29 ก.ค. 2022 เวลา 01:45 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
รีวิว : Leio - ไลโอ โคตรแย้ยักษ์
Filmment Rating : 5.2
#เนื้อเรื่องย่อ
เก้า นักร้องฮิปฮอบตกอัพ ผู้ต้องยอมทิ้งความฝันในกรุงเทพฯ เพื่อกลับมาแข่งขันขุดน้ำบาดาลในบ้านเกิดเพื่อชิงเงินล้าน และมอบความชุ่มชื้นให้กับแผ่นดินเกิดอีกครั้ง แต่เขาและผู้ร่วมแข่งขันทุกคนกลับต้องมาเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดร้ายสายพันธ์ุดึกดำบรรพ์ ที่ตื่นจากการจำศีลเพราะการขุดเจาะของพวกเขา
#ความเห็น
ก่อนอื่นเลยผมต้องขอยกย่องชื่นชมในความทะเยอทะยานของ 2 ค่ายภาพยนตร์อย่าง เนรมิตรหนัง ฟิล์ม และ Fatcat Studios เป็นอย่างมาก ในการพยายามผลักดันเพดานของวงการภาพยนตร์ไทยให้มีทิศทางแปลกใหม่ ด้วยการเปิดจักรวาลสัตว์ประหลาดสัญชาติไทยอย่าง TMU หรือ Thai Monster Universe
โดยทันทีที่รู้ข่าวการมาถึงของภาพยนตร์เรื่อง ไลโอ โคตรแย้ยักษ์ ผมทั้งรู้สึกตื่นเต้นและเป็นกังวงใจในเวลาเดียวกัน เพราะเป็นที่รู้กันดีครับว่า เนื่องด้วยเหตุผลนานัปการ ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่อาศัยงาน Computer Graphic เป็นจุดขาย ดูจะไม่เหมาะกับวงการภาพยนตร์ไทยสักเท่าไรนัก ซึ่งผมภาวนาให้ผมคิดผิดในเรื่องนี้ครับ
และผมก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ผมคิดผิดจริงๆ ครับ เพราะหากว่ากันตามเนื้อผ้าแล้วงาน Production ของ ไลโอ โคตรแย้ยักษ์ นั้นถือว่าสอบผ่าน และกลายเป็นส่วนที่ดีที่สุดของภาพยนตร์ไปเลยครับ เนื่องจากภาพยนตร์สามารถหยิบเอาอัตลักษณ์ความเป็นไทยมาดัดแปลงได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะการเลือกสัตว์ประจำถิ่นอย่าง ‘แย้’ มาดัดแปลงให้เป็นสัตว์ประหลาดหลักของเรื่อง
รวมถึงการเพิ่มองค์ประกอบและความสามารถให้กับมันโดยที่ไม่ได้เวอร์จนเกินไปนัก แน่นอนครับว่างาน Computer Graphic ของภาพยนตร์ยังมีจุดที่น่าตำหนิอยู่บ้าง แต่ในภาพรวมแล้วถือว่าเป็นงานที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน และมีหลายต่อหลายช็อตที่ทำได้ดีมากจริงๆ ครับ
นอกจากนี้ ไลโอ โคตรแย้ยักษ์ ยังมาพร้อมกับวัตถุดิบชั้นเยี่ยมในมือ ด้วยการเลือกใช้ความแห้งแล้งของภาคอีสานมาเป็นฉากหลังของเรื่องราว ผสมผสานกับการแข่งขันขุดน้ำบาดาล ซึ่งเป็นแง่มุมที่ไม่ค่อยถูกหยิบยกมาพูดถึงมากนัก โดยภาพยนตร์มีการนำเสนอกลุ่มตัวละครที่มีความหลากหลายทางความเชื่อและวิธีการ พร้อมกับหยิบเอาเอกลักษณ์ของตัวเองมาใช้ในการแข่งขันครั้งนี้ได้อย่างน่าสนใจ
