10 ก.ย. 2022 เวลา 00:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
จีน VS เวียดนาม ลงทุนตอนนี้ …ยังทันหรือไม่?​
🇻🇳 "เวียดนาม" เศรษฐกิจแข็งแกร่ง กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตโดดเด่นในปีนี้และปีหน้า​
🇨🇳 "จีน" เศรษฐกิจน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจากนี้ไปจะเห็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้น​
จีน VS เวียดนาม ลงทุนตอนนี้ …ยังทันหรือไม่?​
HIGHLIGHTS :​
• เศรษฐกิจเวียดนามแข็งแกร่ง คาดจะโตได้ 6-7% ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า
• กำไรบริษัทจดทะเบียนเวียดนามเติบโตโดดเด่น 17-19% ในปีนี้และปีหน้า
• เศรษฐกิจจีนน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจากนี้ไปจะเห็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้น
• เป็นจังหวะที่ดีในการทยอยลงทุนทั้ง 2 ตลาด จากราคาที่ย่อลงไปมาก และคาดจะเห็นปัจจัยสนับสนุนเข้ามาเรื่อยๆ
หลังจากตลาดหุ้นจีนและเวียดนามทรุดตัวลงมาพอสมควร ตอนนี้เริ่มฟื้นตัวแล้ว และนี่จะใช่โอกาสทยอยสะสมหุ้นจีนและเวียดนามเข้าพอร์ตหรือยัง มาเช็คปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นกัน
ภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นเวียดนาม
เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตแข็งแกร่ง ไตรมาส 2 GDP ขยายตัว 7% กว่า และคาดการณ์ว่าในช่วง 3-5 ปี GDP จะเติบโตประมาณ 6-7% ซึ่งจะทำให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตเร็ว เพราะมีแรงงานหนุ่มสาวจำนวนมาก ซึ่งมีค่าแรงต่ำสูสีกับหลายประเทศ และเวียดนามทำ FTA (Free Trade Agreement) กับนานาชาติ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการส่งออก ทำให้มีเม็ดเงิน FDI หลั่งไหลเข้าประเทศต่อเนื่อง การส่งออกเติบโตแบบก้าวกระโดด
เวียดนามจะมีบทบาทอย่างมีนัยในการค้าโลกช่วง 3-5 ปีข้างหน้า เวียดนามเป็นฐานกำลังการผลิตสำคัญสำหรับสินค้าเทคโนโลยี และได้ผลกระทบเชิงบวกจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน หลายบริษัท เช่น Foxconn และ Apple ย้ายฐานการผลิตสินค้าบางประเภทจากจีนมาเวียดนาม
ช่วงครึ่งปีแรก ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลดลง 20% เพราะปัจจัยในประเทศ ได้แก่
  • การตรวจสอบการปั่นหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
  • การ Force Selling
  • ปัจจัยภายนอก คือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงของธนาคารกลางประเทศต่างๆ
ปัจจุบันตลาดหุ้นเริ่ม Rebound เหลือติดลบประมาณ 15% (ตั้งแต่ต้นปี) ตลาดตอบรับข่าวร้ายช่วงครึ่งปีแรกไปแล้ว และคาดว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี โดยคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้เติบโต 17% และปีหน้าเติบโต 19%
ภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีน
มีความกังวลว่า ปีนี้ เศรษฐกิจจีนอาจเติบโตไม่ถึงเป้าหมาย 5.5% ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลัก ได้แก่
  • ภาวะเศรษฐกิจโลกที่เงินเฟ้อสูง
  • การใช้นโยบาย Zero Covid ส่งผลต่อการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีน
  • ปัญหาหนี้สินของภาคอสังหาริมทรัพย์
1
