29 ส.ค. 2022 เวลา 04:05 • อาหาร
ทำความรู้จัก ชีส 10 ชนิด แตกต่างกันอย่างไร? คนรักชีส ควรรู้!
ไม่ว่าจะเป็นเมนูอะไรพอเติม ชีส เข้าไปก็ทำให้รสชาติของอาหารอร่อยกลมกล่อมมากขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ! สำหรับสายชีสเลิฟเวอร์ วันนี้พลาดไม่ได้ เพราะเราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับชีสหรือหรือที่เรียกอีกอย่างว่า เนยแข็ง กันให้มากซึ่งชีสทั้ง 10 ชนิดนั้น จะมีความแตกต่างกันอย่างไร? คนรักชีส ตามมาไปพร้อมกันได้เลยจ้า
ชีส คืออะไร?
ชีส หรือ Cheese คือ ผลิตภัณฑ์จากนม ซึ่งสามารถผลิตได้จากนมวัวหรือนมแพะเป็นต้น วิวัฒนาการของชีสเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 5,000 ปีก่อน ซึ่งในเวลานั้นผู้คนเรียนรู้วิธีเก็บรักษานมที่ตกตะกอนตามธรรมชาติเอาไว้ด้วยการกรองหางนม (ส่วนที่เป็นน้ำของนม) ออกจากนั้นจึงเติมเกลือในตะกอนนม (Curd) ให้ได้รสที่ต้องการและหมักเก็บไว้
เมื่อถึงเวลาหนึ่งจึงค้นพบว่าเนื้อสัมผัสของตะกอนนมมีความยืดหยุ่นขึ้นจากเอนไซม์เรนเน็ท (Enzyme Rennet) ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในกระเพาะอาหารสัตว์ การเติบโตและการทำปฏิกิริยาของเอนไซม์เหล่านี้ในชีสทำให้ชีสเปลี่ยนแปลงไป โดยภายหลังได้มีการค้นพบว่าชีสบางชนิดสามารถบ่มและเก็บรักษาไว้ได้นานหลายเดือนหรือหลายปี
กระบวนการผลิตชีส
ในการทำชีสจะมีการเติมกรดหรือหัวเชื้อจุลินทรีย์ (Starter Culture) ลงในนมเพื่อหมักให้น้ำตาลในนมมีรสเปรี้ยว การจับตัวเป็นก้อนของนมทำให้เกิดการแยกส่วนระหว่างตะกอนนมกึ่งแข็ง (Semi-Solid Curds) กับหางนมที่เป็นของเหลว (Liquid Whey) ประเภทของชีสขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิ วิธีการหมัก, ปริมาณหางนมคงค้างในตะกอนนม, วิธีการจัดการกับตะกอนนมหลังจากกรองแยกหางนมออก, น้ำหนักแรงกดอัดตะกอนนมให้เป็นก้อน และความต้องการทำให้เป็นชีสสด (Fresh Cheese) หรือชีสบ่ม (Aged Cheese)
ในการทำชีสบ่มจะต้องมีการคนตะกอนนมหรือนำตะกอนนมไปผ่านความร้อน จากนั้นจึงกรองแยกหางนมออก ใส่เกลือลงในตะกอนนมและกดอัดให้เป็นก้อนชีส สำหรับการทำชีสสด สามารถทำได้จากตะกอนนมทั้งที่ผ่านการปรุงสุกและไม่ผ่านการปรุงสุก จากนั้นนำมาแยกหางนมออกมากน้อยต่างกันไป และจะนำมากดอัดขึ้นรูปหรือไม่ก็ได้ ทั้งนี้ ชีสสดทำขึ้นเพื่อใช้บริโภคทันที ขณะที่ชีสบ่มสามารถเก็บบ่มไว้ได้นานหลายสัปดาห์ถึงหลายปี
มาทำความรู้จักกับชีส 10 ชนิด มีอะไรบ้าง?
