24 ส.ค. 2022 เวลา 09:52 • ไลฟ์สไตล์
"Wine & Cheese" ไวน์ยอดนิยมจับคู่กินกับชีสแบบไหนได้บ้างนะ ? (ฉบับมือใหม่)
เชื่อว่าเพื่อน ๆ ที่กำลังอ่านโพสนี้ หลายคนน่าจะเคยมีประสบการณ์ชิมและจับคู่ไวน์กับชีสกันมาบ้างแล้ว 🍷🧀
ของพวกเราเอง ก็เรียกว่าพอมีแบบงูๆปลาๆ (อาจจะเพราะราคาจับคู่กันที่ก็ค่อนข้างสูงด้วย ยิ่งไปทานที่ร้านก็ต้องไปกับเพื่อนหลายๆคนหน่อย หรือครั้นซื้อมาจับคู่เองทานที่บ้าน ก็ใช้เวลาในการเลือกซื้อทั้งไวน์และชีสอยู่ในกัวร์เม่มาร์เก็ตก็นานพอตัวอยู่
(คือ มัวแต่ยืนจ้อง เลือกนานๆไม่พอ..แถมยังจับคู่ผิดอีกด้วย ฮ่า ๆ 🤣)
จนรู้สึกว่า เอ้อ ! เรามาเริ่มค้นหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้กันสักนิดละกัน
งั้นวันนี้พวกเรา InfoStory ขอหยิบยกไวน์และชีสยอดนิยมหาได้ง่ายตามร้านค้า มาจับคู่แล้วไปกันได้ด้วยดีในแบบฉบับมือใหม่หัดรู้จักกันดีกว่า ! 🥰
[ เรื่องราวของไวน์และชีส ทำไมถึงมาจับคู่ทานกันได้ละ ! 😋🍷🧀]
เรื่องราวของการจับคู่ดื่มไวน์ ควบไปกับการทานชีส อาจมีต้นกำเนิดมายาวนานตั้งแต่ 4,000 - 8,000 ปี ก่อนเลยละ !
ที่มันย้อนกลับไปนานมาขนาดนั้นก็เพราะเขาสันนิษฐานกันว่า ต้นกำเนิดของไวน์อาจพบมานานถึง 8,000 ปีก่อน
(ไวน์ 🍷🍇 - จากการที่มนุษย์พบน้ำองุ่นที่หมักในดินด้วยความบังเอิญ)
และการค้นพบวิธีการผลิตชีสก็จะเป็นในช่วงราว ๆ สัก 4,000 ปีก่อน
(ชีส 🧀 - จากชาวอาหรับที่บังเอิญพบบรรจุนมในถุงกระเพาะแกะ จนตกตะกอนกลายเป็นชีสรสชาติดี)
แต่ถ้ามาพูดกันถึงเรื่องราวของการหยิบชีสและไวน์มาทานคู่กันแล้ว
ใครกัน เป็นผู้ค้นพบละ !? 🧐
งานนี้ก็มีชาวยุโรปหลายชาติที่ออกมาเคลมกัน โดยเฉพาะฝรั่งเศสและอิตาลี ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของชีสและไวน์อยู่แล้ว
จากที่พวกเราค้นหามา ก็พบการเขียนเรื่องราวของการจับคู่ทานชีสและไวน์มาจากชาวโรมัน 🏛🇮🇹
ต้องบอกว่า ชาวโรมันในสมัยนั้น เขาไม่ได้พลันคิดขึ้นมาว่าจะผลิตเมนูหรือไลฟ์สไตล์การกินใหม่แต่อย่างใด…
เพียงแค่ ชาวโรมันส่วนใหญ่ จะมีวิถีชีวิตของการใช้ทุกอย่างให้คุ้มค่า นั่นรวมไปถึงอาหารต่าง ๆ หากกินไม่หมด ก็จะต้องมีการถนอมอาหารด้วยวิธีต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น พวกเครื่องในสัตว์ ตับ ปอด หัวใจ พวกโรมันก็จะนิยมจับมาหมักเกลือและรมควันเพื่อถนอมอาหาร และกินพร้อมกับไวน์
แน่นอนว่าหนึ่งในเครื่องดื่มที่มีวิธีการหมักมาอย่างดีจนกลายเป็นหนึ่งในวิถีชีวิต นั่นก็คือ “ไวน์”
เขาก็เลยนำของเหลือต่าง ๆ ที่ได้จากการหมักถนอมอาหาร ออกมาจับคู่กินเข้าด้วยกัน
นักประวัติศาสตร์จึงคาดเดาว่า ชาวโรมันน่าจะเป็นคนยุคแรกที่เริ่มจับคู่ชีสกับไวน์ พร้อมกับเนื้อรมควันชนิดต่าง ๆ รวมถึงของกินเล่นเสริมรสชาติอย่างถั่วและองุ่นสดด้วย 🥓🍇🧀🥜
(อันนี้ทำให้เรานึกถึงเรื่องราวเมนู “Charcuterie board” ที่ทั้งฝรั่งเศสและอิตาลีต่างมีสไตล์เป็นของตัวเอง)
