200 ล้านดอลลาร์ได้อย่างมันส์มือ พร้อมประเคนฉากแอ็คชั่นขนาดใหญ่ให้กับเรื่องราวมากมาย ทั้งการขับรถไล่ล่ากลางถนน , การต่อสู้กลางอากาศ รวมถึงการสาดกระสุนกลางเมืองแบบเต็มอัตราศึก ซึ่งทุกฉากก็ล้วนเต็มไปด้วยพลังการทำลายล้างและสามารถเรียกอะดรีนาลีนของผู้ชมได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ภาพยนตร์ยังทำได้อย่างยอดเยี่ยมกับการออกแบบฉากการต่อสู้แบบระยะประชิดตัว ด้วยศิลปะป้องกันตัวที่สอดรับไปกับลักษณะนิสัยของแต่ละตัวละคร ซึ่งทำให้ภาพรวมทั้งหมดนั้นออกมาสวยงามและหนักหน่วงรุนแรงภายในเวลาเดียวกัน
แต่ถึงกระนั้น ภาพยนตร์ก็ทำให้ผู้ชมรู้จักกับเลือดเนื้อของตัวละครได้เพียงผิวเผิน แม้ว่าภาพยนตร์จะสอดแทรกเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างซิกส์กับอดีตหัวหน้าของเขาอย่างฟิตซ์รอย รวมไปถึงหลานสาวตัวน้อยของเขาอย่างแคลร์ และปูมหลังอันโหดร้ายในวัยเด็กของเขา แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ผู้ชมเข้าใจตัวละครอย่างซิกส์ได้เลยครับ
เช่นเดียวกันกับตัวละครอย่างลอยด์ แฮนเซ่น ที่ตัดสินใจทุกอย่างแบบบ้าดีเดือดโดยไม่สนใจผลลัพธ์ที่จะตามมา ซึ่งภาพยนตร์ก็เลือกที่จะอธิบายการตัดสินใจเหล่านั้นด้วยการตอบอย่างกำปั้นทุบดินว่าเขาเป็นโรคจิต
และหากจะถามถึงตัวละครที่ไร้เหตุผลที่สุดของเรื่องก็คงต้องยกให้ซูซาน บริวเวอร์และเดนนี่ คาร์ไมเคิล 2 เจ้าหน้าที่หน่วยซีไอเอที่มีการตัดสินใจขาดมิติอยู่ตลอดจนจบเรื่อง นอกจากนี้บทภาพยนตร์ยังเต็มไปด้วยบาดแผล ถึงขนาดที่ว่าข้อมูลลับของเรื่อง อันเป็นชนวนเหตุของการไล่ล่าข้ามโลกกันระหว่างตัวละครนั้น ไม่ได้ส่งผลอะไรกับเรื่องราวเลยครับ
นักแสดงนำอย่าง Ryan Gosling ยังคงมีเสน่ห์และรักษามาตรฐานการแสดงของเขาเอาไว้ได้เป็นอย่างดี แต่อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น บทภาพยนตร์นั้นถ่ายทอดตัวละครของเขาออกมาอย่างแบนราบขาดมิติ และไม่มีพื้นที่ให้เจ้าตัวได้โชว์ความสามารถทางการแสดงมากมายนัก ถึงกระนั้นก็ยังน่าแปลกใจครับที่ Ryan Gosling สามารถเล่นฉากแอ็คชั่นได้อย่างกระฉับกระเฉง และแปลกตากว่าบทบาทแนวรางวัลในภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขา
และคงจะไม่ผิดนักหากผมจะบอกว่า สปอตไลต์ของภาพยนตร์เรื่อง The Gray Man นั้นส่องไปที่ Chris Evans แบบเต็มๆ ด้วยการพลิกโฉมจากชายผู้แสนดีอย่างกัปตันอเมริกา สู่การเป็นนักฆ่าโรคจิตอันถ่อยเถื่อน ซึ่ง Chris Evans ก็สามารถรับมือกับพลังอันล้นเหลือของตัวละครนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมและโดดเด่นครับ การปะทะกันระหว่าง Ryan Gosling และ Chris Evans ทั้งในเชิงคารมและการต่อสู้ทุกรูปแบบคือเสน่ห์สำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้
ขณะที่ Ana De Armas ก็ยังคงยอดเยี่ยมและโดดเด่นกับฉากแอ็คชั่น เมื่อรวมกับผลงานก่อนหน้านี้อย่าง No Time to Die และ Ballerina ผลงาน Spin-Off จากจักรวาล John Wick ที่กำลังจะถูกสร้างในอนาคต เชื่อว่า Ana De Armas น่าจะกลายเป็นนางเอกนักบู๊ชั้นนำของวงการได้ไม่ยาก
โดยรวมแล้วภาพยนตร์เรื่อง The Gray Man - ล่องหนฆ่า เป็นภาพยนตร์ป็อบคอร์นสูตรสำเร็จที่เหมาะแก่การรับชมเพื่อความบันเทิงครับ ถึงจะมีจุดอ่อนในด้านบทภาพยนตร์อยู่บ้าง แต่ฉากแอ็คชั่นอันตระการตาและวินาศสันตะโรของภาพยนตร์ มุกตลกที่มาอย่างถูกที่ถูกเวลา รวมถึงการได้เห็น Ryan Gosling ปะทะกับ Chris Evans บนจอภาพยนตร์ ก็คุ้มค่าแก่การรับชมแล้วล่ะครับ
