Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สุธีร์@อ่านเอาเพลิน
•
ติดตาม
23 ส.ค. 2022 เวลา 10:25 • นิยาย เรื่องสั้น
ท่องไปในโลกนิยาย
"Death in Delft" (20)
ผู้แต่ง เกรแฮม แบรค
ก่อนที่เมอร์คิวเรียสจะกลับเขาได้มอบเงินบางส่วนให้แจนเน็ตแทนคำขอบคุณสำหรับคำให้การของเธอ แต่เธอไม่ยอมรับเงินจากเขา
"ท่านคะ ฉันไม่สามารถรับเงินที่ต้องแลกมาจากคำให้การเกี่ยวกับการตายของลูกสาวฉันได้หรอกค่ะ"
"คุณแม่โปรดอย่าคิดเช่นนั้น ท่านนายกเทศมนตรีได้กำชับผมว่าถ้าใครก็ตามที่ต้องเสียสละเวลาทำงานอันมีค่ามาช่วยเหลือการสืบคดีเราจะต้องไม่ทำให้เขาเดือดร้อน ดังนั้นคุณแม่โปรดรับไว้เถอะครับ" พูดจบเขาก็ยื่นเงินใส่มือของแจนเน็ต จนในที่สุดเธอก็ใจอ่อน เก็บเงินใส่ในกระเป๋าเสื้อกันเปื้อนอย่างเสียไม่ได้
เมอร์คิวเรียสอาจพูดเกินจริงไปบ้างแต่เขาก็มั่นใจว่านายกเทศมนตรีจะไม่ตำหนิเขาในเรื่องนี้
เมื่อเมอร์คิวเรียสออกมาจากบ้านของแจนเน็ต เขาครุ่นคิดต่อไปว่าจะทำอะไรต่อดี ความคิดแรกที่ผลุดขึ้นคือการไปพบแม่ของแมกดาเลนา คุจเปอร์ เด็กสาวคนที่สองที่หายตัวไป บ้านของเธออยู่แถวอูสปอต เมอร์คิวเรียสเดินไปตามถนนท่ามกลางลูกเห็บที่กำลังตก
เมื่อเมอร์คิวเรียสเดินมาถึงย่านอูสปอตเขารู้สึกว่าแถวนี้ยังมีบ้านหลังเล็กๆอีกหลายหลังซึ่งตอนที่มากับนายกเทศมนตรีเขาไม่ได้สังเกต เขาใช้เวลาหาอยู่พักใหญ่กว่าจะเจอบ้านของแม่แมกดาเลนา ตอนนั้นเธอกำลังวุ่นอยู่กับการทำความสะอาดและหั่นหัวปลาแฮริ่ง
เมอร์คิวเรียสแนะนำตัวเองให้แม่ของแมกดาเลนารู้จัก ส่วนเธอได้บอกเมอร์คิวเรียสว่าเธอชื่อ'ลิซ'
"ผมมาหาคุณผู้หญิงเพื่อช่วยสืบหาลูกสาวที่หายตัวไปครับ"
"เรียกฉันว่าคุณผู้หญิงเลยหรือ?" ลิซพูดจบเธอก็ขำเมอร์คิวเรียส
"ไม่เคยมีใครให้เกียรติในการเรียกฉันอย่างนั้นเลย..