1
Charcuterie board
พอหมดยุคของชาวโรมันไปแล้ว
กลายเป็นว่าวิถีการกินอาหารแบบจับคู่ไวน์กับเนื้อสัตว์หรือชีส ก็ได้ถูกส่งต่อมาเรื่อย ๆ ควบคู่ไปกับวิถีชีวิตและการเมืองที่ชาวโรมันส่งทอดต่อมา
แต่ถ้าพูดถึงจับคู่ทานไวน์และชีสแล้วเนี่ย
ก็คงจะไม่พ้น 3 ชาติในยุโรปที่ดูดซับความคลั่งไคล้เอาเสียมาก ๆ นั่นคือ อิตาลี ฝรั่งเศส และอังกฤษ
แรกเริ่มเดิมที การดื่มไวน์และชีสของชาวยุโรป จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรมากมาย
โดยหลัก ๆ แล้ว พวกเขาก็จะจับคู่ไวน์กับชีส ที่หาพบได้ง่ายในภูมิภาคนั้น ๆ
ยกตัวอย่างเช่น
🇫🇷 ฝรั่งเศส - ไวน์แดง Merlot จับคู่กับ ชีส Barousse (ทั้งสองมาจากแคว้นบอร์โด)
🇮🇹 อิตาลี - ไวน์แดง Sangiovese กับคู่ง่าย ๆ กับชีสแข็ง Parmigiano-Reggiano (Parmesan Cheese)
(ไวน์ Sangiovese มีต้นกำเนิดจากแคว้นตอสคานา ส่วนพาร์เมซานชีส ก็มีต้นกำเนิดจากเมืองปาร์มา ในแคว้นเอมีเลีย-โรมัญญา ซึ่งอยู่ข้าง ๆ กัน)
แต่เพราะชีสและไวน์ ต่างก็มีความหลากหลายมาก
คือ ไม่ว่าจะเป็นไวน์แดงที่มีแทนนินเข้มหรือจำพวกไวน์มีฟอง ไวน์หวาน
พอจับคู่กับชีสที่มีลักษณะแตกต่างกันออกไป เช่น ชีสสด ชีสกึ่งแข็ง ก็จะทำให้รสสัมผัส แตกต่างกันออกไปด้วย มันเลยทำให้ไวน์และชีสเริ่มมีเสน่ห์ดึงดูดชนชาติอื่น ๆ ให้หันมาลองชิมมากขึ้น
หนึ่งในชาติที่ได้รับความนิยมนี้ ก็คือชาวอังกฤษนั่นเอง 🇬🇧🏴󠁧󠁢󠁥󠁮󠁧󠁿 (ซึ่งก่อนที่เค้าจะมานิยมดื่มเบียร์ พวกเค้าก็เคยนิยมไวนืและชีสกันมาก่อนนะ)
พอไวน์และชีสเริ่มเป็ยที่นิยมแพร่หลายมากขึ้น กลุ่มผู้อพยพชาวยุโรปที่เดินทางไปยังทวีปอเมริกา (ว่ากันว่าเริ่มจากกลุ่มผู้แสวงบุญพิลกริมส์ที่ล่องเรือ Mayflower ขึ้นฝั่งที่อเมริกา) ก็ได้นำวัฒนธรรมการทานชีสและไวน์ไปสู่ฝั่งอเมริกา 🚢🇺🇸
[ 💡 ทิปส์เล็กน้อย สไตล์มือใหม่หัดจับคู่ดื่มไวน์และชีส ]
🍷 ถ้าเราดื่มไวน์เพียงอย่างเดียว เราก็จะได้ลิ้มรสชาติของความฝาดขม หรือบ้างก็มีหวาน บ้างก็นุ่มนวล
🍷🐟🥩 ถ้าเราจับคู่ไวน์เข้ากับอาหาร (เช่นไวน์แดงกับสเต็กเนื้อ) ก็จะทำให้ชูรสชาติอาหารได้ดี แถมบางจานอาจจะลดความเลี่ยนลงได้บ้างอีกด้วย
🧀 ส่วนชีส เคี้ยวเพลิน ๆ สนุกปากเคล้าไปกับกลิ่นที่หอมเฉพาะตัว บ้างก็มีรสเค็ม บ้างก็มีรสแบบถั่ว
🍷🧀 แต่สำหรับไวน์และชีส ทั้ง 2 สิ่งที่มีรสสัมผัสและกลิ่นที่มีเอกลักษณ์ พอมาจับคู่กันแล้ว กลับให้รสสัมผัสที่เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ไปเฉยเลย
(สำหรับพวกเราเวลาได้ลิ้มรสไวน์กับชีส พอกินเสร็จแต่ละคำ มันก็จะให้กลิ่นหอมใหม่ ๆ ลอยฟุ้งอยู่ในปากในระยะเวลาสั้น ๆ เข้าใจตามประสามือใหม่ว่าสิ่งนี้คือ “Aftertaste” ไม่แน่ใจว่าเขามีเรียกอย่างเป็นทางการคล้าย ๆ กับกาแฟไหมนะ…🧐🤨)
ว่าแต่… เราจะเริ่มจับคู่ไวน์และชีสในแบมือใหม่หัดลองกันยังไงดีนะ ?
