Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สุธีร์@อ่านเอาเพลิน
•
ติดตาม
15 ส.ค. 2022 เวลา 03:54 • นิยาย เรื่องสั้น
ท่องไปในโลกนิยาย
"Death in Delft" (19)
ผู้แต่ง เกรแฮม แบรค
เมอร์คิวเรียสถามแจนเน็ตว่า "เกอร์ทรูย์ดเป็นลูกคนเดียวของคุณแม่หรือเปล่าครับ?"
"ฉันยังมีลูกสาวอีกหนึ่งคนค่ะ เธอชื่อคลาร่า เป็นน้องสาวของเกอร์ทรูย์ด เธอมีอายุ6ขวบแล้วค่ะ"
ตามธรรมเนียมชาวดัชท์ที่ยึดถือกันมาอย่างยาวนานกำหนดว่าถ้าหากลูกคนแรกเป็นหญิงให้ตั้งชื่อลูกตามชื่อของยาย เมื่อเมอร์คิวเรียสรู้ว่าเกอร์ทรูย์ดเป็นลูกคนโตนั่นหมายความว่าแม่ของแจนเน็ตก็มีชื่อเกอร์ทรูย์ดเช่นเดียวกัน
"แล้วตอนนี้หนูคลาร่าอยู่ไหนหรือครับ?"
"ตั้งแต่มีเรื่องฉันก็พาคลาร่าไปอาศัยอยู่กับแม่ของฉันที่เมืองไลเดนเพื่อความปลอดภัยคะ"
"ผมจะพยายามทำให้เดลฟท์กลับมาปลอดภัยอีกครั้งหนึ่ง เด็กๆจะต้องได้ออกมาเล่นนอกบ้านได้อย่างสนุกสนาน หนูคลาร่าจะต้องได้กลับมาสู่อ้อมกอดของพ่อแม่อีกครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้ผมอยากให้คุณแจนเน็ตเล่าเหตุการณ์วันที่น้องเกอร์ทรูย์ดหายตัวไปจะได้ไหมครับ"
เมอร์คิวเรียสเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองเผลอไปพูดชื่อคริสเตียนของเธอโดยไม่ได้รับการยินยอมจากเธอก่อน แต่ก็สายไปแล้ว ทั้งนี้ปกติแล้วคนภายนอกครอบครัวไม่มีสิทธิพูดชื่อคริสเตียน อย่างไรก็ตามแจนเน็ตไม่ได้ตำหนิเมอร์คิวเรียสแต่อย่างใด
แจนเน็ตหลับตาลงเหมือนกับว่าเธอกำลังลำดับเหตุการณ์วันนั้นก่อนที่จะเริ่มเล่า
"ก่อนเกิดเหตุหนึ่งวัน มีพายุพัดโหมกระหน่ำ ทั่วท้องฟ้าปกคลุมด้วยเมฆดำ หน้าต่างในบ้านทุกบานถูกปิดหมด ตอนนั้นฉันกำลังยุ่งอยู่กับการอบขนมปัง
วันรุ่งขึ้นท้องฟ้ากลับมาสดใส พวกเรารีบตื่นมาทำงานต่อ สามีช่วยฉันเอาม้วนขนสัตว์มาใส่ในเครื่องทอ เกอร์ทรูย์ดช่วยทำอาหารเช้า ส่วนฉันก้มหน้าก้มตาทอผ้าขนสัตว์ ทั้งนี้ก็เพื่อชดเชยกับเวลาที่เสียไปเมื่อวาน
อีกอย่างหนึ่ง วันนั้นเป็นวันพระ ตรงกับวันอาทิตย์ซึ่งพวกเราจะต้องเข้าโบสถ์รับศีล จึงจำเป็นต้องไปตักน้ำในบ่อเพื่อชำระตัวให้สะอาด"
เมอร์คิวเรียสเข้าใจดีกี่ยวกับความเชื่อของชาวบ้านที่ยึดถือมาอย่างยาวนานว่าพวกเขาจะต้องชำระร่างกายให้สะอาดทุกซอกทุกมุมก่อนที่จะเข้าโบสถ์ หมอเคยบอกเขาว่าการอาบน้ำมากเกินไปกลับจะเป็นผลเสียต่อสุขภาพ สำหรับตัวเมอร์คิวเรียสเองเขาก็ถูกคุณย่าปลูกฝังความเชื่อให้กับเขาตั้งแต่เด็กๆ ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะต้องอาบน้ำในคืนวันเสาร์
แจนเน็ตเล่าเรื่องต่อไปด้วยเสียงตะกุกตะกัก พร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมา
"เกอร์ทรูย์ดได้ไปที่บ่อน้ำเพื่อตักน้ำมาทำความสะอาดครัว ท่านคะตอนนั้นฉันน่าจะห้ามเธอ หรือไม่ฉันก็ควรจะโอบกอดเธอ หรือไม่ฉันก็ควรจะพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน...แต่ฉันไม่ได้ทำสักอย่างเลย"
เมอร์คิวเรียสรับรู้ถึงความเศร้าโศกเสียใจอย่างท่วมท้น แต่เขาก็ไม่ได้พูดปลอบใจเธอ เขาคิดว่าการรับฟังและนิ่งเงียบอาจเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเธอก็ได้ นึกดูแล้วเขาก็สงสัยว่าตัวเองเป็นนักบวชที่ดีหรือไม่ในการช่วยเหลือผู้มีความทุกข์
แจนเน็ตพยายามรวบรวมสติให้กลับมา เธอเล่าต่อไปว่า
"ตั้งแต่เกอร์ทรูย์ดออกจากบ้านไปที่บ่อน้ำ ในความรู้สึกของฉันในขนะนั้นคิดว่ามันผ่านไปไม่นาน อาจเป็นเพราะฉันกำลังยุ่งอยู่กับการทำงาน จนคิดว่าเกอร์ทรูย์ดคงกลับมาแล้ว ฉันได้ส่งเสียงเรียกเกอร์ทรูย์ดให้ดูนาฬิกาที่โบสถ์หน่อยเพื่อกะเวลาเตรียมงานพิธีรับศีล แต่ฉันก็ไม่ได้ยินเสียงตอบจากเกอร์ทรูย์ด ฉันจึงตะโกนเรียกด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมแต่ก็ยังไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ
จากนั้นฉันได้เรียกคลาร่าแทน ฉันถามเธอว่าเกอร์ทรูย์ดอยู่ไหน? เธอบอกว่าเกอร์ทรูย์ยังไม่กลับจากบ่อน้ำ ฉันเริ่มใจไม่ดีเลย จึงวางกระสวยลงแล้วรีบออกไปตามหาเกอร์ทรูย์ด แต่ก็หาเธอไม่เจอ ฉันรีบวิ่งไปบอกสามีจากนั้นเราสองคนออกไปขอร้องเพื่อนๆของเราให้ช่วยตามหา พวกเราหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอเกอร์ทรูย์ด"
"ทุกที่ที่คุณแม่ไปค้นหามีร่องรอยการต่อสู้บ้างไหมครับ?"