1. บรี (Brie Cheese)
มีต้นกำเนิดมาจากฝรั่งเศส ตั้งชื่อตามแคว้นต้นกำเนิด เนื้อสัมผัสมีความนิ่มมากเนื่องจากบ่มในระยะเวลาสั้นเพียง 5-6 สัปดาห์ มีสีขาว หรืออาจมีสีเทาเคลือบด้านนอกสามารถทานได้ ยิ่งเก็บไว้นานรสชาติจะเข้มข้นขึ้นและเนื้อในที่เป็นครีมข้นมันจะนุ่มขึ้น
- รสชาติ : รสอ่อน เข้มข้น มีให้เลือกหลายชนิด ทั้งชนิดผสมสมุนไพร, ผสมพริกไทย, ผสมเพสโต้ (Pesto) หรือใบโหระพาอิตาเลียน, ผสมมะเขือเทศและผสมใบโหระพา
- สีและเนื้อสัมผัส : สีขาวขอบนอกสีขาวเนื้อในสีขาวข้นมันและนุ่ม
- การนำไปใช้ : เหมาะสำหรับทานกับแครกเกอร์หรือขนมปัง หรือ ทานคู่กับผลไม้เป็นของหวาน อย่างแอปเปิล ลูกแพร์ ถั่ว ธัญพืช แยมผลไม้ น้ำผึ้ง แครกเกอร์ และขนมปัง
2. กามองแบร์ (Camembert Cheese)
ได้ชื่อตามแหล่งผลิตคือกามองแบร์ ประเทศฝรั่งเศส เป็นชีสที่มีความกลมกล่อมถูกใจคนรักชีส ด้วยเนื้อสัมผัสครีมมี่ผสมกับรสชาติหวานเล็กน้อย ได้ความเป็นน้ำนมหอมๆ มันๆ นิยมกินกับไวน์แดง ขนมปัง ผลไม้ และยังเป็นวัตถุดิบหลักของหลายเมนู
- รสชาติ : คล้ายกับ “บรี” แต่รสชาติเด่นชัดกว่าเล็กน้อย
- สีและเนื้อสัมผัส : สีขาวขอบนอกนุ่มเนื้อในสีขาวข้นมันและนุ่ม
- การนำไปใช้ : นำมาทานในลักษณะเดียวกับ “บรี”
3. มอซซาเรลลา (Mozzarella Cheese)
มอซซาเรลลา หรือ เจ้าชีสยืดที่ครองใจคนทั่วโลกนั่นเองเพราะถ้านึกถึงชีสยืดใครๆก็ต้องนึกถึงชีสชนิดนี้เป็นอย่างแรกแน่นอน ชีสชนิดนี้โดดเด่นเรื่องความยืด นุ่มหนึบ นิยมใช้โรยหน้าพิซซ่า ลาซานญ่า ทำเมนูชีสทอด ปกติมีสีขาว แต่อาจมีสีเหลืองอ่อนได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับอาหารของสัตว์ที่กินเข้าไป จัดเป็นชีสขวัญใจมหาชนที่อร่อยกลมกล่อมอีกชนิดหนึ่ง
- รสชาติ : รสอ่อน มีให้เลือกหลายชนิด ทั้งชนิดผสมพริกฮาลาเพนโญ่ (Jalapeño), ชนิดรมควัน
- สีและเนื้อสัมผัส : สีขาว เนื้อกึ่งแข็ง
- การนำไปใช้ : มักใช้ในการประกอบอาหาร โดยเฉพาะพิซซ่า เพราะมีคุณสมบัติในการละลายตัวสูง ถือเป็นชีสสด แต่ “มอซซาเรลล่า” มักถูกจัดอยู่ในกลุ่มชีสกึ่งแข็ง เนื่องจากมีเนื้อสัมผัสแข็ง
4. เฟตา (Feta Cheese)
ชีสสดจากประเทศกรีซที่มีรสเค็มไม่มากนักนิยมใช้ปรุงเมนูเพื่อสุขภาพอย่างกรีกสลัด ที่มีทั้งหอมแดง มะเขือเทศ แตงกวา ผักกาดแก้ว พริกหวาน มะกอกดอง ราดด้วยน้ำสลัดบัลซามิกมิกซ์กับเฟตาชีส
- รสชาติ : รสเค็ม กลิ่นแรง มีให้เลือกหลายชนิด ทั้งชนิดผสมสมุนไพร, ผสมพริกไทย, ผสมมะเขือเทศ, ผสมใบโหระพา
- สีและเนื้อสัมผัส : สีขาว เนื้อแห้งร่วน ค่อนข้างแข็งถึงแข็ง
- การนำไปใช้ : เป็นชีสสไตล์กรีกและบัลแกเรียที่ใช้เป็นส่วนผสมในอาหารตะวันออกกลางหลายเมนู เหมาะสำหรับใส่ในอาหาร อาทิ พาสต้า และใช้โรยหน้าซุปหรือสลัด มีให้เลือกในแบบปราศจากไขมันด้วย
5. คอทเทจ (Cottage Cheese)