(พวกเราค้นและสรุปตามความเข้าใจมาให้แล้ว มาดูกันได้เลย !)
1.พยายามจับคู่ไวน์ให้เข้ากับชีส
เลือกไวน์ที่ไม่ได้มีแทนนิน(ฝาด)สูงหรือไม่ได้มีความหวานสูง จับคู่กับชีสกึ่งแข็งหรือชีสแข็ง (ที่ไม่ได้บ่มนาน)
ยกตัวอย่างเช่น
- ไวน์แดงปิโนต์ นัวร์ (Pinot Noir) + ชีสคอมเต้/กงเต (Comté)
- ไวน์ขาวชาร์ดอนเนย์ (Chardonnay) + กรูเยร์ (Gruyère)
2. ไวน์หวาน จับคู่กับ ชีสที่มีกลิ่นและรสแรง
ยกตัวอย่างเช่น
- ไวน์พอร์ต-เชอร์รี-โรเซ่ (Port, Sherry, Rose) + บลูชีส (พวก Roquefort, Stiltion,Gorgonzola)
3. ไวน์ที่มีบอดี้แน่น ความฝาดสูง ให้ลองจับคู่กับ ชีสที่มีอายุบ่มนาน (Aged cheese) เกิน 1 ปี
ยกตัวอย่างเช่น
- ไวน์แดงบอดี้แน่นคาเบอร์เน็ต ซาวิญง (Cabernet Sauvignon) + เชดดาร์/กูวด้าชีสบ่ม (Aged Cheddar, Aged Gouda)
4. ถ้าชอบไวน์มีฟอง (Sparkling) ให้ลองจับคู่ทานกับชีสนุ่มหรือชีสสด
ยกตัวอย่างเช่น
- แชมเปญ/ชองปาญ (Champagne) + ชีสบรี (Brie) / ชีสคามองแบร์ (Camembert)
หรือ จับกับบลูชีสก็ให้รสชาติที่ดีได้เหมือนกัน
5. ถ้างง จับคู่ไม่ถูก 🤔 (ระหว่างไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ) ให้เลือกชีสและไวน์ที่เป็นของขึ้นชื่อหรือมีต้นกำเนิดมาจากภูมิภาคที่เรากำลังพักอาศัยอยู่
เช่น ไวน์ขาว Chardonnay + ชีส Époisses de Bourgogne (ในแคว้น Burgundy, France)
เอาจริง ๆ ที่ยุโรป แค่เราทำหน้างงหรือครุ่นคิดนาน ๆ มาก ระหว่างจ้องเมนูไวน์หรือชีสเนี่ย พี่พนักงานเขาจะเริ่มแนะนำเราเอง (หรือบางที่ ที่เขาไม่ได้แนะนำ แต่ถ้าเราจับคู่ไวน์กับชีสที่ไม่เข้ากันมาก ๆ มา เค้าก็อาจมีสีหน้าแบบเซอร์ไพรส์เล็กน้อย แบบ “โอ้ว ว้าว กู้ดช๊อยส์…” (แต่พูดแล้วพร้อมเบะปากหนึ่งทีนะ… 😂😅) เจอแบบนี้พวกเราก็จะระแวงเบา ๆ และถามไปตรง ๆ เลยว่า เออ ที่ชั้นเลือกมา ตกลงว่ามันเข้ากันได้ไหมนะ ?)
