8 ส.ค. 2022 เวลา 10:08 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
รีวิว : Bullet Train - ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า
Filmment Rating : 6.8
#เนื้อเรื่องย่อ
เรื่องราวของ เลดี้บั๊ก มือสังหารที่ตัดสินใจกลับมารับงานง่ายๆ อย่างการชิงกระเป๋าบนรถไฟหัวกระสุนชิงกังเซน แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเหล่ามือสังหารจากทั่วทุกมุมโลกต่างอยู่บนรถไฟขบวนนี้ เพื่อมาช่วงชิงกระเป๋าใบเดียวกันกับเขา เลดี้บั๊กจึงต้องพยายามหาคำตอบของเรื่องราวทั้งหมด พร้อมทั้งนำกระเป๋าใบนี้ไปส่งยังจุดหมายให้ได้
#ความเห็น
Bullet Train - ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นคอมเมดี้ที่มีสไตล์การเล่าเรื่องอันฉูดฉาด พร้อมหยิบเอานักแสดงตัวท็อปของฮอลลีวูดร่วมสิบคน มายัดใส่ในรถไฟขบวนเดียวกันและติดอาวุธให้กับพวกเขา ในขณะเดียวกันภาพยนตร์ก็ชัดเจนในแนวทางของตัวเอง ด้วยการอัดฉากแอ็คชั่นโชกเลือดและเสียงหัวเราะให้กับผู้ชมได้อยู่ตลอดทั้งเรื่อง
ภาพยนตร์เล่าเรื่องด้วยสไตล์อันฉูดฉาด ด้วยการเปิดตัวกลุ่มตัวละครจำนวนมากในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน พร้อมทยอยเล่าปูมหลังของตัวละครเหล่านั้น รวมถึงวีรกรรมในอดีตของพวกเขา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการชักจูงเหล่ามือสังหารทุกคนให้มาอยู่รวมกันบนรถด่วนขบวนนี้ ในขณะเดียวกันภาพยนตร์ก็เลือกอย่างชัดเจนว่าตัวละครใดจะมีบทบาทสำคัญกับเรื่องราวมากที่สุด
นำโดย เลดี้บั๊ก มือสังหารที่เพิ่งผ่านการบำบัดและพยายามหลีกหนีความรุนแรง , เลม่อน นักฆ่าผู้มีสายตาอันเฉียบคมในการมองทะลุผู้คน และแทนเจอรีน แฝดคนละฝาของเลม่อนที่มีนิสัยต่างกันอย่างสุดขั้ว , เดอะ ปริ้นซ์ หญิงสาวจอมเจ้าเล่ห์ซึ่งกุมความลับบางอย่างเอาไว้ และ คิมูระ ชายหนุ่มผู้คลั่งแค้นและต้องการหาคนรับผิดชอบกับอาการบาดเจ็บของลูกชายของเขา
แต่เนื่องจากเวลาที่จำกัดซึ่งสวนทางกับจำนวนตัวละครที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทำให้การแบ่งน้ำหนักและเวลาบนจอให้กับตัวละครนั้นมีปัญหาให้เห็น โดยเฉพาะกับบางตัวละครที่ปรากฏตัวขึ้นเพียงชั่วครู่ ก็ถูกตัดบทออกจากเรื่องราวภายในเวลาอันสั้น นอกจากนี้เหล่าตัวละครสมทบอย่าง เลม่อนและแทนเจอรีน , เดอะ ปริ้นซ์ หรือกระทั่งท่านผู้เฒ่าที่โผล่มาในช่วงองค์สุดท้ายของเรื่อง กลับมีเรื่องราวและปูมหลังเป็นของตัวเองที่น่าสนใจกว่าตัวละครหลักอย่าง เลดี้บั๊ก ซึ่งเป็นพระเอกของเรื่องเสียอย่างนั้นครับ
ในขณะที่บทภาพยนตร์นั้นโดดเด่นในแง่ของการหยิบจับเรื่องราวหลากหลายเส้นเรื่อง มาผูกโยงให้กลายเป็นเหตุการณ์เดียวกัน ดังนั้นทุกรายละเอียดเล็กน้อยนั้นจึงส่งผลต่อเรื่องราวอยู่เสมอ ซึ่งเมื่อปมทุกอย่างถูกคลายออกมาในช่วงท้าย ภาพยนตร์ก็สามารถสร้างความเซอร์ไพรส์และเก็บทุกรายละเอียดที่โปรยเอาไว้ตลอดทางได้อย่างครบถ้วน