เดือนเม.ย.-พ.ค. 2022 น่าจะเป็นช่วงต่ำสุดของเศรษฐกิจจีน และจากนี้ไปจะเห็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้น แต่อาจช้า เพราะการระบาดของ Covid-19 ทำให้มีการเปิดๆปิดๆเมืองเป็นระยะๆ แต่ไม่มีการปิดเมืองนานเหมือนก่อนหน้านี้ และรัฐบาลกำลังพยายามอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ความขัดแย้งจีน-สหรัฐฯ ในกรณีไต้หวันอาจส่งผลกระทบในระยะสั้น แต่หากมองในมุมของทั้งสหรัฐฯและจีน ในเวลานี้อยากที่จะโฟกัสกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การทำสงครามการค้าอาจยิ่งทำให้ปัญหาเงินเฟ้อของสหรัฐฯทวีความรุนแรง ขณะที่ฝั่งจีนยังคงต้องการผลักดันให้เศรษฐกิจโตได้ตามเป้า
ปัจจัยที่ต้องจับตามองช่วงครึ่งปีหลัง
ในช่วงไตรมาส 3 จะมีการ Rollover Debt ภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศจีน อาจทำให้บางบริษัทที่มีปัญหาหนี้มหาศาลไม่ได้ไปต่อ รัฐบาลจีนมุ่งมั่นกับการแก้ปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์และจะเข้าไปช่วยเหลือบริษัทที่ยังมีความสามารถดำเนินกิจการต่อไป
ด้านเวียดนาม หากดูจากปัจจัยภายในประเทศยังดูดีทั้งแง่เศรษฐกิจที่ GDP แข็งแกร่ง และกำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตสูง ข่าวร้ายต่างๆมีแนวโน้มดีขึ้น จึงคาดว่าตลาดหุ้นเวียดนามจะฟื้นตัวได้ดี บนสมมติฐานที่ตลาดโลกไม่ขึ้นดอกเบี้ยแรงและเร็วเหมือนที่ผ่านมา เงินเฟ้อน่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย รวมทั้งปัญหาจีน-สหรัฐฯ ก็จะไม่แรงกว่านี้
ถึงเวลาซื้อหุ้นเวียดนาม-จีนหรือยัง?
ตลาดหุ้นเวียดนาม
ตอนนี้เป็นจังหวะที่ดีในการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม จากราคาที่ย่อลงไปมาก เศรษฐกิจและกำไรบริษัทเติบโตโดดเด่น คาดจะเห็นปัจจัยหนุนเข้ามาเรื่อยๆ แนะนำให้มีหุ้นเวียดนามอยู่ในพอร์ตลงทุนประมาณ 5-10% ของสัดส่วนพอร์ตหุ้น ขึ้นอยู่กับความสามารถรับความเสี่ยงของผู้ลงทุน
การลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามต้องทนความผันผวนระยะสั้นให้ได้ แนะนำให้ลงทุนยาวอย่างน้อย 3 ปี ไม่ควรลงทุนระยะสั้นแบบเทรดเข้า-ออกไว
1
แนะนำกองทุน K-Vietnam :
ลงทุนตรงในหุ้นเวียดนามประมาณ 70-80% เน้นหุ้นรายตัวที่เป็นบริษัทชั้นนำในประเทศเวียดนาม และ สอดคล้องกับ Core Investment Theme เช่น กลุ่มอุปโภคบริโภค จาก wealth ของประชาชนที่จะโตสอดคล้องกับ GDP ส่วนอีก 20-30% ลงทุนผ่านกองทุนชั้นนำระดับโลก
ตลาดหุ้นจีน
ตอนนี้เป็นจังหวะทยอยสะสมหุ้นจีน ซึ่งถือว่าราคาถูกหากดูจาก P/E และรัฐบาลจีนก็ส่งสัญญาณผ่อนคลายการควบคุมภาคธุรกิจมากขึ้น อีกทั้งทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง แนะนำมีหุ้นจีนในพอร์ตไม่เกิน 25% ของสัดส่วนพอร์ตหุ้น
แนะนำกองทุน K-CHX :
ลงทุนหุ้นจีนขนาดใหญ่ที่สุด 50 ตัวแรกในตลาด A-Share ผ่านกองทุนหลัก CSOP FTSE China A50 ETF
2
“คำแนะนำการลงทุน : หากผู้ลงทุนถือยาวได้ 3-5 ปี ตลาดจีนและเวียดนาม ถือเป็นตลาดที่น่าลงทุน จากราคาของหุ้นที่ปรับตัวลงไปมากแล้ว”
จากสัมมนา "จีนและเวียดนาม ลงทุนตอนนี้ยังทันไหม?" จัดโดย บลจ.กสิกรไทย วันที่ 18 ส.ค. 2565
• โดย พีรการต์ ศรีสุข,CFA ผู้จัดการกองทุนอาวุโส ฝ่ายจัดการกองทุนทางเลือก
• โดย สุธี เลิศสาครสิริ ผู้จัดการกองทุนอาวุโส ฝ่ายจัดการกองทุนตราสารทุน​
หมายเหตุ "ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน"
#KBankLive
โฆษณา