ช่วงเวลาระบาดอันยาวนาน ทำให้การทำงานแบบ work from home ยาวนานตามไปด้วย จนพนักงานเกิดสำนึกว่า เราอาจทำงานจากที่ไหนก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าสำนักงาน การทำงานแบบใหม่นี้ช่วยสร้างสมดุลระหว่างการทำงานกับการใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อาจกล่าวได้ว่าประเด็นแรกเป็นปัญหาของพนักงานส่วนที่เรียกว่า white collar หรือพนักงานประจำแบบทำงานนั่งโต๊ะ และมิได้เป็นผู้ใช้แรงงาน ส่วนประเด็นที่สองนั้น เป็นปัญหาของกลุ่มคนงานที่เรียกว่า blue collar หรือลูกจ้างที่ต้องใช้กำลังแรงงานเพื่อแลกเป็นรายได้
Jay Zagorsky อาจารย์อาวุโสแห่ง Questrom School of Business มหาวิทยาลัยบอสตัน กล่าวว่า คนจำนวนมากเหล่านี้ลาออกเพื่อไปที่อื่น มิได้นั่งทอดน่องสบายๆ บนโซฟาแต่อย่างใด เขาไม่ยอมรับแนวคิดทฤษฎีที่ว่าโควิด-19 ทำให้คนเกษียณอายุเร็วขึ้น
.
“ในบางครั้งนั้น The Great Resignation อาจเป็นเรื่องจริง แต่ในบางครั้งก็อาจเป็นแค่นิทานเท่านั้น การลาออกของพวกเขานั้นมิได้เดินหันหลังให้แล้วหายไปเลย ตรงกันข้าม ผู้คนมากมายลาออก แต่ก็มีที่ใหม่จ้างงานพวกเขาต่อไป พวกเขากำลังเปลี่ยนงานเท่านั้น ผมไม่ขอเรียก The Great Resignation แต่ควรเป็น The Great Job Switch มากกว่า”
.
แต่ The Great Job Switch มิได้เกิดขึ้นทุกที่ อย่างเช่นลูกจ้างภาครัฐส่วนใหญ่ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ อัตราการลาออกสูงสุดนั้นกระจุกตัวอยู่ในอุตสาหกรรมภาคบริการและพักผ่อนหย่อนใจ (leisure and hospitality) เช่น โรงแรม ร้านอาหาร บาร์ รวมทั้งร้านค้าปลีกเป็นหลัก สังเกตว่าเป็นพนักงานในกลุ่ม blue collar เสียเป็นส่วนใหญ่