ชีสที่เหมาะกับคนรักสุขภาพที่สุด เพราะไม่เพียงแค่ไขมันต่ำเท่านั้น แต่ยังอุดมด้วยโปรตีน และมีโพรไบโอติกส์ที่ดีต่อลำไส้ นิยมกินกับของหวาน สลัด และผลไม้เพื่อช่วยเพิ่มรสชาติหรือนำไปเป็นวัตถุดิบทำแพนเค้ก เพิ่มความหวานอร่อยยิ่งขึ้น
- รสชาติ : รสอ่อน
- สีและเนื้อสัมผัส : สีขาว เนื้อนุ่มชุ่มชื้น จับตัวเป็นก้อนเล็กบ้างใหญ่บ้าง
- การนำไปใช้ : ใช้ทานเล่นหรือใส่ในสลัด อาจเติมกลิ่นรส เช่น ผสมด้วยต้นหอมจีน (Chives) เหมาะสำหรับใส่ในอาหารหรือผสมในเครื่องจิ้ม มีให้เลือกทั้งแบบไขมันต่ำและปราศจากไขมัน
6. ชีสสวิส (Swiss Cheese)
ชีสสีเหลืองทองสวยงามจากสวิตเซอร์แลนด์หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่าเนยแข็ง โดดเด่นเพราะด้านในเป็นสีเหลืองและมีรูพรุนอยู่โดยทั่วไป ซึ่งเกิดจากกรดคาร์บอนิกระหว่างการหมัก กลายเป็นเอกลักษณ์ของเนยแข็งชนิดนี้ ที่รู้จักกันในนาม สวิสชีส เนื่องจากชาวสวิสเป็นผู้ที่ทำได้ก่อนใครนั่นเอง และสวิสชีสนั้นนั้น นิยมนำมาทำเป็นฟองดู แซนด์วิชและพาย
- รสชาติ : รสเค็มและมัน
- สีและเนื้อสัมผัส : มีสีเหลือง ข้างในเป็นรูเหมือนโพรงอากาศ ให้รสสัมผัสทั้งนุ่มและกรอบในเวลาเดียวกัน
- การนำไปใช้ : นิยมนำมาทำส่วนผสมใน ฟองดู แซนด์วิช และพายชีส หรือ กินกับไวน์องุ่นขาวและแชมเปญ
7. เชดด้าชีส (Cheddar Cheese)
ชีสชื่อคุ้นหูที่ใครๆก็รู้จัก มีชื่อตามแหล่งกำเนิดคือ เมืองเชดด้า ประเทศอังกฤษ มีรสชาติเข้มข้น เป็นชีสที่หลายคนโปรดปราน เพราะใช้ประกอบอาหารได้อย่างหลากหลาย ทั้งโรยหน้าสลัด โรยหน้ามันฝรั่งอบ โรยได้แทบจะทุกเมนู ช่วยเพิ่มความอร่อยด้วยรสเค็ม
- รสชาติ : มีตั้งแต่รสอ่อนจนถึงรสจัดเป็นพิเศษ มีให้เลือกหลายชนิด ทั้งชนิดผสมเมล็ดยี่หร่า (Caraway), ผสมพริก, ผสมพริก ชิโปต์เล (Chipotle), ผสมผักชีลาว, ผสมกระเทียม, ผสมพริกขี้หนู, ผสมพริกฮาลาเพนโญ่ (Jalapeño), ผสมเพสโต้ (Pesto) หรือใบโหระพาอิตาเลียน, ผสมเสจ (Sage), ผสมซาลามี (Salami), ผสมแซลมอนรมควัน, และชนิดรมควัน
- สีและเนื้อสัมผัส : สีเหลืองอ่อนถึงส้ม บางชนิดอาจมีสีขาว เนื้อแข็ง
- การนำไปใช้ : สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายรูปแบบ เหมาะสำหรับทานเล่นและใส่ในแซนวิช ละลายตัวได้ดี จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับใส่ในอาหาร หรือขูดฝอยโรยหน้าอาหารต่าง ๆ
8. กูวด้า (Gouda Cheese)
ชีสยอดนิยมจากเนเธอร์แลนด์ โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์แปลกตา มีลักษณะกลมแบนมีทั้งผิวสีแดงและสีเหลืองเคลือบด้วยขี้ผึ้งพาราฟินเพื่อป้องกันไม่ให้ชีสแห้งมากหลังจากเริ่มตากชีส นิยมหั่นเป็นชิ้นบางๆ กินกับไวน์หรือเบียร์ รสชาติออกเค็มปนหวาน
- รสชาติ : รสอ่อน รสคล้ายถั่ว มีให้เลือกหลายชนิด ทั้งชนิดผสมเมล็ดยี่หร่า (Caraway), ผสมผงยี่หร่า (Cumin), ผสมกระเทียม, ผสมพริกฮาลาเพนโญ่ (Jalapeño), ชนิดรมควัน, ชนิดผสมพริกไทย
- สีและเนื้อสัมผัส : สีเหลือง เคลือบผิวด้วยขี้ผึ้ง เนื้อแข็ง
- การนำไปใช้ : เป็นชีสรสอ่อนยอดนิยม ใช้ทานเล่นเป็นของว่าง ใส่ในอาหาร สลัด และแซนวิช
9. พาร์มีซาน (Parmigiano-Reggiano or Parmesan)
ชีสชื่อดังที่มีต้นกำเนิดจากประเทศอิตาลี นิยมใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการทำอาหารทั้งโรยบนซีซาร์สลัด พิซซ่า โรยปรุงรสให้เมนูสปาเกตตีซอสมะเขือเทศ เฟซตูชินี ซอสเพสโต้ สปาเกตตีคาโบนาร่า เพราะมีรสชาติเค็มมัน พาร์มีซานยิ่งบ่มนานยิ่งอร่อยเข้มข้น โดยมีระยะเวลาการบ่มสูงสุด 36 เดือน
- รสชาติ : รสชาติเค็มและมันเหมาะสำหรับใส่ในอาหาร ยิ่งบ่มนานยิ่งเข้มข้น
- สีและเนื้อสัมผัส : สีเหลืองอ่อน เนื้อแข็งถึงแข็งมาก ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการบ่ม
- การนำไปใช้ : ใช้ปรุงอาหารรสชาติของอาหารให้สัมผัสเป็นครีมและมีรสชาติเค็มอ่อนๆ การใช้จะนำมาป่นหรือขูดลงบนอาหาร เช่น เฟซตูชินี่, สปาเกตตี้โบโลเนสซอส, สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า, เฟตตูชินี่ผักโขม, ซีซาร์สลัด, พาสต้า, พิซซ่า, เฟรนส์ โทส เป็นต้น
10. บลูชีส (Blue Cheese)
มีต้นกำเนิดจากฝรั่งเศส มีเอกลักษณ์ตรงใช้รา Penicillium ในการผลิต จุดสีฟ้าอมเขียวที่เห็นในเนื้อชีสก็มาจากเชื้อรานั่นเอง กลิ่นแรง รสเค็มเข้มข้น เป็นชีสที่มีลายสีเขียวแกมน้ำเงิน เกิดจากการเติมเชื้อราที่กินได้ ทำให้มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนชีสชนิดอื่นๆ
- รสชาติ : รสเค็มเข้มข้น กลิ่นแรง
- สีและเนื้อสัมผัส : ชีสรสสัมผัสกึ่งนุ่ม มีลายสีเขียวแกมน้ำเงิน
- การนำไปใช้ : นิยมนำมาทำเมนูอาหารอบชีสต่างๆ เช่น ไก่อบชีส เบคอนอบชีส หรือจะกินกับขนมปังและไวน์รสหวานก็ได้
วิธีทานชีสให้ดีต่อสุขภาพ
เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากชีสได้อย่างเต็มที่ การเลือกรับประทานชีสให้เหมาะสมนั้นมีความสำคัญมาก เพราะชีสนั้นอุดมไปด้วยเกลือ เนื่องจากในกรรมวิธีผลิตชีส จำเป็นจะต้องใช้เกลือเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ดังนั้นจึงควรเลือกชีสที่มีปริมาณเกลือน้อย ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นชีสชนิดนิ่ม
หลีกเลี่ยงชนิดชนิดแข็ง เช่น ชีสพาเมซาน โดยชีสที่ดีกับสุขภาพที่สุดควรเป็นชีสที่ทำสดใหม่ อาทิ คอตเทจชีส (Cottage Cheese) เพราะชีสชนิดนี้จะมีโปรตีนที่ดีกับสุขภาพในปริมาณมาก ทั้งนี้ควรรับประทานในปริมาณที่น้อย หรือรับประทานชีสคู่กับโปรตีนอย่างเนื้อไก่ หรืออาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น แอปเปิล บรอกโคลี หรือมะเขือเทศ
ขอบคุณข้อมูลจาก : realcaliforniamilk l KRUA l POBPAD l SGE
อ่านบทความเพิ่มเติม : https://blog.hungryhub.com/ชีส/
Hungry Hub แอพพลิเคชั่นสำหรับจองร้านอาหารพร้อมดีลสุดพิเศษ ดาวน์โหลดแอปเลย > http://taps.io/downloadapp
#HungryHub #Cheese
โฆษณา