5 ส.ค. 2022 เวลา 09:03 • หุ้น & เศรษฐกิจ
หุ้น Theme ไหน...ใช่สำหรับคุณ
Image Credit: Pixabay.com / Flaticon.com
การคัดสรรเลือกหุ้นสักตัวเข้ามาอยู่ในพอร์ตการลงทุนก็เหมือนกับการเลือกเสื้อผ้า ต้องพิจารณาถึงกำลังทรัพย์ สภาพแวดล้อม ช่วงเวลา รวมถึงวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของการสวมใส่เสื้อผ้าในครั้งนั้นๆ
บางคนชอบซื้อเสื้อผ้ามีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ก็อาจจะใส่ได้ไม่บ่อยครั้ง เหมือนกับหุ้นที่อาจจะเลือกซื้อได้แค่บางช่วงบางเวลา
แต่กลับกันบางคนชอบใส่สีผ้าสีพื้นๆ แบบมินิมอล ก็สามารถจับมาใส่ได้บ่อยครั้งกว่าคล้ายกับหุ้นที่มีพื้นฐานดี เราก็สามารถเลือกทะยอยเก็บสะสมได้เรื่อยๆ
# แล้วจะรู้ได้ยังไงว่า “หุ้น Theme ไหน...ใช่สำหรับคุณ”
🔹 1. หุ้นปันผลสูง (Dividend Stock)
- เป็นบริษัทที่มีกำไรสม่ำเสมอในรอบหลายปี
- อัตราเงินปันผลสูง และจ่ายปันผลต่อเนื่องไม่ขาด (ควรอัตราสูงกว่าดอกเบี้ยหุ้นกู้ของบริษัท)
- P/E ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดและอุตสาหกรรมของตัวเองมาก
- ยืนหนึ่งในยามดอกเบี้ยธนาคารผันผวน
Image Credit: Pixabay.com
🔹 2. หุ้นเติบโต (Growth Stock)
- เป็นบริษัทที่มียอดขายและกำไรสุทธิเติบโตสูงต่อเนื่อง 4-5 ปี
- อยู่ในธุรกิจ/ตลาด ที่ยังอยู่ในเทรนด์ที่เติบโตได้ในระยะยาว
 
- P/E มักจะสูง และได้รับเงินปันผลน้อย (แลกกับการที่ราคาหุ้นไปต่อได้ยาวๆ ในอนาคต)
- ราคาขึ้นดีในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโต
🔹 3. หุ้นวัฏจักร (Cyclical Stock)
- อยู่ในธุรกิจของบริษัทที่มีความต้องการสินค้า และราคาสินค้าผันผวนขึ้นลงมากๆ ตามวัฏจักรธุรกิจหรือเศรษฐกิจ
- ธุรกิจที่มีความเป็นวัฏจักร เช่น ธุรกิจน้ำมัน อุตสาหกรรมโลหะ อุตสาหกรรมยานยนต์ การบิน โรงแรม ภัตตาคาร พืชผล เนื้อสัตว์ เป็นต้น
- ผลกำไรผันผวนมาก บางครั้งจุดสูงสุด-ต่ำสุดอาจจะต่างกันหลายเท่า บางปีอาจถึงขั้นขาดทุน เช่น ราคาน้ำมันดิบ
- แต่ละวัฏจักรไม่เท่ากัน บางครั้ง 1 วัฏจักรก็กินเวลาหลายปี ไม่ใช่แค่รอบ 1 ปีเพียงเท่านั้น
🔹 4. หุ้นเชิงรับ/ตั้งรับ (Defensive Stock)
- เป็นธุรกิจที่ไม่ค่อยผันผวน/แปรผันไปตามภาวะเศรษฐกิจ
- เศรษฐกิจดีจะโตไม่มาก เศรษฐกิจไม่ดี/ถดถอยก็ไม่ค่อยกระทบธุรกิจ
- ส่วนใหญ่จะอยู่ในสินค้า/บริการที่มีความจำเป็นในชีวิต เช่น น้ำประปา ไฟฟ้า สินค้าใช้สอยประจำวันต่างๆ
Image Credit: Pixabay.com
🔹 5. หุ้นคุณค่า (Value Stock)
- เป็นหุ้นทรงคุณค่า แต่มีราคาต่ำกว่ามูลค่ามาก
- ธุรกิจมีผลกำไรดี ไม่ผันผวน และแนวโน้มเติบโตได้อีก
- ส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลาง/เล็ก ผู้ลงทุนกลุ่มใหญ่ยังไม่ค่อยรู้จัก ราคาจึงยังถูก
- เป็นที่สนใจของผู้ลงทุนที่ยอมถือในระยะยาว/ยาวมาก มีปันผลบ้าง และระยะยาวราคาควรขึ้นตามผลการดำเนินงาน
🔹 6. หุ้นพลิกฟื้น (Turnaround Stock)
- เป็นหุ้นที่เคยมีผลการดำเนินงานย่ำแย่ และราคาต่ำมาก ต่อมาแก้ปัญหาทางธุรกิจได้ หรือมีผู้บริหารใหม่มาดูแล หรือมีกลุ่มทุนใหม่ หรือปรับโครงสร้างทางธุรกิจใหม่สำเร็จ กิจการจึงพลิกกลับมามีกำไรดีได้
- ความน่าสนใจคือผู้ที่ลงทุนกับหุ้นนี้แต่เริ่มแรกหรือต้นขบวนจะได้รับผลตอบแทนมหาศาล
- แผนธุรกิจใหม่/ความน่าเชื่อถือของผู้บริหารจึงเป็นสิ่งสำคัญในการวิเคราะห์หุ้นประเภทนี้
🔹 7. หุ้นเทคโนโลยี (Tech Stock)
- เป็นหุ้นที่ได้รับอานิสงฆ์จากเหตุการณ์ที่กระทบคนส่วนใหญ่ เช่น การเกิดโรคระบาดต้องปิดเมือง คนกักตัวอยู่บ้าน WFH สั่งสินค้าออนไลน์
- เกิดความต้องการสินค้า/บริการด้าน IT มาก ทำให้ชิ้นส่วน/วัตถุดิบ เป็นที่ต้องการอย่างก้าวกระโดด
- ข้อควรระวังคือเมื่อธรรมชาติของหุ้นประเภทนี้ถูกเก็งกำไรมาระยะหนึ่ง อาจจะเกิดการปรับตัวลงอย่างแรงด้วยเช่นกัน