#ประเด็นตกผลึก
ประเด็นตกผลึกจากภาพยนตร์เรื่อง The Gray Man - ล่องหนฆ่า ที่ผมจะชวนผู้อ่านทุกท่านมาคุยกันในวันนี้ก็คือ
การบรรลุเป้าหมายด้วยอำนาจและวิธีการที่แตกต่างกัน
ภาพยนตร์นำเสนอประเด็นดังกล่าวด้วยกลุ่มตัวละครที่แตกต่างกันครับ ซิกส์ ตัวละครหลักของเรื่อง เป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยเซียร์ร่าซิกส์ซึ่งต้องรับคำสั่งจากซีไอเออีกทอดหนึ่ง โดยซิกส์มีวิธีการทำภารกิจที่เฉพาะตัว และเลือกที่จะสร้างผลกระทบให้กับผู้อื่นให้น้อยที่สุดครับ
ในภารกิจแรกของภาพยนตร์ ซิกส์ถูกส่งไปสังหารเป้าหมายในงานปาร์ตี้แห่งหนึ่ง แต่เมื่อมีโอกาสในการเหนี่ยวไกกลับมาเด็กคนหนึ่งวิ่งผ่านเข้ามา ซิกส์เลือกที่จะถอนตัวออกจากภารกิจ แม้ว่าเขาจะถูกสั่งให้ยิงแม้ว่าจะมีคนโดนลูกหลงก็ตามครับ นอกจากนี้ระหว่างที่เขาถูกตามล่าสังหารด้วยกลุ่มทหารรับจ้างในกรุงปราก ซิกส์ก็เลือกที่ใช้กระสุนของเขาในการยิงปืนขึ้นฟ้า เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่วิ่งหนีออกไปเสียก่อน
หลังจากซิกส์ได้รับข้อมูลบางอย่างซึ่งเป็นความลับอันดำมือขององค์กร เดนนี่ คาร์ไมเคิล ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการณ์ในการกอบกู้ข้อมูลดังกล่าวกลับมา เขาสามารถที่จะเลือกส่งเจ้าหน้าที่คนใดไปทำภารกิจก็ได้ แต่เดนนี่กลับเลือกลอยด์ แฮนเซ่นเพียงเพราะคาดหวังผลลัพธ์จากลูกบ้าดีเดือดของเขา ซึ่งเดนนี่รู้ดีอยู่แล้วครับว่า การที่ลอยด์ได้มาทำงานชิ้นนี้มันต้องแลกมากับความวินาศสันตะโรและชีวิตของผู้บริสุทธิ์มากมาย แต่ถึงกระนั้นเจ้าตัวก็ยังไม่เปลี่ยนใจและยึดมั่นในแนวทางการบรรลุเป้าหมายของตัวเอง
ตัวละครอย่างลอยด์ แฮนเซ่นคือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดสำหรับสังคมครับ เนื่องจากเขาคือคนที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ภารกิจสำเร็จ นั่นจึงทำให้เขาแหกกฏของศีลธรรมและความถูกต้องทุกข้อ ทั้งการจับตัวประกัน , การทรมานเหยื่อเพื่อเค้นข้อมูล รวมถึงการสังหารผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับภารกิจด้วยเช่นกัน และสิ่งที่ทำให้ความเสียหายทุกอย่างทวีคูณขึ้นเป็นเท่าตัวก็คือ การที่เดนนี่มอบอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจให้กับลอยด์นั่นเองครับ
เมื่อกางแผนภูมิตัวละครออกมาจึงเห็นได้อย่างชัดเจนนะครับว่า กลุ่มตัวละครนั้นมีวิธีการในการบรรลุเป้าหมายของตัวเองอย่างแตกต่างกันครับ บางคนก็เลือกใช้วิธีที่ถูกต้องที่สุด , บางคนก็เลือกวิธีที่ประนีประนอมที่สุด ในขณะที่บางคนก็เลือกวิธีที่เห็นแก่ตัวที่สุด หรือบางคนก็เลือกวิธีที่สุดโต่งและอันตรายที่สุดก็มีครับ
แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้วิธีการก็คือ อำนาจที่พวกเขาเหล่านั้นได้รับในการบรรลุเป้าหมาย เพราะบางครั้งหากมีแค่วิธีการแต่ไร้ซึ่งอำนาจ ภารกิจก็ไม่อาจสำเร็จได้ แต่เมื่อวิธีการของแต่ละคน ผสมรวมกับอำนาจที่มีอยู่ในมือแล้ว ทุกอย่างย่อมส่งผลในวงกว้างและมีผู้ที่ได้รับผลกระทบมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่า อำนาจย่อมส่งผลต่อวิธีการเสมอ ฝากไว้ให้คิดกันนะครับ
#TheGrayMan #ล่องหนฆ่า #Filmment
โฆษณา