15 ก.ย. 2022 เวลา 03:46 • การศึกษา
รอ Degas เพื่อให้กาแฟได้เผยตัวตน
ในระหว่างการคั่วกาแฟ เมื่อเมล็ดกาแฟได้รับความร้อน คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ก็ได้ก่อตัวขึ้น จนเมื่อกระบวนการคั่วเสร็จลงแล้ว CO2 ก็ยังคงถูกคายออกมาในช่วง 2-3 วันแรก คนส่วนใหญ่จึงมักขอ "บ่ม" เอาไว้ก่อน รอจนครบระยะคายแก๊สที่เหมาะสม จึงค่อยเริ่มลิ้มรส
หากถามว่า...ไม่รอคายแก๊ส กินได้ไหม ?
: กินได้ค่ะ แต่ CO2 อาจส่งผลกระทบกับกาแฟของเรานิดหน่อย จากที่ทีมปรีดาเคยลองมา ตอนนำไปสกัดกาแฟมีกลิ่นน้อย รสไม่กลม โดดไปทางใดทางหนึ่ง สัมผัสได้เลยว่ากลิ่นรสมันยังไม่มา
จากการทดลองหาระยะ Degas ของกาแฟปรีดา ทีมงานพบว่ากาแฟแต่ละตัวมีช่วงเวลาในการคายแก๊สที่ไม่เหมือนกัน และยังต่างกันออกไปตามโปรไฟล์คั่ว, ระดับคั่ว หรือโปรเสสของกาแฟนั้น ๆ เราจึง Recommend ระยะ Degas ที่เหมาะสมกับกาแฟแต่ละแบบ
โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ค่ะ
1. กลุ่มกาแฟคั่วกลางถึงเข้ม [Degas 3-5 วัน]
เมล็ดกาแฟตั้งแต่คั่วระดับกลางขึ้นไป จะใช้อุณหภูมิในการคั่วค่อนข้างสูง และนาน หลังคั่วแล้วเมล็ดจึงมีโพรงขนาดที่ใหญ่ CO2 จึงถูกปลดปล่อยออกได้ง่ายกว่า อาทิ เช่น ซิมพลี้สวีท, โก๋เบลนด์ หรือ เฟรนชโรสต์ ระยะ Degas ที่เหมาะสมคือ 3-5 วัน
2.กลุ่มกาแฟคั่วระดับอ่อน [Degas 5-10 วัน]
เมล็ดกาแฟผ่านการคั่วในระยะเวลาสั้นๆ โพรงในกาแฟเกิดขึ้นน้อย จึงใช้เวลาคายแก๊ส CO2 นานกว่าเมล็ดคั่วเข้ม เช่น ซิตี้โรสต์, Wash process, Honey process
3.กลุ่มกาแฟโปรเสสพิเศษ และ Dry Process [Degas 7-14 วัน]
เมล็ดกาแฟคั่วด้วยโปรไฟล์ที่สั้นกว่า อย่างกาแฟคั่วอ่อน โปรเสส wash หรือ honey โพรงจึงเล็กกว่าเล็กน้อย ส่งผลให้คายแก๊สนานกว่า
เช่น Plum, Strawberry field, Vacation
กาแฟจะใช้เวลาพัฒนากลิ่นรสอื่นๆ และเผยตัวตนมาให้เราได้สัมผัสในน้ำกาแฟ
เพื่อนๆอดใจรอ ดมกลิ่นกันไปก่อนน้า
ด้านหลังถุงกาแฟของปรีดาจะมีวาล์วแบบ One-way Valve เพื่อให้กาแฟได้คายแก๊ส และได้ระบุเวลา Degas ที่เหมาะสมกับกาแฟนั้นๆไว้บนหน้าถุง
โฆษณา