ไม่ว่าจะเป็น การตามหาน้ำบาดาลด้วยความเชื่อทางศาสนา , การขุดเจาะด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์อันล้ำสมัย หรือกระทั่งการค้นหาแหล่งน้ำด้วยประสบการณ์จากอดีตของตนเอง รวมถึงการที่ภาพยนตร์หยิบเอาเรื่องราวของความเชื่อพื้นถิ่นของคนในพื้นที่ ผู้มักมองเหตุการณ์ผิดปกติที่เกิดขึ้นเป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ซึ่งก็เป็นวัตถุดิบที่ยิ่งทำให้บรรยากาศโดยรวมของภาพยนตร์นั้นน่ากลัวยิ่งขึ้น
แต่น่าเสียดายที่ทุกอย่างที่ผมกล่าวเอาไว้ข้างต้นนั้นถูกมองข้ามอย่างไร้เยื่อใยครับ โดยสิ่งที่ทำให้ผมเสียดายและผิดหวังกับ ไลโอ โคตรแย้ยักษ์ เป็นอย่างมากก็คือบทภาพยนตร์ครับ โดยบทภาพยนตร์นั้นล้มเหลวในแทบทุกด้าน ตั้งแต่การวางจังหวะของเรื่องราวที่ผิดที่ผิดทาง และไม่สามารถไต่ระดับความตึงเครียดของสถานการณ์ให้ไปถึงจุดแตกหักได้
ขณะที่ปูมหลังของตัวละคร ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาพยนตร์ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ก็กลับกลายเป็นการถ่มน้ำลายขึ้นฟ้าและก็ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง เนื่องจากทุกสิ่งที่ภาพยนตร์นำเสนอไม่สามารถนิยามตัวตนของตัวละครได้เลย จึงทำให้ทุกสิ่งที่ดีงามของภาพยนตร์นั้นถูกทำลายจนป่นปี้ และไม่เหลืออะไรให้กับผู้ชมยึดเกาะไปกับเรื่องราวได้เลย
เมื่อภาพยนตร์วางรากฐานของเรื่องราวได้ไม่แข็งแรงพอ ทุกตัวละครจึงเต็มไปด้วยความโลเลสับสน สนทนากันอย่างไร้ความเป็นธรรมชาติ ขาดความเป็นมนุษย์ มีการตัดสินใจที่ไร้เหตุผล และพร้อมที่จะทำเรื่องราวงี่เง่าอยู่ตลอดเวลา เมื่อภาพยนตร์ล้มเหลวในการสร้างความผูกพันธ์ให้กับผู้ชม ตัวละครทุกคนจึงกลายเป็นเพียงเหยื่อของการตามล่าจากแย้ยักษ์อันดุร้ายโดยที่ผู้ชมไม่รู้สึกเอาใจช่วยพวกเขาเลยครับ
ในขณะที่เส้นเรื่องก็ไม่อาจสร้างความชัดเจนได้ว่า เป้าหมายทั้งหมดของการเล่าเรื่องคืออะไรกันแน่ การแข่งขันขุดน้ำบาดาลก็ขาดความน่าติดตาม , การหนีเอาชีวิตรอดจากสัตว์ประหลาดก็ขาดมนต์เสน่ห์ หรือกระทั่งการเติบโตทางความคิดของตัวละครก็ถูกนำเสนออย่างตื้นเขิน
นอกจากนี้ภาพยนตร์พยายามผ่อนคลายความตึงเครียดของเรื่องราว ด้วยการหยอดมุกตลกลงมาเป็นระยะ แต่ทุกอย่างกลับผิดที่ผิดทาง และทำลายรสชาติหลักอย่างความระทึกขวัญลงไปอย่างน่าเสียดาย ทำให้ภาพรวมของภาพยนตร์นั้นตั้งอยู่บนความก้ำกึ่งของภาพยนตร์คัลท์เกรดบี กับการพยายามทำทุกอย่างให้สมจริงตามขนบของภาพยนตร์ทั่วไป ซึ่งนับเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เนื่องจากการที่ภาพยนตร์เลือกอยู่ตรงกลางระหว่างภาพยนตร์ทั้ง 2 แนวมากเกินไป จึงไม่สามารถนิยามตัวเองได้อย่างชัดเจนครับ
