17 ส.ค. 2022 เวลา 00:30 • หนังสือ
พาใจช้ำๆ เข้าร้านขายของชำและร้านไม่สะดวกซื้อ
ท่ามกลางความวุ่นวายของข้อมูลข่าวสารที่โจมตีเราทุกวัน ทั้งการปะทุของสงคราม ผลกระทบทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อจนสินค้าดูแพงไปหมด ทำให้หลายคนเหลียวมองเงินเดือนแล้วก็เหนื่อยใจ
แอดเลยกลับมาเขียนบทความเพื่อกรุยทางหารายได้เสริม แฮร่! เลยอยากมาแนะนำหนังสือเยียวยาจิตใจชวนอมยิ้มสองเรื่องที่มาในธีมร้านขายของในย่านชุมชน คือเรื่อง ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ และเรื่อง ร้านไม่สะดวกซื้อของคุณทกโก
ด้วยความที่มาในธีมคล้ายกัน และต่างก็เป็นเล่มที่ผู้คนกล่าวถึงกันมากมาย ทั้งในกลุ่มคนรักหนังสือ ไปจนถึงร้านขายหนังสือมือสองต่างๆ ยิ่งเรื่องคุณนามิยะที่ออกมาก่อนนั้น กล่าวได้ว่าวนเวียนอยู่ในกระแสการสนทนาหาหนังสือเยียวยาใจนานทีเดียว
วันนี้แอดเลยจะมาชวนคุย (รวมทั้งป้ายยา) ถึงหนังสือสองเล่มนี้อย่างสั้นๆ ในเชิงเปรียบเทียบว่าสองเล่มนี้ต่างกันอย่างไร และผู้อ่านจะได้อะไรจากแต่ละเล่ม โดยจะไม่สปอย และไม่ได้มาเพื่อตัดสินว่าเล่มไหนดีกว่ากัน แต่เพื่อบอกเล่าเป็นแนวทางให้ผู้ที่ลังเลได้พินิจว่าเล่มไหนถูกจริตตัวเองนะคะ พร้อมแล้วก็มาทำความรู้จักกับคุณนามิยะ และคุณทกโกกันเลย
ร้านชำที่รับปรึกษาปัญหากลุ้มใจ
เริ่มกันที่ร้านของคุณนามิยะซึ่งอยู่ห่างจากเขตเมืองกันก่อน สำหรับเรื่องนี้หากบอกชื่อนักเขียน หลายคนคงพาลนึกไปถึงวรรณกรรมแนวสืบสวนสอบสวนเสียมากกว่า ซึ่งผู้แต่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคุณฮิงาชิโนะ เคโงะ นั่นเองค่ะ
เมื่อชื่อนี้ถูกพูดถึง แน่นอนว่าเส้นทางการเดินเรื่องย่อมไม่ธรรมดาและมีการแยกทางและบรรจบของเส้นเรื่องที่ซ้อนกันอยู่อย่างกลมกล่อม ความเด่นของเรื่องนี้จึงไม่ได้อยู่ที่ตัวละครตัวใดตัวนึง แต่กลับอยู่ที่สถานที่ เวลา และเหตุการณ์ที่มาบรรจบกันอย่างล้ำลึก แถมยังทิ้งเรื่องราวคลุมเครือบางอย่างให้เราได้คิดต่ออีกด้วย
เรื่องราวเริ่มต้นเปิดฉากที่แก๊งหัวขโมย 3 คนที่มีความจำเป็นต้องหนีเข้าไปหลบอยู่ในร้านชำทิ้งร้างท้ายซอยชุมชน และพบว่าร้านชำแห่งนี้มีบางอย่างแปลกๆเกิดขึ้นทีละน้อย ทั้งจดหมายปรึกษาปัญหาชีวิตที่ถูกส่งมาผ่านช่องรับจดหมายหน้าร้าน และเวลาภายในร้านที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้า
ด้วยความที่ทั้ง 3 ไม่อยากให้เป็นที่ผิดสังเกต (รวมกับความเห็นใจสงสารเจ้าของจดหมายนิดๆ) พวกเขาจึงตัดสินใจตอบจดหมายอย่างดีที่สุดเท่าที่พวกเขาจะพยายามเค้นสมองช่วยกันคิดได้ ในใจก็พาลคิดว่า คนที่ก็ยังเอาตัวเองไม่รอดอย่างเรามันจะให้คำปรึกษาใครได้จริงหรือ ยามปกติ ถ้าคนส่งจดหมายไม่เข้าใจผิดว่าพวกเขาเป็นคุณนามิยะ (ที่ล่วงลับไปแล้ว) คงไม่มีใครฟังคนอย่างพวกเขาแน่ๆ
ในขณะเดียวกันตัวเนื้อเรื่องจะเล่าสลับไปมาจากมุมมองแต่ละคน ซึ่งคนที่มาขอรับคำปรึกษาเองก็ต่างมีเรื่องราวในชีวิตที่ชวนกลุ้มใจของตัวเอง บางช่วงชีวิตก็ช่างมีความสุข บางช่วงก็ชวนคิดหนัก ความฝัน ความรัก การงาน การใช้ชีวิตของแต่ละคนที่ต้องพบเส้นทางขรุขระของตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่เจ้าของร้านตัวจริงอย่างคุณนามิยะ ต่างก็มีความเชื่อมโยงกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
แต่สุดท้ายสิ่งที่เราจะได้รับจากเรื่องนี้ก็คือ ตัวละครทุกตัวต่างมีคำตอบในใจของตัวเองอยู่แล้ว พวกเขาเพียงต้องการใครสักคนมาช่วยรับฟังและทำให้พวกเขาสามารถยืนยันกับตัวเองได้อย่างหนักแน่นว่าเส้นทางที่ตัดสินใจเดินต่อไปนั้น เป็นเส้นทางที่เมื่อเลือกเดินแล้วจะไม่เสียใจภายหลังจริงๆ ซึ่งบทสรุปของปัญหาแต่ละคนก็ต่างกันออกไป เพราะมีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อคำแนะนำของคุณนามิยะ (และ 3 โจร)
โดยบทสรุปของ 3 โจรเอง ซึ่งเป็นตัวละครแรกที่เราได้พบในเรื่อง ก็ชวนอึ้งและมีความอบอุ่นแผ่ซ่านจนเราต้องอมยิ้มทั้งน้ำตาไม่แพ้ตัวละครอื่น แถมยังสร้างแรงกระเพื่อมให้กับคนที่กำลังหลงทางได้อย่างดี ด้วยคำแนะนำของคุณนามิยะที่ว่า
หากเปรียบคนเขียนจดหมายมาขอคำปรึกษาผมเป็นคนหลงทาง
คนส่วนใหญ่จะมีแผนที่อยู่ในมือ แต่แผนที่ของคุณกลับเป็นกระดาษเปล่า…ลองเปลี่ยนมุมมองดูสิครับ
เมื่อเป็นกระดาษเปล่าแสดงว่าคุณจะวาดแผนที่ยังไงก็ได้ ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับตัวคุณ อิสระและความเป็นไปได้มากมายรอคุณอยู่
คุณนามิยะ
อารมณ์ที่ได้จากการอ่าน : หม่นๆมัวๆ melancholy อมยิ้มทั้งน้ำตา อยากติดตามหาคำตอบ เหมือนดื่มกาแฟแล้วได้ตื่นจากภวังค์
ร้านไม่สะดวกซื้อในย่านช็องพา
ขยับเข้ามาในย่านเมืองหลวงกันสักหน่อยกับร้าน(ไม่)สะดวกซื้อที่คุณทกโกทำงานอยู่กันบ้าง สำหรับเรื่องนี้ข้อแตกต่างแรกคือ ตัวละครคุณทกโกจะอยู่กับเราทุกสถานการณ์และทุกตอนของหนังสืออย่างแน่นอนค่ะ
ทันทีที่เราคิดถึงเขา คุณทกโกจะปรากฏร่างสูงใหญ่ นัยตาปรือปิดลงมาครึ่งหนึ่ง พร้อมคางใหญ่สันกรามชัด มองดูเหมือนคุณหมีที่แปลงร่างเป็นคนมาทำงานกะดึกในร้านสะดวกซื้อของคุณนายย็อมทุกตอนแบบไม่มีเว้นให้คิดถึง
คาแรคเตอร์ของเขาทั้งลึกลับ น่าสนใจ ชวนให้ขำในท่าทีที่เชื่องช้าไม่สนสายตาชาวบ้าน แต่ก็อบอุ่นใจกับเนื้อในที่เป็นคนดีที่ใส่ใจคนอื่นและรู้จักแบ่งปันอยู่เสมอ แม้ตัวเขาเองจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน ดังนั้นคุณทกโกจึงให้ความรู้สึกเหมือนตัวละครแบบฮีโร่ที่ไม่มีพลังพิเศษ
การช่วยเหลือของคุณทกโกเองก็นับได้ว่าพาให้คาดไม่ถึงเลยทีเดียว ด้วยความที่คุณทกโกเคยเป็นคนไร้บ้านที่ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากๆ ดื่มจนจำเรื่องราวของตัวเองก่อนเป็นคนไร้บ้านไม่ได้ การตอบสนองของเขาจึงเป็นไปอย่างเชื่องช้า ตรงไปตรงมา แต่ก็มีความคิดแบบกลั่นกรองในที ซึ่งในหลายๆสถานการณ์คงเป็นเรื่องที่คนปกติไม่กล้าทำเพราะกลัวอีกฝ่ายเกลียด หรือเสียน้ำใจ แต่คุณทกโกที่ไม่มีอะไรจะเสียสามารถทำมันได้อย่างกล้าหาญ และหากเรื่องบานปลายเขาก็มีคำพูดติดปากว่า
ถ้าแค่สองคน…ผมไหว
ทกโก
การปรากฏตัวของคุณทกโกในฐานะพนักงานพาร์ทไทม์กะดึกของร้านสะดวกซื้อที่ยอดขายย่ำแย่ในมุมของสามแยกตรอกแขวงช็องพา จึงช่วยชี้มุมมองใหม่อย่างซื่อสัตย์ให้กับผู้คนรอบตัวที่กำลังทุกข์ใจ ทั้งกับเพื่อนร่วมงาน และลูกค้าผู้ผ่านมา ซึ่งทำให้เราได้อมยิ้ม ก่อนจะหันกลับมาประเมินหาสาเหตุและมองปัญหาที่เรากำลังประสบในอีกมุมมองว่าเรากำลังคิดไปเองหรือสื่อสารกับคนใกล้ตัวเราน้อยเกินไปหรือไม่ ในสไตล์ของคุณลุงหมีทึ่มทกโกที่ทำให้เราหลงรักเข้าเต็มเปา
อารมณ์ที่ได้จากการอ่าน : อมยิ้ม ขำ อบอุ่นใจ เหมือนได้นั่งพักดื่มโกโก้อุ่นๆในวันที่อากาศหนาว
สุดท้ายนี้แอดจะขอปล่อยให้ผู้อ่านตัดสินใจเองนะคะว่าร้านชำของคุณนามิยะ หรือร้านไม่สะดวกซื้อของคุณทกโกจะเข้ากับสไตล์ของผู้อ่านมากกว่า
วันนี้แอดขอจบการกลับมาเขียนบทความอีกครั้งกันไว้ตรงนี้ และจะพยายามกลับมาเขียนให้เป็นกิจวัตรทุกสัปดาห์นะคะ หวังว่าจะยังมีคนคิดถึงแอดบ้างนะ สวัสดีค่า 😊
ปล. สำหรับผู้อ่านใหม่ที่ผ่านเข้ามา ฝากกดติดตามเพจเล็กๆของแอดด้วยนะคะ ❤️
โฆษณา