"ไม่มีเลยค่ะ อ้อ!มีอีกเรื่องหนึ่ง เพื่อนบ้านที่ติดกับฉันชื่อแอเดรียน บอกฉันว่าประตูทางไปคลองส่งน้ำถูกใส่กลอนไว้"
เมอร์คิวเรียสจำได้ว่าเขาเคยเดินผ่านประตูนี้ ตอนนั้นมันเปิดอยู่ มันเป็นทางไปประตูระบายน้ำและถนนใหญ่
"ประตูบานนี้ปกติจะปิดอยู่ตลอดเวลาใช่ไหมครับ?
"ใช่ค่ะ ประตูปิดเพื่อกันไม่ให้เด็กตกลงไปในคลอง แต่เอเดรียนคิดว่าถ้าเกอร์ทรูย์ดผ่านไปทางนั้น เธออาจไม่ได้ปิดประตู ซึ่งเอเดรียนได้เตือนเกอร์ทรูย์ดหลายครั้งแล้วว่าอย่าลืมปิดประตู"
"นอกจากเอเดรียนแล้ว ยังมีเด็กคนอื่นอีกไหมที่อยู่ใกล้ๆบ่อน้ำ?"
"ฉันเองก็ไม่แน่ใจคะ แต่น่าจะยังมีเด็กน้อยนิโคอยู่ใกล้บ่อที่สุด เขาอาจจะนั่งอยู่บริเวณประตู แต่แกเพิ่งมีอายุยังไม่ถึงสองขวบ แถมยังเริ่มหัดพูดอยู่เลย ท่านค่ะ ในวันพระพวกเราต่างก็ให้เด็กๆอยู่แต่ในบ้านค่ะเพื่อไม่ให้เด็กๆวิ่งเล่นนอกบ้านจนเนื้อตัวเลอะมอมแมม"
เมอร์คิวเรียสพยายามวิเคราะห์เหตุการณ์ ถ้าหากเขาเป็นคนที่กำลังจะลักพาเด็ก เขาก็จะเลือกลักพาตอนเช้าของวันอาทิตย์เพราะตอนนั้นคนยังไม่มาก
"คุณแม่พยายามนึกดีๆว่าเพื่อนบ้านคนไหนที่ไม่ได้ออกไปช่วยตามหาน้องเกอร์ทรูย์ด?"
เธอพยายามคิดสักครู่ใหญ่ก่อนที่จะตอบ
"ก็คงมีแต่พ่อของทรินจ์ค่ะ เขาพักอยู่กับทรินจ์ เขาเคยเป็นกลาสี มีขาข้างเดียว"
"ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ"
แต่แล้วอยู่ดีไปแจนเน็ตก็ร้องไห้พร้อมกับพูดชื่อคนขึ้นมาลอยๆว่า "ฟรานส์!"
เธอพูดต่อไปว่า
"ฟรานส์ไม่ได้ไปช่วยหา เขาเป็นผู้ช่วยดูแลโบสถ์ เขามักไปโบสถ์เพื่อเตรียมความพร้อม"
เมอร์คิวเรียสถามแจนเน็ตว่า
"คุณแม่คิดว่าเขาอาจเป็นฆาตกรหรือครับ?"
"ฉันไม่กล้าคิดค่ะ มนุษย์แบบไหนกันนะที่มาทำร้ายเกอร์ทรูย์ดของฉัน ถ้าตอนนั้นฉันรู้ว่ามันเป็นใครฉันจะทำทุกวิถีทางให้เกอร์ทรูย์ดอยู่ห่างไกลจากมันให้มากที่สุด และตอนนี้ฉันอยากจะแทงหัวใจอันโหดเหี้ยมของมันให้หายแค้น"
- - - - - - - - - -
โปรดติดตามอ่านในครั้งต่อไปและให้กำลังใจด้วยการกดติดตาม
ขอขอบคุณทุกท่านที่มาเยือน
สุธีร์@อ่านเอาเพลิน
ภาพชื่อ Interior with an Old Woman at a Spinning Wheel วาดโดย Esias Boursse ที่มา wikimedia
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เรื่องเล่า ไขคดีปริศนาเมืองเดลฟท์( Death in Delft) ผลงานเกรแฮม แบรก
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย