16 ก.ย. 2022 เวลา 11:00 • ไลฟ์สไตล์
น้ำหอมแบบไหนที่จะเหมาะกับเรา ?
เชื่อว่ามือใหม่ที่เพิ่งซื้อน้ำหอม หรือคนที่ไม่ได้ศึกษาเรื่องน้ำหอมก็คงงง ว่าน้ำหอมที่เขียนหน้าขวดว่า Perfume, Eau de Parfum (EDP), Eau de Toilette (EDT), Eau de Cologne (EDC) และ Eau Fraiche ต่างกันยังไง เพราะน้ำหอมทุกประเภทที่กล่าวมาทั้งหมดก็ให้ความหอมเหมือนกัน
แต่ความจริงแล้ว น้ำหอมแต่ละชื่อมีปริมาณสัดส่วนของ นํ้ามันหอม (Perfume oil), แอลกอฮอล์ (Ethyl alcohol), และน้ำ (Distilled water) ต่างกัน ทำให้ระยะเวลาของกลิ่นก็มีความคงทนต่างกัน
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเราเหมาะกับน้ำหอมประเภทไหน และเหมาะใช้กับงานอะไร
วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับแต่ละประเภทของน้ำหอม เพื่อที่จะได้เลือกความหอมได้ถูกต้องตามการใช้งาน
แต่ก่อนอื่น เรามาเริ่มกันที่ความหมายของคำว่า Eau de กันค่ะ
Eau de เป็นคำศัพท์ที่มาจากภาษาฝรั่งเศษ ซึ่งคำว่า “Eau” อ่านว่า “โอ” มีความหมายว่า “น้ำ” และคำว่า “de” อ่านว่า “เดอ” มีความหมายว่า “จาก” เมื่อนำสองคำนี้มารวมกันก็จะมีความหมายว่า “น้ำจาก…”
ดังนั้นหากนำ 2 ตัวหน้ามารวมกับตัวท้าย จะเป็นความหมาย โอกาสในการใช้และการบอกระดับความเข้มข้นของน้ำมันหอมที่ใช้เป็นส่วนผสม
  • Eau Fraiche
คำว่า “Fraiche” อ่านว่า “แฟรช” เป็นคำเดียวกับคำว่า “Fresh” ในภาษาอังกฤษ
น้ำหอมประเภท “Eau Fraiche” เป็นน้ำหอมที่มีความเข้มข้นของน้ำมันหอมน้อยที่สุด
โดยมีส่วนผสมของน้ำมันหอมเพียง 1%-3% เท่านั้น นอกนั้นจะเป็นแอลกอฮอล์กับน้ำ ทำให้น้ำหอมประเภทนี้จะมีกลิ่นอ่อน ๆ และกลิ่นจะไม่ค่อยติดทนนัก แค่ผ่านไป 2 ชม. กลิ่นก็จะค่อยจางหายไปเกือบหมด
Eau Fraiche
  • Eau de Cologne (EDC)
คำว่า “Cologne” อ่านว่า “โคโลญ” เป็นน้ำหอมกลิ่นอ่อน ๆ สดใสแบบบางเบา สามารถใช้งานได้แบบ Unisex แต่ “Eau de Cologne” จะมีความเข้มข้นของน้ำมันหอมมากกว่า “Eau Fraiche”
โดยจะมีส่วนผสมของน้ำมันหอม 2%-4% ซึ่งเมื่อฉีดบนผิว กลิ่นจะอยู่ได้ประมาณ 4 ชั่วโมง หลังจาก 4 ชั่วโมง กลิ่นก็จะค่อยจางไป
Eau de Cologne (EDC)
  • Eau de Toilette (EDT)
คำว่า “Toilette” อ่านว่า “ตัวแลตต์” ซึ่งคำนี้มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นห้องน้ำ แต่จริง ๆ แล้ว “Toilette” หมายถึง ขั้นตอนการทำความสะอาด ชำระล้างร่างกายและแต่งกายเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการไปร่วมงานสังสรรค์ ซึ่งในภาษาฝรั่งเศส “Eau de Toilette” นั้นแปลว่า “น้ำสำหรับไปร่วมงานพิเศษ”
1
โดย “Eau de Toilette” มีส่วนผสมของน้ำมันหอมอยู่ที่ 5%-15% ทำให้สามารถติดผิวได้ถึง 6 ชั่วโมง เหมาะสำหรับการฉีดไปทำงานหรือจะใช้เป็นประจำทุกวันก็ได้ค่ะ
Eau de Toilette (EDT)
  • Eau de Parfum (EDP)
คำว่า “Parfum” อ่านว่า “ปาร์เฟิง” ในภาษาฝรั่งเศษ ที่คนส่วนใหญ่จะออกเสียงเดียวกับคำว่า “Perfume” ในภาษาอังกฤษ ซึ่ง “Eau de Parfum” เป็นน้ำหอมที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมอยู่ถึง 15%-20%
ทำให้กลิ่นติดทนนานเกือบตลอดวัน (ประมาณ8-10 ชั่วโมง) แต่ข้อควรระวังของน้ำหอมประเภทนี้คือ กลิ่นที่ฉุนเกินไป หากใช้ในปริมาณที่มาก และควรฉีดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่มีอุณหภูมิอุ่นกว่าส่วนอื่น
เช่น บริเวณข้อมือ, ข้อพับแขน, หลังหู และซอกคอ เพื่อไม่ให้ผู้ที่ใกล้ชิดรู้สึกฉุนจนเกินไป
Eau de Parfum (EDP)
  • Parfum
ถึงแม้ว่า “Parfum” และ “Eau de Parfum” ที่หลาย ๆ คนมักจะเรียกรวมกันไปเลยว่า “เพอร์ฟูม” แต่จริง ๆ แล้ว น้ำหอมทั้งสองประเภทนี้มีความเข้มข้นของน้ำมันหอมต่างกัน
โดย “parfum” มีส่วนผสมของน้ำมันหอมถึง 20%-30% เป็นน้ำหอมที่มีความเข้มข้นของน้ำมันหอมสูงสุด ทำให้กลิ่นสามารถกระจายตัวได้ดี และติดทนได้นานถึง 12-24 ชั่วโมง
ด้วยความที่น้ำหอมประเภทนี้กระจายตัวได้ดี ทำให้วิธีใช้น้ำหอมประเภทนี้ต่างจากน้ำหอมประเภทอื่น ๆ โดยน้ำหอมประเภท Parfum ควรใช้การแต้มตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายก็เพียงพอสำหรับการเพิ่มเสน่ห์ของกลิ่น
และสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่ายหรือแพ้แอลกอฮอล์ น้ำหอมชนิดนี้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการใช้งาน เพราะด้วยความที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่น้อย จึงทำให้โอกาสในการเกิดการระคายเคืองน้อยลงไปด้วย
Parfum
อ่านจบแล้ว แอดก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นความรู้ให้กับใครหลาย ๆ คนที่ต้องการเลือกใช้น้ำหอมตามโอกาสต่าง ๆ ให้เหมาะสมตามสถานการณ์นะคะ เพราะกลิ่นที่พอเหมาะพอดี จะเป็นการเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวเองค่ะ
สำหรับใครที่กำลังมองหาน้ำหอมที่ติดทนนาน และเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวเอง แอดขอแนะนำ
REUNROM Eau de Parfum 45ML
มีทั้งหมด 14 กลิ่น 14 สถานที่ให้ได้สัมผัส
🛒 ซื้อได้ที่ KARMART, Gourmet Market, Home Fresh Mart, Eveandboy, MAKRO, FRIDAY, KONVY, Shopee, Lazada และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
🛒 หรือสั่งซื้อออนไลน์ คลิก! https://bit.ly/3mtfwm8
📲 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line ID : @ karmart (อย่าลืมเติม @ ข้างหน้านะคะ)
โฆษณา