แต่อย่างไรก็ตาม ระหว่างทางของภาพยนตร์นั้นก็เต็มไปด้วยเรื่องราวอันไม่สมเหตุสมผลมากมาย โดยเฉพาะกับเหล่าตัวละครที่พร้อมจะโกรธกันจนเลือดขึ้นหน้า และกอดคอเป็นเพื่อนกันได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที นอกจากนี้ยังรวมถึงมุกตลกที่ทยอยหยอดอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งแม้บางมุกจะสามารถเรียกเสียงหัวเราะได้ในครั้งแรกที่เห็น แต่ภาพยนตร์กลับเลือกใช้ท่าเดิมๆ อยู่หลายครั้ง จึงทำให้มันกลายเป็นความซ้ำซากแทนครับ
จุดขายสำคัญของ Bullet Train ก็คือฉากแอ็คชั่นครับ ภาพยนตร์เลือกออกแบบฉากแอ็คชั่นให้เคล้าไปด้วยเสียงหัวเราะ โดยเฉพาะกับตัวละครหลักอย่างเลดี้บั๊ก ซึ่งเพิ่งจะผ่านการบำบัดและกำลังพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง ก็ถูกนำเสนอในลักษณะของตลกเจ็บตัวและการหยิบเอาของใช้ข้างตัวมาเป็นอาวุธ คล้ายกันกับสไตล์การต่อสู้ของเฉินหลงนั่นเองครับ แต่ในขณะเดียวกันภาพยนตร์ก็ยังไม่ทิ้งลายเซนต์ของผู้กำกับภาพยนตร์อย่าง David Leitch ที่จะต้องมีความรุนแรงแบบเลือดสาดท่วมจอด้วยเช่นกัน
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าชื่นชมก็คือ ภาพยนตร์สามารถใช้ประโยชน์จากขบวนรถไฟที่มีธีมอันหลากหลายได้อย่างคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็น ขบวนที่งดใช้เสียง , ขบวนเลานจ์สุดหรู , ขบวนอาหารและเครื่องดื่ม หรือกระทั่งห้องน้ำ , หัวรถจักร และชานชาลา ก็ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างสถานการณ์แอ็คชั่นในเรื่องได้อย่างสร้างสรรค์ครับ
ช่วงที่บันเทิงที่สุดของ Bullet Train ก็คือช่วงราว 20 นาทีสุดท้ายที่ภาพยนตร์เฉลยเรื่องราวทั้งหมด พร้อมยกระดับฉากแอ็คชั่นให้ทะยานใหญ่ขึ้น วินาศสันตะโรมากขึ้น และชุ่มโชกไปด้วยเลือดมากขึ้นเป็นเท่าตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองจากภาพรวมของภาพยนตร์ทั้งเรื่อง ช่วงไคลแม็กซ์ของภาพยนตร์สามารถกอบกู้และเติมพลังให้กับรถไฟความเร็วสูงขบวนนี้ได้อย่างทันท่วงทีครับ
โดยรวมแล้วภาพยนตร์เรื่อง Bullet Train - ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า เป็นภาพยนตร์ที่ดูสนุกด้วยสไตล์การเล่าเรื่องอันฉูดฉาด ฉากแอ็คชั่น และเสียงหัวเราะครับ นอกจากนี้ภาพยนตร์ยังไม่พยายามเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง ไม่มีการใส่ดราม่า หรือข้อคิดคติสอนใจอะไรที่ผิดธรรมชาติ ถึงแม้ว่าเหล่าตัวละครจะพยายามเถียงกันแทบเป็นแทบตายในเรื่องของโชคชะตาและปรัชญาชีวิตก็ตามครับ ภาพยนตร์เข้าฉายรอบพิเศษแล้วตั้งแต่วันนี้ และจะเข้าฉายเต็มรูปแบบในวันที่ 11 สิงหาคมนี้ครับ
#ประเด็นตกผลึก
ประเด็นตกผลึกจากภาพยนตร์เรื่อง Bullet Train - ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า ที่ผมจะชวนผู้อ่านทุกท่านมาคุยกันในวันนี้ก็คือ
มุมมองที่มนุษย์มีต่อโชคชะตา