..ไม่มีใครบอกคุณเลยหรือว่าฉันเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว"
"ผมทราบมาบ้างแล้วครับ แต่ความรู้สึกของผมคุณคือแม่ของลูกที่สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยและเฝ้าตามหาลูกกลับมา ไม่ว่าจะเป็นลูกนอกสมรสหรือลูกของพ่อแม่ที่เคร่งศาสนา พระเจ้าก็ทรงรักและเอ็นดูเด็กๆดุจเดียวกัน"
ลิเซ่จ้องมองดูเมอคิวเรียสอย่างช้าๆตั้งแต่หัวจรดเท้า
"ฉันท้าพนันได้เลยว่าคุณนายแวน เซตเตนสั่งให้พวกคุณเร่งตามหาลูกของเธอ การที่คุณบอกฉันว่าจะช่วยตามหาแมกดาเลนานั่นก็เป็นเพราะพวกคุณคิดว่าพวกเด็กๆคงถูกจับไปอยู่ด้วยกัน"
"มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดเลยครับ ผมยังไม่ได้คุยกับคุณแวน เซตเตน เลย ผมเพียงแต่พยายามค้นหาร่องรอยเพื่อตามหาเด็กทั้งสอง ดังนั้นผมจึงอยากรู้รายละเอียดจากปากคำของคุณผู้หญิง"
"ฉันหรือ? ชาวประมงผู้ซึ่งไม่มีการศึกษาอย่างฉันนี่นะ? ฉันมันเป็นผู้หญิงไม่ดี มีลูกโดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ แม้แต่โบสถ์ของพวกคุณก็ไม่ต้อนรับฉันเพียงเพราะฉันไม่สามารถบอกชื่อพ่อของลูกได้"
เมอร์คิวเรียสถอดหมวกออก และสบัดให้ลูกเห็บออกจากหมวก แม้ว่าการกระทำแบบนี้ไม่ได้ช่วยอะไรแต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เมอร์คิวเรียสมีเวลาคิดว่าจะพูดอย่างไรดีเพื่อลดความน้อยเนื้อต่ำใจของเธอ
"ตกลงคุณจะไม่ให้ปากคำหรือว่าคุณไม่สามารถให้ปากคำได้ครับ"
ลิซหยุดแล่ท้องปลาแฮริ่ง เธอหัวเราะและพูดขึ้นว่า
"ฉันไม่สามารถให้ปากคำได้ ฉันไม่รู้แม้กระทั่งว่าใครเป็นพ่อของแมกดาเลนา คุณอยากรู้ไหมว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้
ตอนฉันอายุย่างสิบแปด ฉันถูกพวกผู้ชายมอมเหล้าจินจนหมดสติ ตื่นขึ้นมาด้วยสภาพที่เจ็บปวดและโทรมจนดูไม่ได้ จากนั้นไม่นานฉันก็ตั้งท้อง ฉันอยากจะเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉัน แต่ฉันก็อดทนรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันจะโทษใครได้นอกจากตัวฉันเองที่ปล่อยตัวปล่อยใจเช่นนั้น
เมอร์คิวเรียสฟังเธอเล่าแล้วรู้สึกสงสารเธอที่ต้องเจอเรื่องร้ายๆเช่นนี้ แต่เธอก็มีความอดทนในการเลี้ยงดูแมกดาเลนาจนเติบโตซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชมเชย อีกทั้งเธอยังสามารถพูดจาได้อย่างฉะฉานแม้ว่าจะไม่ได้เรียนหนังสือมาก็ตาม
"ตอนนี้คุณมีลูกกี่คนครับ?"
ลิซตอบด้วยอารมณ์โกรธกับคำถามเช่นนี้
"ฉันมีแค่แมกดาเลนาคนเดียว ผู้หญิงที่มีลูกไม่มีพ่ออย่างฉันยังจะมีผู้ชายคนไหนอยากแต่งงานด้วย"
"แต่คุณก็ยังสาวอยู่ คุณอย่าเพิ่งสิ้นหวังที่จะหาคู่ชีวิตดีๆแต่งงานด้วยสิครับ"
เมอร์คิวเรียสพูดจบ ในใจก็กลัวว่าลิซจะปามีดใส่เขา
แม้ว่าเธอไม่ได้ปามีดใส่เมอร์คิวเรียสแต่เธอก็โกรธและพูดด้วยเสียงอันดัง
"ที่คุณพูดหมายความว่ามันจะดีกับฉันใช่ไหมถ้าหากแมกดาเลนาถูกฆ่าตาย จะได้มีผู้ชายยอมแต่งงานกับฉัน"
"โอ้! อย่าเข้าใจผมผิด ผมไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่ผมพูดในฐานะผู้ชายคนหนึ่งซึ่งไม่เห็นความแตกต่างระหว่างแม่หม้ายลูกติดและแม่เลี้ยงเดี่ยว ถ้าผมรักผู้หญิงคนนั้นผมก็จะรักลูกของเธอเหมือนกับเป็นลูกของผมเช่นกัน"
"แต่คุณไม่ใช่ผู้ชายทั่วๆไปแต่เป็นนักบวชซึ่งไม่ต้องมากังวลกับศักดิ์ศรีของผู้หญิง ตัวฉันเองก็เป็นผู้หญิงที่มีมลทินไม่มีราคาพอให้มีผู้ชายมารักผู้หญิงอย่างฉัน"
"คุณรู้ไหมว่าพระแม่มารีย์ก็เป็นผู้หญิงที่มิได้เข้าพิธีแต่งงาน"
แววตาลิเซ่ดูเป็นประกายทันทีเพราะความสนใจ
"เป็นไปได้อย่างไร?"
"พระคัมภีร์บอกเพียงว่าพระแม่มารีย์เข้าพิธีหมั้นกับโยเซฟ เพราะถ้าเข้าพิธีแต่งงานพระคัมภีร์ก็ต้องเขียนไว้ ตอนที่พระแม่มารีย์คลอดพระเยซู เธอยังไม่ได้แต่งงานกับโยเซฟ"
ลิซแย้งว่า
"แต่ภายหลังทั้งคู่ก็ได้อยู่กินกันฉันสามีภรรยาไม่ใช่หรือ"
"แต่โยเซฟก็ไม่ใช่พ่อที่แท้จริงของพระเยซู"
"ถ้าอย่างนั้นพระบิดาที่แท้จริงก็ไม่ได้แต่งงานเหมือนกันใช่ไหม?"
เมอร์คิวเรียสยิ้มมุมปาก เขาสังเกตว่าตอนนี้ลิซเริ่มเป็นมิตรกับเขามากขึ้นแล้ว เธอได้เอื้อมไปหยิบเก้าอี้ให้เมอร์คิวเรียส
"ฉันคิดว่าเราคงคุยกันนาน เชิญคุณนั่งคุยบนเก้าอี้ให้สบาย"
เมอร์คิวเรียสอดขำในใจไม่ได้ เพราะมันเป็นเก้าอี้เตี้ยไม่เหมาะกับความสูงของเขาแม้แต่น้อย แต่เพื่อไม่ให้เสียกำลังใจเขาจึงนั่งลงตามคำเชิญของเธอ
"นี่เป็นเก้าอี้ของแมกดาเลนา แต่ตอนนี้ไม่มีใครใช้แล้ว"
"ขอให้เรามีศรัทธาในพระเจ้าอย่างไม่สั่นคลอน ในไม่ช้าแมกดาเลนาจะได้กลับมานั่งเก้าอี้ตัวนี้ครับ"
ลิซพยักหน้าตอบแบบไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าใด
"ไม่ทราบว่าคุณพอจะเขียนหนังสือได้บ้างหรือเปล่าครับ"
"เขียนหนังสือหรือ? ผู้หญิงแถวนี้ไม่มีใครเขียนหนังสือเป็นเลย อีกอย่าง..มันจะมีประโยชน์อะไรที่ชาวประมงอย่างฉันจะเขียนหนังสือ ในเมื่อปลามันอ่านหนังสือไม่ออก"
"แต่ถ้าคุณสามารถเขียนและอ่านได้ คุณก็จะสามารถอ่านคัมภีร์ไบเบิ้ลจะไม่ดีกว่าหรือครับ"
"นั่นน่ะสิ แต่ว่าฉันต้องมีไบเบิ้ลให้อ่านก่อนนะ แต่ถ้าฉันต้องเอาเงินไปซื้อไบเบิ้ลมาอ่าน ตอนนี้ฉันคงไม่มีเก้าอี้ตัวที่คุณนั่งแน่นอน
"เนื่องจากคุณเขียนหนังสือไม่เป็น ผมก็จะจดตามคำพูดของคุณ เมื่อจบแล้วผมก็จะอ่านให้ฟังอีกครั้ง ถ้าคุณเห็นว่าผมจดถูกต้องก็ขอให้คุณพิมพ์หัวแม่มือลงบนคำให้การเพื่อเป็นหลักฐาน"
ลิซพยักหน้าตอบตกลง
"แมกดาเลนาหายตัวไปในวันที่27มกราคม ถูกต้องไหมครับ?"
"เรื่องวันที่ฉันรู้แต่เพียงว่ามันเป็นวันอังคาร"
"แล้ววันนั้นมันเป็นอย่างไรบ้างครับ?"
"หมายถึงอะไร? ฉันไม่เข้าใจ"
"ผมอยากรู้ว่าวันนั้นอากาศเป็นอย่างไร หนาวไหม? มีแดดไหม? อากาศชื้นไหม?"
"อ๋อ! วันนั้นอากาศคล้ายกับวันนี้ แต่ลมแรงมากเสียจนเมื่อโดนลมจะรู้สึกเจ็บ ส่วนพระอาทิตย์ก็ขึ้นช้ามาก แต่ก็ตกเร็วมากเช่นกัน วันนั้นฉันกับลูกเดินไปที่สะพานปลาเพื่อไปขนวัตถุดิบมาทำงาน"
"ที่คุณผู้หญิงบอกว่าทำงานช่วยขยายความหน่อยได้ไหมครับว่ามีงานอะไรบ้าง?"
"ช่วยเรียกชื่อฉัน'ลิซ'อย่างเดียวก็พอ ไม่ต้องเรียกคุณผู้หญิงจะได้ไหม ฟังแล้วมันกวนใจฉันชอบกล
เราสองแม่ลูกช่วยกันรวบรวมปลาแฮริ่งและหอยที่คนจับปลาหามาได้ โดยตัวฉันก็จะเอาปลามาคัดแยกขนาดและเอาไส้และหัวออกก่อนที่จะเอาไปหมักเกลือและรมควัน ส่วนแมกดาเลนาจะคัดแยกพวกหอยแล้วเอาหอยมาล้างน้ำสะอาดอีกทีหนึ่งแล้วใส่หอยไว้ในถัง จากนั้นพวกเราก็ขนไปขายให้กับโรงครัวและโรงงานรมควัน สำหรับแม่ครัวของคุณนายแวน เซตเตนนั้นพวกเขาไม่เคยมาซื้อปลาจากพวกเรา ส่วนพวกโรงแรมที่อยู่ใกล้ตลาดนั้นบางครั้งเราก็ขายให้"
เมอร์คิวเรียสจึงถามว่า
"แล้วโรงแรมที่ผมพักอยู่นั้นเป็นลูกค้าด้วยหรือเปล่าครับ?"
"อ๋อ! เมื่อวานนี้ฉันก็เพิ่งขายปลาแฮริ่งให้ไปสองโหล ส่วนปลาที่ฉันขายไม่ได้ ฉันก็จะเอาพวกมันมาแช่ในน้ำเกลือเพื่อเก็บไว้กินนานๆ ก่อนที่มันจะเน่า"
เมอร์คิวเรียสฟังถึงตรงนี้เขารู้สึกไม่แน่ใจแล้วว่าปลาแฮริ่งที่เขาเพิ่งกินไปเมื่อเย็นวานนี้มันถูกเก็บแบบนี้หรือเปล่า
- - - - - - - - - -
โปรดติดตามอ่านในครั้งต่อไปและโปรดให้กำลังใจผู้เล่าด้วยการกดติดตาม
สุธีร์@อ่านเอาเพลิน
The Herring Merchant (c. 1660) by Gabriël Metsu source:. wikipedia
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เรื่องเล่า ไขคดีปริศนาเมืองเดลฟท์( Death in Delft) ผลงานเกรแฮม แบรก
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย