19 ก.ย. 2022 เวลา 02:18 • หนังสือ
โกงทำไม? ทาไมโกง?
นำชัย ชีววิวรรธน์
เรื่องการโกงเป็นข่าวให้พบเห็นกันได้ทุกวี่วัน ในเมืองไทยก็มีมากมายจนจาระไนไม่หมด
กรณีที่โด่งดังในต่างประเทศ เช่น แลนซ์ อาร์มสตรอง นักปั่นน่องเหล็กแชมป์ตูร์เดอฟรองซ์ หลายสมัย ออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการทอล์คโชว์ดังรายการหนึ่งว่า เขาโกงจริง
เพราะ "ต้องการชนะไม่ว่าจะต้องทำอะไรก็ตาม"
Photo by Jeremy Lapak on Unsplash
ขณะนี้นักการธนาคารสหรัฐฯ ในธนาคาร 16 แห่งกำลังโดนสอบสวนเรื่องการสมคบคิดกันทำธุรกรรมอำพรางที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์
ที่น่าขันก็คือนักจิตวิทยาชื่อ มาร์ก เฮาเซอร์ (Marc Hauser) ที่เคยตีพิมพ์งานวิจัยที่ขึ้นชื่อเรื่องว่า "ราคาของการหลอกลวง... (Costs of Deception...)" ปัจจุบันก็ตกงานอยู่ เพราะสำนักงานบูรณภาพการวิจัยสหรัฐอเมริกา (U.S. Office of Research Integrity) สรุปการสอบสวนว่า
เฮาเซอร์นั้น "แต่งข้อมูล ปรับเปลี่ยนผลของหลายการทดลอง และอธิบายวิธีการทดลองผิดจากความเป็นจริง"
คนเราโกงกันมากน้อยเพียงใด? ทำไมคนเราจึงต้องโกง? คนพวกนี้ไม่รู้หรือว่า สักวันก็ต้องโดนจับได้ ทำไมยังกล้าเสี่ยง?
งานวิจัยใน ค.ศ.1997 โดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยรัทเกอร์และมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียพบว่า ในจำนวนนักศึกษา 1,800 คนจาก 9 มหาวิทยาลัยของรัฐนั้น มีถึงราว 3 ใน 4 ที่ยอมรับว่าเคยโกงงานที่ได้รับมอบหมาย หรือแม้แต่โกงข้อสอบ
Photo by CX Insight on Unsplash
งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งโดย ไบรอัน มาร์ทินสัน (Brian Martinson) ใน ค.ศ.2005 พบว่า มีนักวิทยาศาสตร์ราว 1 ใน 3 ที่ยอมรับว่า เคยร่วมในงานวิจัยที่อาจมีปัญหา (questionable research) ในรอบ 3 ปีก่อนหน้าไล่มา
อันที่จริงการโกงไม่ได้เกิดกับคนเท่านั้น ในสารพัดสิ่งมีชีวิตต่างก็มีวิธีการเอารัดเอาเปรียบหรือโกงแบบต่างๆ นานามานานแสนนานแล้ว แบคทีเรียสกุล Pseudomonas ใช้สารต่างๆ ที่แบคทีเรียอื่นที่อยู่ใกล้กันสร้างขึ้น แต่ไม่เคยแบ่งสารที่ตัวเองสร้างให้
ในขณะที่ยีสต์ Saccharomyces ชนิดเดียวกับที่ใช้ทำขนมปัง รู้วิธีดึงเอาผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการย่อยน้ำตาลของจุลินทรีย์อื่นมาใช้..."แย่งเอาได้ ขโมยเอาได้ จะไปสร้างเองทำไม" ถ้ามันคิดแบบคนได้ ก็คงจะคิดในทำนองนี้แหละครับ
ปลาเทศบาลสกุล Labroides อาศัยกินปรสิตที่มากวนปลานกแก้ว จึงมักเห็นว่ายตีคู่กันไปมา อย่างไรก็ตาม มีปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่ข้อหนึ่งคือ ปลาเทศบาลพวกนี้มักจะถือโอกาสกินเยื่อเมือกที่ปลาสร้างขึ้นเองด้วย เรียกว่าโลภกันไม่สิ้นสุด จนผิดข้อตกลงแบบวิน-วิน
ปลานกแก้วทำเช่นใด เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น?
ปลานกแก้วก็จะว่ายชิ่งหนีไปสิครับ...ก็ใครเล่าจะอยากให้คนอื่นเอาเปรียบกันตลอดไป จริงไหมครับ?
ในสัตว์ชั้นสูงขึ้นมาก็มีพฤติกรรมการโกงที่สลับซับซ้อนและจุกจิกยิบย่อยมากขึ้นไปด้วย นักวิทยาศาสตร์พบว่าสัตว์ที่มีสมองส่วน นีโอคอร์เทกซ์ (neocortex) พัฒนาดีมากๆ ก็จะมีพัฒนาการเรื่องความคิดอ่านดียิ่งขึ้น และ....โกงได้อย่างแยบยลตามมากขึ้นไปด้วย
นักพฤติกรรมวิทยาจากมหาวิทยาลัยซูริกชื่อ ฮันส์ คัมเมอร์ (Hans Kummer) อธิบายไว้ว่า ลิงบาบูนชนิดหนึ่งในประเทศเอธิโอเปียนั้น ตัวเมียวัยรุ่นจะแอบผสมกับตัวผู้วัยรุ่นทันทีที่มีโอกาส โดยหลบจากสายตาของลิงตัวผู้จ่าฝูงไปแอบผสมกันหลังก้อนหินใหญ่
ลูกที่ได้หากไม่โดนจับได้เสียก่อน ลิงจ่าฝูงก็จะนึกว่าเป็นลูกตัว
ขณะที่ลิงวัยรุ่นที่ผสมอยู่ด้วยนั้น สักวันก็อาจจะกลายมาเป็นจ่าฝูงแทน จึงคล้ายเป็นหลักประกันความอยู่รอดของลูกลิงไปด้วยในตัว
สำหรับการอยู่เป็นฝูงแบบจ่าฝูงตัวเดียวเป็นใหญ่สุด และฆ่าลูกทุกตัวที่มาจากพ่อลิงตัวอื่น
แต่สิ่งมีชีวิตที่มีสมองส่วนนีโอคอร์เทกซ์ใหญ่ที่สุด ก็คือคนเรานี่เอง...ไม่ใช่ใครที่ไหน
นักเศรษฐศาสตร์เชิงพฤติกรรม (behavioral economist) คนหนึ่งคือ แดน เอเรียตี (Dan Ariety) จากมหาวิทยาลัยดุ๊ก ทำการทดลองในปี 2008 พบว่า หากสั่งให้นักศึกษาแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ โดยมีเงินสดเป็นรางวัลให้ด้วย
ถ้าเมื่อใดที่การทดลองนั้นโดยจัดสิ่งแวดล้อมจนทำให้นักศึกษาเหล่านั้นรู้สึกราวกับว่า ผู้ตรวจสอบไม่มีทางจับได้ไล่ทันกลโกงของตัวเองได้
ค่าเฉลี่ยคะแนนที่กำหนดให้นักศึกษาตรวจเอง จะได้ผลลัพธ์ที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ...เรียกว่า โกงทันทีเมื่อมีโอกาส และเมื่อคิดว่าไม่น่าจะโดนจับได้
ที่น่าสนใจคือคะแนนที่เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นนั้น ไม่ได้มาจากนักศึกษาส่วนน้อยไม่กี่คนที่ "โกงคราวละมากๆ" แต่เป็นผลรวมจากนักเรียนจำนวนมากที่ "โกงคนละนิดละหน่อย"
ในแง่นี้การโกงของคนจึงไม่ต่างกับสัตว์นัก คือโกงเพื่อให้ตัวเองได้ผลประโยชน์เพิ่มขึ้น
ที่น่าสนใจคือ ความสัมพันธ์ระหว่างคะแนนที่โกงกับเงินที่ได้นั้นไม่ไปในทางเดียวกันนัก เช่น เมื่อเอเรียตีเพิ่มเงินสดที่เป็นรางวัล การโกงกลับลดลง
เรื่องนี้ทำให้หลายคนงุนงงไปเลยทีเดียว
แต่ทางทีมวิจัยตั้งสมมติฐานว่า เมื่อนักศึกษาโกงมากขึ้น (ทำให้ได้เงินมากขึ้นไปด้วย) ก็อดรู้สึกผิดในใจไม่ได้ บวกลบคูณหารกันแล้ว ผลสุดท้ายก็คือมีการทำผิดลดลง คือมีอยากโกงลดลง
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ มีงานวิจัยของเอเรียตีในปี 2011 ที่ชี้ว่า คนที่ได้คะแนนการทดสอบความคิดสร้างสรรค์สูงกว่า มีแนวโน้มจะโกงมากยิ่งขึ้นไปด้วย
สรุปว่าการโกงนั้นมีรากลึกในทางวิวัฒนาการ สิ่งมีชีวิตต่างก็โกงกันเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน
สำหรับในคนนั้นการโกงอาจเกิดได้ในกลุ่มนักศึกษา ไปจนถึงกลุ่มวิชาชีพอย่างนักวิทยาศาสตร์ได้ด้วยเช่นกัน (แม้ว่าการโกหกเป็นข้อห้ามร้ายแรงสำหรับนักวิทยาศาสตร์ก็ตาม) และยิ่งคนฉลาดมากเท่าใด ก็ยิ่งมีแนวโน้มจะโกงมากยิ่งขึ้นไปด้วย เพราะแน่ใจว่าไม่มีใครจับได้ไล่ทัน
ทั้งหมดนั่นก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวความจริง ที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบเมื่อพยายามตอบคำถามว่า "โกงไปทำไม?"
บทความนี้อยู่ในหนังสือ "อย่าชวนเธอไปดูหนังรัก", สนพ.มติชน
โฆษณา