9 ก.ย. 2022 เวลา 04:49 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
รีวิว : Where The Crawdads Sing - ปมรักในบึงลึก
Filmment Rating : 7.4
#เนื้อเรื่องย่อ
เรื่องราวของ คยา หญิงสาวที่เติบโตขึ้นมาอย่างโดดเดี่ยวและใช้ชีวิตอยู่ในบ้านทุ่งน้ำอันเขียวชอุ่ม แต่อยู่มาวันหนึ่ง คยาได้กลายเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมที่มีโทษถึงประหารชีวิต เมื่อ เชส แอนดรูว์ เด็กหนุ่มผู้มีฐานะในเมืองเกิดเสียชีวิตอย่างปริศนา และหลักฐานทุกอย่างบ่งชี้มาที่เธอเพียงคนเดียว คยาจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อหาทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองให้ได้
#ความเห็น
การดัดแปลงนวนิยายให้กลายเป็นภาพยนตร์นั้นเป็นศาสตร์ที่ยากและท้าทายเป็นอย่างมากครับ เนื่องจากจุดเด่นของสื่อทั้ง 2 ประเภทนั้นแตกต่างกัน จากการสร้างจินตนาการให้ผู้ชมผ่านตัวหนังสือ ด้วยการพรรณนาบรรยากาศแวดล้อมของเรื่องราวทั้งหมดอย่างลึกซึ้ง สู่การควบคุมจังหวะและอารมณ์ของเรื่องราวทั้งหมดด้วยศิลปะของภาพเคลื่อนไหว ซึ่งแม้จะมีเนื้อหาและแก่นใจความเดียวกัน แต่ที่ผ่านมาเราก็เห็นผลงานที่ล้มเหลวจากการดัดแปลงตัวหนังสือให้กลายเป็นภาพมาแล้วหลายต่อหลายครั้งครับ
สำหรับ Where The Crawdads Sing ปมรักในบึงลึก เป็นนวนิยายที่ผมไม่เคยอ่านมาก่อนครับ แต่ความรู้สึกแรกหลังจากรับชมภาพยนตร์จบก็คือ ผมรู้สึกราวกับกำลังอ่านนิยายสักเล่มอยู่จริงๆ ครับ
โดยแม้ว่าจะฉาบหน้าด้วยเหตุฆาตกรรมและการตามหาฆาตกรตัวจริง แต่ภาพยนตร์ไม่ได้มุ่งเน้นในการเฟ้นหาคำตอบอย่างมุทะลุดุดันครับ ในทางกลับกัน Where The Crawdads Sing เลือกจะพรรณนาทุกรายละเอียดของเรื่องราวออกมาได้อย่างลึกซึ้งและไม่เร่งรีบ มุ่งเน้นไปที่การพาผู้ชมไปทำความรู้จักกับตัวละครหลักอย่าง คยา ซึ่งภาพยนตร์ถ่ายทอดชีวิตของเธอตั้งแต่ในวัยเด็ก พร้อมพาผู้ชมไปร่วมโศกเศร้ากับการสูญเสียที่เธอต้องเผชิญ พร้อมสัมผัสกับบาดแผลที่กัดกร่อนและนิยามตัวตนของเธอได้อย่างละเมียดละไมมากๆ ครับ
อีกฟากฝั่งหนึ่งของเรื่องราวก็คือ บุคคลภายนอกที่จับจ้องชีวิตของคยา พร้อมทั้งตัดสินเธอว่าเป็นฆาตกรเพียงเพราะพวกเขาไม่รู้จักเธอ ด้วยความขัดแย้งดังกล่าวทำให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นน่าค้นหาด้วยตัวมันเอง กับการเดินทางตามหาความจริงควบคู่ไปกับการทำความรู้จักกับตัวละครที่ถูกทอดทิ้งให้อยู่ชายขอบของสังคม
ฉากหลังของภาพยนตร์อย่างบ้านทุ่งน้ำอันเขียวชอุ่มของเมืองบาร์คลีย์ โคฟ ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา ก็ถูกเนรมิตออกมาได้อย่างวิจิตรตระการตามากครับ นอกจากนี้ภายใต้ทิวทัศน์อันงดงามสุดลูกหูลูกตาของภาพยนตร์แล้ว สถานที่ดังกล่าวยังถูกใช้เป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญของภาพยนตร์ได้อย่างลงตัวครับ
โดยทุ่งน้ำแห่งนี้เต็มไปด้วยความซับซ้อนของธรรมชาติอันน่าค้นหา แต่ในอีกมุมหนึ่งมันก็เป็นดั่งโลกที่ใบเก่าที่ถูกหมางเมินจากสังคมเมือง จนกลายเป็นพื้นที่รกร้างห่างไกลจนน่าหวาดกลัว ซึ่งก็สอดรับกับตัวตนของตัวละครได้อย่างเป็นเนื้อเดียวกัน คยาได้เรียนรู้กฎของการปรับตัวและเอาชีวิตรอดจากโลกใบเล็กๆ ในบ้านทุ่งน้ำอันกว้างใหญ่ที่เธอเติบโตขึ้นมาครับ
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องแลกมากับความละเมียดละไมของการเล่าเรื่องก็คือ ความเข้มข้นของเรื่องราวที่หล่นหลายไปของภาพยนตร์ครับ โดยเฉพาะกับการตามหาฆาตกรของตัวจริงของเรื่อง ซึ่งภาพยนตร์ไม่ได้เลือกให้ความสำคัญมากเท่าไรนัก ในขณะเดียวกันฉากการพิจารณาคดีและการว่าความในศาล ก็ถูกใช้เป็นอาวุธหลักในการไขความลับทั้งหมดของเรื่องราวครับ ทุกฉากว่าความสามารถสร้างความตึงเครียดและทวีความน่าสงสัยให้กับรูปคดีได้อย่างน่าติดตาม แต่ก็น่าเสียดายที่ภาพยนตร์มีฉากเหล่านี้ให้เห็นน้อยไปสักหน่อย
ในทางกลับกัน Where The Crawdads Sing กลับสามารถถ่ายทอดผลกระทบของสังคมชายเป็นใหญ่ออกมาได้อย่างบาดลึก โดยที่ไม่ได้พยายามหรือยัดเยียดทุกอย่างลงมามากจนเกินไปครับ
นักแสดงสาวอย่าง Daisy Edgar-Jones สามารถถ่ายทอดอารมณ์อันหลากหลายของตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งช่วงเวลาที่เธอตื่นเต้นกับการได้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ ตามธรรมชาติที่เธอสนใจ แววตาอันสดใสเมื่อได้อธิบายเรื่องราวเหล่านั้นให้กับคนที่เธอรักได้ฟัง หรือโมเมนต์ที่เธอต้องจมอยู่กับความทุกข์ และความหวาดหวั่นจากการตกเป็นเหยื่อของกระบวนการยุติธรรมครับ
ขณะที่ Taylor John Smith ก็สามารถถ่ายทอดแง่มุมที่อ่อนโยนของตัวละครอย่าง เทต ได้เป็นอย่างดี เคมีความโรแมนติกระหว่างเขาและ Daisy Edgar-Jones นับเป็นส่วนสำคัญในการตรึงผู้ชมให้อยู่กับเรื่องราวได้อย่างเป็นธรรมชาติครับ
เหล่านักแสดงรุ่นใหญ่ก็สร้างความน่าประทับใจได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน นำโดย David Strathairn ในบท ทอม มิลตัน ทนายความผู้สุขุมลุ่มลึก ทุกการลุกขึ้นว่าความของเขาเปี่ยมด้วยพลัง สอดรับกับภาษากายอันน่าเชื่อถือได้อย่างลงตัวครับ ขณะที่ 2 นักแสดงผิวสีอย่าง Michael Hyatt และ Sterling Macer Jr. ในบทมาเบิ้ลและจั๊มพินตามลำดับ พวกเขาสามารถมอบความอบอุ่นและมอบหัวใจให้กับภาพยนตร์เรื่องได้อย่างยอดเยี่ยม
โดยสรุปแล้ว Where The Crawdads Sing ปมรักในบึงลึก คือภาพยนตร์ที่ละเมียดละไมในการเล่าเรื่อง ด้วยการพาผู้ชมเข้าไปสัมผัสกับเรื่องราวชีวิตของตัวละครในหลากหลายมิติ พร้อมด้วยการพรรณนาทุกรายละเอียดอย่างพิถีพิถันราวกับการอ่านนวนิยายครับ นอกจากนี้เรื่องราวทั้งหมดยังถูกถ่ายทอดผ่านทีมนักแสดงยอดฝีมือ และการถ่ายทำอันประณีตบรรจงอีกด้วยครับ แม้จะไม่ได้เข้มข้นในแง่ของการสืบสวนสอบสวนแต่ Where The Crawdads Sing ก็มีดีพอที่จะชวนให้ผู้ชมหลงเข้าไปอยู่ในโลกใบเดียวกับตัวละครได้จนจบเรื่องครับ
#ประเด็นตกผลึก
ประเด็นตกผลึกจากภาพยนตร์เรื่อง Where The Crawdads Sing ปมรักในบึงลึก ที่ผมจะชวนผู้อ่านทุกท่านมาคุยกันกันในวันนี้ก็คือ
ทุกครั้งที่เราตัดสินผู้อื่น เท่ากับกำลังตัดสินตัวเราเอง
ภาพยนตร์เลือกใช้ประเด็นดังกล่าวเป็นกระดูกสันหลังของเรื่องราวทั้งหมดครับ ด้วยการบอกเล่าเรื่องราวจากมุมมองของ คยา หญิงสาวที่ใช้ชีวิตอยู่ลำพังในทุ่งน้ำอันกว้างใหญ่และห่างไกลจากตัวเมือง
ด้วยการที่เธอเก็บตัวเงียบและไม่สุงสิงกับใคร ทำให้ชาวเมืองเริ่มสร้างข่าวลือประหลาดขึ้นมาเพื่อนิยามตัวตนของเธอครับ บางคนก็บอกว่าเธอเป็นมนุษย์หมาป่า บ้างก็ว่าเธอเป็นคนโรคจิต บ้างก็บอกว่าเธอเป็นข้อต่อทางวิวัฒนาการที่เชื่อมระหว่างวานรกับมนุษย์ หรือกระทั่งตำนานเหนือธรรมชาติ อย่างการนิยามคยาว่าเป็นวิญญาณร้ายที่มีดวงตาเรืองแสงในเวลากลางคืนครับ
ประเด็นดังกล่าวเด่นชัดมากขึ้นหลังจากที่ เชส แอนดรูว์ ได้เสียชีวิตอย่างปริศนา และคยาเองก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีนักกับเชส บวกกับข่าวลือแง่ลบเกี่ยวกับเธอที่แพร่สะพัดไปทั่วเมือง จึงทำให้ทุกสายตาจับจ้องมาที่คยาเป็นคนแรก ไม่เว้นแม้แต่ผู้รักษากฎหมายอย่างนายอำเภอ ก็เลือกที่จะจับตัวเธอมาคุมขัง และจับเธอขึ้นศาลโดยที่ไม่มีหลักฐานทางคดีเลยแม้แต่ชิ้นเดียวครับ
ภาพยนตร์ไม่ได้เลือกที่จะถ่ายทอดแง่มุมของการสู้คดีหรือการตามหาหลักฐานเพื่อเอาผิดฆาตกรเป็นหลักนะครับ หากแต่เป็นการเลือกพาผู้ชมไปเผชิญหน้ากับอดีตและเส้นทางชีวิตของคยา ซึ่งเป็นสิ่งที่คณะลูกขุนในศาล รวมถึงชาวเมืองทุกคนไม่มีวันได้เห็นครับ คยานั้นเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่มีปัญหา พ่อของเธอทำร้ายอย่างทุกคนในบ้านอย่างรุนแรง จนทำให้แม่และพี่น้องของเธอทุกคน ตัดสินใจหอบข้าวของหนีออกไปเพื่อไปตายเอาดาบหน้า คยาจึงเป็นเด็กที่ถูกทุกคนทอดทิ้ง และต้องอยู่เผชิญหน้ากับพ่อผู้ใจร้ายเพียงลำพัง
พ่อของคยานั้นเป็นทหารผ่านศึก ผลกระทบจากสงครามทำให้เขาเลือกหันหน้าไปพึ่งแอลกอฮอล์เพื่อเยียวยาบาดแผล และปลีกวิเวกออกมาใช้ชีวิตห่างไกลผู้คนในทุ่งน้ำแห่งนี้ เขาไม่ให้คยาออกจากบ้านหรือเข้าสังคม พร้อมกับสอนเธอว่าโลกใบนี้มันโหดร้าย และห้ามไว้ใจใครเด็ดขาด
ด้วยความคยากลัวพ่อมาก คำสอนของพ่อจึงเป็นดั่งอาญาสิทธิ์ที่เธอไม่กล้าขัดขืน คยาไม่ได้ไปโรงเรียนเหมือนกับเด็กคนอื่น และหวาดกลัวเสมอเมื่อเจอกับคนแปลกหน้า ด้วยระยะห่างดังกล่าวทำให้คยาถูกมองเป็นตัวประหลาด อันเป็นที่มาของข่าวลืออันเลวร้ายที่ชาวเมืองตั้งขึ้นให้กับเธอ
ประโยคซึ่งเป็นประเด็นตกผลึกในวันนี้ ก็เป็นประโยคที่คยาพูดขึ้นหลังจากที่เธอถูกคุมขังจากการเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรม และกำลังจะถูกตัดสินจากคณะลูกขุนที่ไม่ได้รู้จักเธอเลยครับ คล้ายกับในชีวิตจริงที่เรามักจะตัดสินผู้อื่นจากเปลือกนอกโดยไม่รู้ตัว ทั้งการมองชีวิตของผู้คนผ่านโซเชียลมีเดีย , การทึกทักฐานะทางสังคมของผู้อื่นจากเสื้อผ้าหน้าผม หรือกระทั่งการคาดเดานิสัยส่วนตัวของผู้อื่นจากภาพถ่ายเพียงไม่กี่ใบเท่านั้น
ซึ่งคำพูดของคยานั้นสามารถสะท้อนทัศนคติของผู้คนในสังคม และเตือนสติเราได้อย่างยอดเยี่ยมครับว่า ทุกครั้งที่เราตัดสินผู้อื่น เท่ากับกำลังตัดสินตัวเราเองว่า เราเป็นคนแบบไหน ฝากไว้ให้คิดกันนะครับ
1
#WhereTheCrawdadsSing #ปมรักในบึงลึก #Filmment
2
โฆษณา