โดยรวมแล้วภาพยนตร์เรื่อง ไลโอ โคตรแย้ยักษ์ เป็นภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่มีวัตถุดิบที่ดีมากอยู่ในมือ แต่กลับไม่สามารถปรุงทุกอย่างให้ออกมากลมกล่อมได้ แม้ว่าจะลงทุนด้วยงบประมาณมหาศาลกับงาน Computer Graphic อันใหญ่โต แต่ดูเหมือนว่าทีมผู้สร้างกลับลืมมองไปยังสิ่งที่ใช้ต้นทุนน้อยกว่าอย่างบทภาพยนตร์ ซึ่งเป็นดั่งเมล็ดพันธุ์สำคัญของภาพยนตร์ ที่จะสามารถเติบโตเป็นเรื่องราวอันแสนสนุกและน่าตื่นเต้นบนจอภาพยนตร์ได้ ความทะเยอทะยานของทีมผู้สร้างจึงถูกบดบังหายไปกับความล้มเหลวของบทภาพยนตร์อย่างน่าเสียดายครับ
#ประเด็นตกผลึก
ประเด็นตกผลึกจากภาพยนตร์เรื่อง ไลโอ โคตรแย้ยักษ์ ที่ผมจะชวนผู้อ่านทุกท่านมาคุยกันในวันนี้ก็คือ
 
ทุกปัญหามีทางออกเสมอ เพียงแค่เราต้องมองหามัน
ประโยคดังกล่าวเป็นคำพูดของปู่วุฒิ ปู่ของเก้าซึ่งเป็นชายแก่ใจดีที่ผู้คนในพื้นที่ทุกคนล้วนหลงรักนับถือ นอกจากนี้เขายังเชี่ยวชาญในการขุดน้ำบาดาลเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับชาวบ้านในทุ่งตะวันแยงอีกด้วย
ในทางกลับกัน ภาพยนตร์โฟกัสไปที่ตัวละครอย่างเก้า ชายหนุ่มที่ได้รับคำสอนนี้มาตั้งแต่ยังเด็กแต่กลับหลงลืมมันไป เขามุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เพื่อตามความฝันในการเป็นนักร้อง ก่อนที่เขาจะถูกคดโกงและป้ายสีให้เป็นนักร้องติดยา ซึ่งนั่นทำให้เก้าขาดรายได้และจมอยู่กับปัญหาที่ดูไร้ทางออก สิ่งที่เขาแสดงออกในช่วงเวลานั้นจึงเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและโกรธเกรี้ยว
จนกระทั่งเก้าได้ทราบข่าวร้ายว่าปู่วุฒิได้เสียชีวิตลงอย่างสงบแล้ว เขาจึงได้เดินทางกลับบ้านที่จังหวัดเลย พร้อมกับได้รำลึกถึงความหลังระหว่างเขากับปู่วุฒิ ด้วยการลงสมัครแข่งขันการขุดน้ำบาดาลเพื่อหารายได้ และคลายปมภายในใจของเขากับปู่วุฒิภายในเวลาเดียวกัน ระหว่างการแข่งขัน เก้าได้ระลึกถึงคำสอนของปู่ที่เคยบอกเขาเอาไว้ว่า ทุกปัญหานั้นมีทางออกเสมอ เพียงแต่เราต้องมองหามันให้เจอเท่านั้น ซึ่งคำสอนดังกล่าวก็ได้กลายเป็นแก่นสารสำคัญที่นิยามความคิดของตัวละครในช่วงเวลาแห่งการแก้ปัญหาครับ
ก่อนที่ภาพยนตร์จะประเคนอุปสรรคมาให้ตัวละครอย่างเก้าต้องเผชิญอย่างไม่หยุดหย่อน ทั้งการที่เก้าไม่สามารถตามหาแหล่งน้ำได้เจอ รวมถึงการต้องเอาชีวิตรอดจากโคตรแย้ยักษ์ ที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากการขุดเจาะเพื่อหาน้ำบาดาลของผู้เข้าแข่งขันทุกคน โดยภาพยนตร์เลือกพาตัวละครเข้าไปติดอยู่ในถ้ำอันมืดมิดและไร้ทางออก เพื่อตอกย้ำถึงคำสอนของปู่วุฒิอย่างชัดเจน ซึ่งเมื่อเก้าได้มีวิธีคิดที่เปลี่ยนแปลงไปจากในช่วงต้นเรื่องแล้ว เขาจึงเลือกแก้ปัญหาด้วยสติมากขึ้นนั่นเอง
#Leio #ไลโอโคตรแย้ยักษ์ #Filmment
โฆษณา