ภาพยนตร์จำลองภาพของความเชื่อในสังคมที่มีต่อโชคชะตาเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจครับ โดยเป็นการพูดถึงมุมมองอันหลากหลายของโชคชะตา จากกลุ่มตัวละครที่มีความเชื่อแตกต่างกันครับ
โฟกัสหลักนั้นพุ่งเป้าไปที่ เลดี้บั๊ก ซึ่งกำลังติดอยู่ในห้วงความสับสนของชีวิตดยเลดี้บั๊กเชื่อครับว่าเขาคือคนที่โชคร้ายที่สุดในโลก เนื่องจากหลายต่อหลายงานที่ผ่านมาของเขานั้นพบเจอแต่ความผิดพลาดมาโดยตลอด แต่เลดี้บั๊กเองก็ลืมคิดไปครับว่า ความโชคร้ายที่เขากำลังเผชิญอยู่นั้นมันคือภูมิคุ้มกันที่ทำให้เขาสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งมันเป็นทักษะที่สำคัญมากสำหรับการเป็นมือสังหารครับ
นอกจากนี้ภาพยนตร์ยังนำเสนอทัศนคติที่แตกต่างกันผ่าน 3​ ตัวละครอย่าง เดอะ ปริ้นซ์ หญิงสาวจอมวางแผนที่เชื่อมั่นว่าเธอโชคดีที่สุดในโลก เนื่องจากไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ตาม ทุกอย่างก็จะลงล็อคและเข้าทางเธอไปเสียทั้งหมด ซึ่งมันก็ส่งผลให้เธอประมาทเลินเล่อและเชื่อมั่นในดวงของตัวเองมากเกินไป
ท่านผู้เฒ่า เชื่อมั่นว่ามนุษย์ทุกคนไม่อาจฝืนโชคชะตาได้ และทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่ถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อเหตุผลบางอย่างเสมอ ด้วยความเชื่อแบบนี้มันทำให้เขากลายเป็นคนที่อดทน เฝ้ารอโอกาสของตัวเองอย่างใจเย็น และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับโอกาสอันไม่คาดคิดอยู่เสมอ
และมัจจุราชขาว ผู้เชื่อมั่นในการกำหนดโชคชะตาของตนเอง ซึ่งมันก็ทำให้เขาพยายามไต่เต้าขึ้นสู่จุดสูงสุด และปกป้องมันเอาไว้ด้วยมือของเขาเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องหวังพึ่งโชคลางแต่อย่างใดครับ
ด้วยความเชื่อที่หลากหลายของกลุ่มตัวละคร ภาพยนตร์ไม่ได้เลือกที่จะมอบบทสรุปอย่างชัดเจนให้กับทุกความเชื่อที่แตกต่างนะครับ แต่สิ่งที่ภาพยนตร์เรื่อง Bullet Train บอกกับเราก็คือ โชคลางไม่ใช่สิ่งที่จีรังยั่งยืนครับ แม้บางวันเราอาจจะเจอกับวันที่โชคเข้าข้าง แต่ในบางวันเราอาจจะพบเจอกับวันแย่ๆ ของชีวิตเมื่อโชคชะตาเกิดเล่นตลกขึ้นมา ถึงกระนั้นโชคลางนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยเป็นของเราได้จริงๆ ครับ บางครั้งโชคดีก็โคจรไปอยู่กับผู้อื่นบ้าง ในขณะที่ความโชคร้ายก็ไม่ได้มุ่งเป้าโจมตีแต่เราเพียงผู้เดียวเช่นกัน
ดังนั้นสิ่งสำคัญจึงขึ้นอยู่กับมุมมองที่เรามีต่อโชคชะตาครับว่า เราจะมองว่ามันทำร้ายเรา และพาเราไปพบเจอกับอุปสรรคต่างๆ อยู่ตลอดเวลา จนบั่นทอนเราให้ไม่อาจโผล่พ้นน้ำได้ หรือเราจะมองว่ามันเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้พัฒนาตัวเอง เพื่อรอวันที่จะประสบความสำเร็จอย่างงดงาม หรือกระทั่งเราจะลุกขึ้นมาแล้วลงมือทำอะไรสักอย่างด้วยมือของเราเอง โดยที่ไม่ต้องหวังพึ่งความสวยงามของโชคชะตาในการไปถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้ ฝากไว้ให้คิดกันนะครับ
#BulletTrain #ระห่ำด่วนขบวนนักฆ่า #Filmment
โฆษณา