6. ถ้างง จับคู่ไม่ถูก และไม่อยากคิดเยอะ 😵‍💫😵 (ก็เพราะว่า ไวน์กับชีสไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวนี่นา…)
ให้เลือกชีสที่มีความเป็นรสถั่ว ซึ่งจะเข้ากันได้ดีกับไวน์(เกือบจะ)ทุกประเภท
ชีสที่มีรสอ่อนและมีความถั่ว(nutty) อาทิเช่น Asiago, Parmesan, Gruyère ก็จะเป็นแนวชีสแข็ง (Semi to hard cheese) นั่นเอง
หรือง่ายที่สุดก็อาจจะให้พี่ ๆ ซอมเมอลิเยร์ 🥺 (ผู้ชำนาญไวน์ประจำร้าน) มาให้คำแนะนำ ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเช่นกัน (ฮ่า ๆ เพื่อนๆหลายคนคงแบบ ถ้าใช้วิธีนี้แล้วจบ แล้วแกจะหลอกให้ชั้นอ่านโพสนี้ไปทำไมกันนะ 555…)
ปิดท้ายด้วยเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจ
เพื่อน ๆ ทราบไหมว่า หากจะเจาะลึกเข้าไปจริง ๆ แล้ว ไวน์แต่ละตัวค่อนข้างมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป การจับคู่กับชีสให้มีความลงตัว ก็จะซับซ้อนขึ้นมาเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าจะเป็นไวน์องุ่นพันธุ์เดียวกัน แต่อาจมีความแตกต่างกัน
ยกตัวอย่างเช่น ไวน์ขาวรีสลิง (Riesling) ที่มีเรนจ์ของไวน์ค่อนข้างสูง
เช่น
- Sweet Rieslings จะจับคู่ได้ดีกับ บลูชีส (Blue cheese), เฟต้า (Feta)
- Semi-dry Rieslings จะจับคู่ได้ดีกับ เชดดาร์ (Young Cheddar), ฮาวาร์ติ (Havarti) ออกแนวชีสอ่อนหน่อยได้
- Dry Rieslings จะจับคู่ได้ดีกับ ชีสบรี (Brie) / ชีสคามองแบร์ (Camembert)
สำหรับเรา เราคิดว่าเจ้าระดับของไวน์ที่แตกย่อยลงไป อาจจะเป็นแนวนักชิมไวน์แบบ local expert มากไปสักนิดนึง คือสารภาพเลยว่า เอาเข้าจริง มือใหม่อย่างเราก็ไม่สามารถแยกออกได้ (ต้องไปเข้าคอร์สเปิดต่อมรสเสียก่อน)
ก็พอหอมปากหอมคอกันไปอย่างเช่นเคย
พวกเราเองก็กำลังจะค่อย ๆ ลองชิมจับคู่ไวน์และชีส เพิ่มประสบการณ์กันไปเรื่อย ๆ
เพราะไวน์ 1 ตัว กับ ชีส 1 ชนิด เสมือนกับเปิดอ่านหนังสือไป 1 บท
ไวน์ตัวเดิม สลับแค่ชีส กลิ่นและรสที่ได้ ก็เปลี่ยนไปในทันที เหมือนอ่านหนังสือต่ออีก 1 บท
ไว้พอพวกเราเริ่มเข้าถึงได้มากขึ้น ก็หวังว่าจะมีเกร็ดเรื่องราวดีดี นำมาแชร์ให้เพื่อน ๆ อ่านกันเพลิน ๆ ได้อีกนะคร้าบ
ปล. เพื่อน ๆ หลายคนอาจเริ่มจะเลี่ยนเรื่องราวของไวน์แล้ว (เพราะเราไม่ได้เป็นเพจไวน์คร้าบ 555)
หลังจากโพสนี้ไปพวกเราก็จะขอปิดท้ายเรื่องราวของไวน์ในเดือนนี่ด้วยชุดภาพ “ไวน์โลกใหม่” ตามสัญญาที่ได้ให้กับเพื่อน ๆ ในโพสไวน์ยุโรปก่อนหน้าโน้นนนเลย
แล้วต่อจากนั้นจะขอพาเพื่อน ๆ ไปรับชมเรื่องราวในหมวดอื่น ๆ กันต่อไปนะ ☺️🙏
แหล่งอ้างอิงเพิ่มเติม
- หนังสือ The Wine Bible เขียนโดย Karen Macneil
โฆษณา