2 ก.ย. 2022 เวลา 00:28 • หนังสือ
เรื่องเหนือธรรมชาติ
โดย นำชัย ชีววิวรรธน์
Photo by Johannes Plenio on Unsplash
ในภาษาอังกฤษ มีคำว่า paranormal บางคนใช้คำไทยแทนว่า “เหนือธรรมชาติ” ที่ใช้เรียกเรื่องราวหรือปรากฏการณ์ต่างๆ ที่แปลกประหลาด จนชวนให้คิดไปว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ แต่จะต้องมีผู้วิเศษ อำนาจวิเศษ หรือของวิเศษ มาช่วยให้เกิดขึ้น
พจนานุกรม Merriam-Webster ฉบับออนไลน์ให้ความหมายของ paranormal ว่าเป็น “สิ่งที่อธิบายไม่ได้ทางวิทยาศาสตร์ (not scientifically explainable)”
มีเรื่องอะไรบ้างที่จัดว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ ทำไม่คนเราจึงเชื่อเรื่อง “เหนือธรรมชาติ” และอันที่จริงแล้ว คนเราเชื่อถือเรื่องพวกนี้กันมากน้อยเพียงใด
Gallup Poll ซึ่งเป็นผู้ทำโพลรายใหญ่รายหนึ่ง เคยสำรวจเรื่องนี้ไว้เป็นระยะๆ อยู่หลายครั้งในกลุ่มคนอเมริกันตั้งแต่ ค.ศ.1990 ครอบคลุมตั้งแต่ความเชื่อเรื่องพ่อมดหมอผี พลังจิต บ้านผีสิง ไปจนถึงมนุษย์ต่างดาวเยือนโลก รวมแล้วราวๆ 10 หัวข้อ
ในบรรดาความเชื่อพวกนี้ การสำรวจในปี 1990 ระบุผลว่า 3 อันดับแรกที่คนอเมริกันเชื่อมากที่สุดคือ พลังจิต (49%) ซึ่งมีคนเชื่อมากเท่าๆ กับเรื่องที่วิญญาณร้ายเข้าสิงร่างคน ถัดมาจึงเป็นเรื่องการใช้อำนาจวิเศษรักษาความเจ็บป่วย (46%)
โดยการสำรวจนี้คนหนึ่งอาจเชื่อมากกว่าหนึ่งอย่าง
ปี 1996 ผลสำรวจก็ได้คล้ายๆ กัน ส่วนปี 2001 นั้น พบว่าจากการสุ่มโทรศัพท์ไปสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง 1,012 คนที่อายุ 18 ปีหรือมากกว่านั้น แทบทุกหัวเรื่องมีเปอร์เซ็นต์ความเชื่อเพิ่มสูงขึ้น
มีเพียงเรื่องผีสิงที่คราวนี้ลดลงไป 8% ส่วนเรื่องโทรจิตหรือการสื่อสารกันโดยไม่ได้ใช้ประสาทสัมผัสปกตินั้นไม่เปลี่ยนแปลงคืออยู่ที่ 36%
ในการสำรวจคราวนี้เรื่องอำนาจวิเศษรักษาอาการเจ็บป่วยยังนำโด่งมาที่ 54% กลุ่มตัวอย่างถึงราวครึ่งหนึ่งเชื่อถือว่ามีพลังจิตหลายๆ อยู่แบบจริง
นอกจากนี้ในการสำรวจครั้งดังกล่าว แม้แต่เรื่องที่ติดกลุ่มเชื่อน้อยอย่าง “การกลับชาติมาเกิด” ก็ยังสูงถึง 25% ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่าง 25–50% แทบทั้งนั้น
ปี 2001 นี้เช่นกันที่มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Science Foundation) สำรวจเรื่องทำนองนี้ ผลที่ได้ก็น่าสนใจไม่น้อย
เช่น มีอยู่ 40% ที่เชื่อว่าโหราศาสตร์เป็นวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้จริง ซึ่งอันที่จริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ที่น่าสนใจก็คือคำว่า “โหราศาสตร์” ในภาษาอังกฤษคือ astrology ใกล้เคียงกันมากกับคำว่า astronomy ที่แปลว่า “ดาราศาสตร์”
ราว 32% ของคนอเมริกันที่สำรวจเชื่อถือในเรื่องตัวเลขนำโชค (ต่ำกว่าระดับ 46% ของคนยุโรป) และ 30% เชื่อว่ามียานอวกาศจากดาวดวงอื่นที่มาเยือนโลกแล้วจริงๆ และ 60% เชื่อเรื่องพลังจิตหรืออำนาจวิเศษ
Gallup Poll สำรวจอีกครั้งในปี 2005 แม้บางหัวข้อจะมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อยราว 5–6% แต่กระนั้นเรื่องที่เชื่อกันมากก็ยังมีตัวเลขที่สูงมาก
ดังจะเห็นได้จาก 3 อันดับแรกคือ เรื่องอำนาจวิเศษรักษาโรค (55%) เรื่องผีสิง (42%) และเรื่องพลังจิตแบบต่างๆ (41%)
Photo by pawel szvmanski on Unsplash
โดยรวมๆ คนอเมริกัน 73% (ราว 3 ใน 4) เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติอย่างน้อยเรื่องใดเรื่องหนึ่งใน 10 เรื่องที่สำรวจ !!!