🔹 8. Theme: เปิดเมืองหลังโรคระบาดบรรเทา
- หุ้นที่เคยตกต่ำเพราะผลกระทบของโรคระบาด เมื่อเปิดเมืองก็เริ่มมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
- ตัวอย่างของหุ้น Theme เช่น ท่องเที่ยว โรงแรม ศูนย์การค้า ค้าปลีก รถไฟฟ้า
Image Credit: Pixabay.com
🔹 9. Theme: นโยบายใหญ่ของรัฐ
- เกิดจากการนโยบายการส่งเสริมครั้งใหญ่ของภาครัฐ เช่น รถคันแรก กัญชาเสรี เป็นต้น
- เป็น Theme ที่เกิดขึ้นเฉพาะช่วงเวลาที่เริ่มประกาศนโยบายไปจนถึงช่วงที่ใช้นโยบายเท่านั้น หลังจากนั้นกระแสก็จะหายไป
🔹 10. Theme: ESG
- เป็น Mega Trend ที่เป็นกระแสมาหลายปีแล้วและยังคงมีต่อเนื่องด้วยความเข้มข้นที่มากขึ้น ด้วยแรงหนุนจากองค์กรทั่วโลกอย่างสุดแรง
- ทุกภาคส่วนยังเชื่อว่าหุ้นประเภทนี้ทำธุรกิจที่ส่งผลดีกับโลกและดีต่อการลงทุนในระยะยาว
- เชื่อว่าหุ้นประเภทนี้ยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนหรือเหตุการณ์ร้ายแรงในอนาคตได้
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศรายชื่อหุ้นยั่งยืนซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 147 บริษัท และมีรายชื่อถูกคำนวณอยู่ในดัชนี SET THSI อีก 100 บริษัท
🔹 11. Theme: EV
- กระแสพลังงานสะอาดที่มีมานานเริ่มตื่นตัวสูงในไทย โดยมีราคาพลังงาน/น้ำมันที่แพงมากๆ เป็นตัวเร่ง
- ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ทั้งการลงทุนในส่วนประกอบต่างๆ แบตเตอรี่ สถานีชาร์จ การจำหน่าย EV และสินเชื่อ เป็นต้น
🔹 12. Theme: Healthcare และดูแลสุขภาพ
- การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุทำให้มีการใช้บริการด้านสุขภาพมากขึ้น รวมถึงคนรุ่นใหม่ก็สนใจรักษาสุขภาพตัวเอง
- มีการพัฒนาเครื่องมือ/อุปกรณ์ที่ใช้เพื่อสุขภาพมากขึ้น
- ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ โรงพยาบาล ศูนย์ตรวจประเภทต่างๆ ยารักษา วิตามิน อาหารเสริม อุปกรณ์ทางการแพทย์/สุขภาพต่างๆ ประกันสุขภาพ และอาจรวมไปถึงการท่องเที่ยวที่พ่วงเรื่องสุขภาพและการรักษาเข้ามาด้วย
Image Credit: Pixabay.com
🔹 13. Theme: ค่าเงินบาทอ่อนหรือแข็ง
- ค่าเงินมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ๆ ในทุกๆ 2-3 ปี บางครั้งอาจนานถึง 5 ปี
- กรณีเงินบาทอ่อน จะส่งผลดีกับบริษัทที่มีสัดส่วนการส่งออกมาก ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคนต่างชาติ บริษัทที่มีสินทรัพย์ในสกุลเงินที่แข็งค่าขึ้น
- กรณีเงินบาทอ่อน ผลดีสลับไปอยู่ที่กลุ่มผู้นำเข้าสินค้า/วัตถุดิบจากต่างประเทศ ผู้ที่มีเงินกู้เป็นสกุลเงินต่างประเทศมากๆ
🔹 14. Theme: รับการเลือกตั้ง
- การเลือกตั้งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นทุก 3-4 ปี ซึ่งจากสถิติตลาดหุ้นในช่วงนี้มักจะคึกคักมีสีสันเป็นพิเศษ
- ช่วงใกล้เลือกตั้งจะมีเงินสะพัดจากการทำกิจกรรมต่างๆ ทางการเมืองจำนวนมาก
- พรรคการเมืองต่างๆ จะระดมเสนอความคิดและนโยบายที่ให้ความหวังว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้นได้
- ควรจับตาดูนโยบายของพรรคใหญ่เพื่อดูว่าส่งผลบวก-ลบต่อธุรกิจไหนบ้าง
ที่มา: เรียบเรียงข้อมูลจาก คุณสมบัติ นราวุฒิชัย / “การอบรมหลักสูตรเทคนิคการเพิ่มมูลค่าให้บริษัทจดทะเบียน จากมุมมองของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์” จัดโดย สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
## ติดตาม "ทีทีดับบลิว" ได้แล้ววันนี้ทาง ##
Website: www.ttwplc.com
Facebook: ttwplc
Instagram: ttwplc
Youtube: TTW Plc Channel
Linkedin: TTW Public Company Limited
Blockdit: TTW Public Company Limited

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา