12 ส.ค. 2022 เวลา 09:02 • อาหาร
“น้ำรากบัว: น้ำอัฏฐบานหรือน้ำปานะ 1 ใน 8 ชนิดที่พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้พระภิกษุสามเณรฉันยามวิกาล”
นับว่า “น้ำรากบัว” เป็นเครื่องดื่มโบราณดึกดำบรรพ์ที่ปรากฏอยู่ในบันทึกครั้งพุทธกาล และน่าเชื่อว่าคงจะมีมาก่อนนั้นแล้ว เท่ากับว่า สรรพคุณและรสชาติของเครื่องดื่มชนิดนี้เป็นที่ประจักษ์ จึงได้รับการสืบทอดยืนนานสืบมาจนถึงปัจจุบัน
“น้ำรากบัว” หนึ่งในน้ำอัฏฐบานหรือน้ำปานะแปดชนิดของพระภิกษุสงฆ์และสามเณร
"น้ำอัฏฐบาน" หรือเรียกกันโดยทั่วไปว่า “น้ำปานะ” แต่ใช่ว่าน้ำอะไรก็สามารถจัดเป็นน้ำปานะได้หมด มีเพียง 8 ชนิดที่พระวินัยบัญญัติให้พระภิกษุสงฆ์รับประเคนเก็บไว้และฉันได้ภายในเวลาที่กำหนด ทั้ง 8 ชนิด ประกอบด้วย
  • น้ำมะม่วง
  • น้ำชมพู่ หรือ น้ำหว้า
  • น้ำกล้วยมีเม็ด
  • น้ำกล้วยไม่มีเม็ด
  • น้ำมะทราง
  • น้ำลูกจันทน์ หรือ องุ่น
  • น้ำเหง้าอุบล
  • น้ำมะปราง หรือ ลิ้นจี่
เครื่องดื่มทั้ง 8 ชนิดดังกล่าว ในทางพุทธศาสนาเรียกรวมทั้งหมดว่า “อัฏฐบาน” หรือ “น้ำอัฏฐบาน” พระภิกษุสามเณรนิยมฉันโดยเฉพาะในยามวิกาลที่พระภิกษุสามเณรรู้สึกโหย และพระวินัยสั่งห้ามฉันอาหารที่ต้องขบเคี้ยว ซึ่งชาวบ้านนิยมปรุงขึ้นเพื่อนำไปถวายพระภิกษุสามเณรมนยามที่ร่างกายโหยแต่ไม่สามารถขบฉันสิ่งใดได้ ชาวบ้านจึงเชื่อว่าจะได้กุศลมาก เนื่องจากมีการระบุไว้ในพุทธประวัติว่าภิกษุสามเณรสามารถฉันได้ตามพระธรรมวินัย
หนึ่งในน้ำอัฏฐบานหรือน้ำปานะที่หาพบได้ไม่ง่ายแล้วในปัจจุบัน คือ "น้ำรากบัว" เนื่องจากไม่มีผู้นิยมดื่มและนั่นก็ทำให้ไม่มีผู้นิยมทำขาย ส่วนใหญ่เราจึงจะพบเพียงรากบัวเชื่อมในร้านขนมหวานหรือร้านน้ำแข็งไส และตามร้านขายเครื่องยาจีน เพราะคนจีนและคนเอเชียตะวันออกอย่างเกาหลี ญี่ปุ่น รวมทั้งเวียดนามที่ยอมรับในสรรพคุณของมัน
รากบัวหั่นขวางในหม้อต้มมองเผิน ๆ คล้ายโรงงานผลิตจานดีสเบรครถมอเตอร์ไซค์
"น้ำรากบัว" ทำได้ง่ายที่สุด แค่มีรากบัว ล้างน้ำให้สะอาด ปอกเปลือก หั่วขวางชิ้นบาง แช่น้ำเกลือขจัดเมือกและสิ่งปลอมปน 10 นาที ล้างน้ำเอาเกลือออก เอาลงหม้อต้มกับน้ำเปล่า เติมใบเตยเพิ่มความหอม น้ำตาลทราย และเกลือแกงสักปลายช้อนขับให้รสหวานเด่นขึ้น เมื่อเดือดก็เคี่ยวต่อ 20-30 นาทีก็ใช้ได้ รากบัวจะไม่เปื่อยนุ่มอย่างที่คิด แต่ยังคงเหนียวหนึบ เพียงแต่การเคี่ยวสักพักจะทำให้น้ำที่ได้มีความหอมและสารอาหารชั้นดีละลายออกจากรากบัว
น้ำต้มรากบัวเป็นเครื่องดื่มกลิ่นหอม หวาน ส่วนรากบัวเหนียวหนึบเหมาะกินเป็นของว่าง
ประโยชน์ของรากบัวก็ไม่ได้มากมายจนต้องตะลึง แต่ก็คิดไม่ถึง เท่าที่ Copy และ Paste มาจากกูเกิ้ลก็ประมาณว่า ช่วยย่อยอาหาร ควบคุมความดันโลหิต ลดความเครียด บำรุงผิวและผม ลดน้ำหนัก ป้องกันการเกิดภาวะบวมน้ำ และเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง พวกนี้ก็คงได้ผลบ้างแหละไม่งั้นคนญี่ปุ่นคงไม่กินกันอย่างเป็นการเป็นงาน มีเมนูที่ทำจากรากบัวเป็นสิบเป็นร้อยอย่าง
น้ำรากบัวต้มน้ำตาลทรายขาวไม่สร้างความรู้สึกข้นหนักเหมือนใช้น้ำตาลทรายแดง
ในทางพุทธศาสนา น้ำรากบัว เป็นเครื่องดื่มชั้นดี ที่ญาติโยมศาสนิกชนมีภูมิรู้ชัดว่าวิเศษจึงตั้งอกตั้งใจปรุงถวายพระภิกษุสามเณร และทำสืบทอดกันมาหลายพันปี ในฐานะศาสนิกก็ทำให้ตัวเองและคนรอบข้างดื่ม อย่างน้อยการรักตัวเองก็เป็นสิ่งที่ศาสนาบอกกับเราว่าเป็นสิ่งอันควรกระทำ
โฆษณา