ที่น่าสนใจก็คือไม่แต่คนอเมริกันเท่านั้น การสำรวจแบบออนไลน์โดยนักวิจัยชาวออสเตรเลียจากมหาวิทยาลัยโมแนช (Manash University) ที่ทำในปี 2006 และมีคนกว่า 2,000 คนทั่วโลกที่ร่วมตอบคำถาม
สรุปได้ว่าคนเหล่านี้เชื่อว่ามีเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่ส่งผลเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขา โดยส่วนใหญ่บอกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
มี 70% ที่ระบุว่าเคยรับรู้ เคยเห็น ได้ยิน หรือโดนสัมผัส โดยคนหรือสัตว์ที่พวกเขาแน่ใจว่าไม่อยู่ในที่นั้นแน่นอน
และมีถึง 80% ที่ระบุว่าเคยมีลางสังหรณ์เกิดขึ้น ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือมีอยู่เกือบครึ่งหนึ่งที่ระบุว่า พวกเขาระลึกเรื่องราวในชาติก่อนได้ด้วย (เยอะจังวุ้ย) !!!
ปี 2006 เช่นกันที่ ไบรอัน ฟาร์ฮา (Bryan Farha) และแกรี สจ็วต (Gary Sterward) นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสองแห่งในโอคลาโฮมาได้ร่วมกันสำรวจเรื่องพวกนี้ เมื่อเอาผลการสำรวจไปเทียบกับผลของ Gallup Poll ปี 2005
ก็พบว่า ได้ผลค่อนข้างสอดคล้องกันดีในหัวข้อส่วนใหญ่
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในประเทศที่พัฒนาแล้วและเป็นผู้นำของโลกอย่างสหรัฐอเมริกา ไม่ได้ทำให้ผู้คนในประเทศนั้นลดความเชื่อถือเรื่อง “เหนือธรรมชาติ” เลยหรืออย่างไร
ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น !!!
แต่ก็มีฝรั่งจำนวนหนึ่งที่ถือเป็นเรื่องที่ต้อง “ท้าทาย” หรือ “พิสูจน์” ให้เห็นดำเห็นแดงกันไปข้างหนึ่ง
1
อาจเพราะพวกเขาไม่มี(อ)คติจำพวก “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” อยู่ในหัว
นิตยสารวิทยาศาสตร์เก่าแก่ Scientific American (SciAm) เคยตั้งเงินรางวัล 2,500 เหรียญสหรัฐฯ ไว้ในปี 1922 ให้กับผู้ที่พิสูจน์ได้ว่ามีอำนาจเหนือธรรมชาติอยู่จริง
กรรมการคนสำคัญที่มาช่วย SciAm ดูว่าไม่มีการตุกติกก็คือ นักมายากลชื่อดังระดับโลกอย่าง แฮร์รี ฮูดินี (Harry Houdini) นั่นเอง
มีหลายรายขอเข้าร่วมทดสอบ แต่ก็ไม่มีใครผ่านการทดสอบไปได้เลย มือดีคนสำคัญที่ยังจับเรื่องนี้อยู่ในปัจจุบันก็เป็นอดีตนักมายากลเช่นกันคือ จอห์น แรนดี (John Randi) ที่ถึงกับตั้งมูลนิธิขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะและตั้งรางวัลไว้สูงถึง 1 ล้านเหรียญ
แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่เคยเสียเงินรางวัลให้ใครเลย เพราะ ... จับได้ไล่ทันเสียทุกที
ยังมีอีกหลายองค์กรนะครับ ตั้งรางวัลไว้สูงๆ ทั้งนั้น ในประเทศไทยเอง คุณหมอ JFK แห่งห้องหว้ากอในพันทิปดอทคอมและอีกหลายท่าน ก็เคยร่วมกันเสนอรางวัลคล้ายๆ กันไว้รวมแล้วหลายแสนบาท
แต่ก็ไม่เคยมีใครเสนอตัวมารับ (การทดสอบและ) รางวัลเลยสักคนเดียว!
บทความนี้รวมอยู่ในหนังสือ "อย่าชวนเธอไปดูหนังรัก", สนพ.มติชน
โฆษณา