27 ก.ย. 2022 เวลา 12:30 • ไลฟ์สไตล์
History of suits ต้นกำเนิด “สูท” – DGRIE
เชื่อว่าผู้ชายทุกคนชอบใส่สูท หากนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สไตล์สูทมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน หนึ่งเครื่องแต่งกายที่ช่วยเสริมความดูดี ที่ขาดไม่ได้ของใครหลายๆคน “ Suit” เริ่มต้นจากคำว่า “Suivre” เป็นภาษาฝรั่งเศษ แปลว่า to follow ‘ ติดตาม หรือ ตามๆกัน (แจ๊คเก็ตตามกางเกง หรือ กางเกงตามแจ๊คเก็ต) ดีกรีพามาย้อนอดีต ทำความรู้จักสูท กันแบบลึกๆบ้างว่า สูทแต่ละยุค จะมีที่มาและดีไซน์ที่แตกต่างกันอย่างไร ติดตามได้ในวันนี้ครับ
สูทเริ่มต้นจากไหน ใครเป็นคนคิดค้น ?
ย้อนกลับไปในยุครีเจนซี่ (Regency Era) จอร์จ ไบรอัน “โบ บรัมเมล” ผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักและทรงอิทธิพลที่สุดในลอนดอน ช่วงต้นศตวรรษที่ 19 เค้าคือผู้คิดค้นต้นแบบชุดสูท ที่ออกแบบตัดเย็บเองด้วยมือทั้งหมด แต่ก่อนหน้านั้น จะถูกสวมใส่อยู่ในกลุ่มคนชั้นสูงหรือขุนนาง หนึ่งสไตล์แต่งตัวที่ใช้อวดความร่ำรวย ชุดสูทในอดีต มีลักษณะเสื้อที่ยาวลงมาถึงช่วงบริเวณเข่า หรือเราจะเรียกว่าสไตล์ (Tailcoat) มีการคลุมผ้าพันคอ (Cravat) สีขาวลายฉลุขนาดใหญ่ อยู่เสมอ
  • 1920-1930 สูทยุคแกสบี้ (Gatsby Style)
ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สูทยุคนี้จะเน้นลุค ดูโก้และดูเนี๊ยบ แบบฉบับหนุ่มเจ้าสำอางค์ มีความหรูหราฟู่ฟ่า ที่มักจะมีเสื้อกั๊ก เป็นตัวเสริมความสง่างาม เน้นปกที่กว้าง ทรงสูทจะดูฟิตพอดีรูปร่าง กางเกงสูทจะมีระดับความยาวเหนือข้อเท้าเล็กน้อย ไว้ใส่ออกงานสังคม ใส่เต้นรำ ตัวอย่างในหนังเรื่อง The great Gatsby’ ที่แสดงนำโดย Leonardo DiCaprio (ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ) คือแฟชั่นที่เราพูดถึงครับ
  • 1940 – 1950 สูทยุคแจ๊ส (Ivy League Style)
ลองนึกถึงยุคของนักร้องนักแสดงอย่าง Frank Sinatra (แฟรงก์ ซินาตรา) ผู้ชายที่ได้รับการยกย่องว่า “แต่งตัวดีที่สุด” แห่งยุคเลยก็ว่าได้ เป็นสมัยช่วงยุค ที่ผู้ชายเพลินเพลิดกับเสียงดนตรี และสนุกกับการแต่งตัว สูทจึงถูกตัดเย็บ ให้ใส่สบาย แต่ยังคงความหรูหรา กางเกงจะมีทรงที่ดูใหญ่และแต่งจีบ ใส่เอวสูง เน้นลุคให้ดูเฉียบคม ตัดเย็บด้วยโครงสร้างที่ดูใหญ่ มีปกที่ดูกว้าง ยิ่งดีไซน์สูทดูใหญ่เท่าไหร่ ยิ่งเป็นตัวช่วยเน้นย้ำความมีระดับมากขึ้นเท่านั้น และเริ่มมีการใส่หมวกแนว Fedora ถือเป็นแฟชั่นฮิตในยุคนี้
  • 1980 – 1990 สูทยุคป๊อปร็อค (Rock ‘n Roll Style)
ย้อนไปในช่วงปีทองของ Michael Joseph Jackson (ไมเคิล โจเซฟ แจ็กสัน) อีกยุคแห่งความเฟื่องฟู ที่ผู้ชายแต่งตัวเก่ง เน้นแฟชั่นที่มีสีสันที่ดูจัดจ้าน ทรงสูทยังคงมีดีไซน์ที่ดูโอเวอร์ไซส์อยู่เล็กน้อย มีโครงสร้างที่ดูชัด ปกสูทขนาดใหญ่ กางเกงทรงสลิม ตัดสลับให้ดูวินเทจ เริ่มมีแมทซ์ด้วยเนคไทที่มีลวดลายพิเศษ และในกลุ่มแวววงสังคม ก็จะเน้นใส่สูท ในโทนสีเอิร์ธโทน ที่เริ่มให้ภาพลักษณ์ที่ดูสง่างาม แนวนักธุรกิจมากกว่า ดูทางการขึ้นเรื่อยๆ
  • 2000 – 2010 สูทยุคมินิเนียม (Millennials Style)
ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีและสื่อออนไลน์ เริ่มเข้ามามีบทบาท ผู้ชายเริ่มหันมาใส่สูทอย่างจริงจัง โดยเน้นรูปทรงสูท ที่ใส่แล้วพอดีรูปร่าง ดีไซน์คลาสสิคเรียบง่าย ให้ความมินิมัล ชายเสื้อสูทจะสั้นลง กางเกงสลิมมากขึ้น ออกแบบโดยเนื้อผ้าที่บางขึ้น เพื่อให้ใส่สบายตลอดทั้งวัน เต็มไปด้วยความหลากหลาย แฟชั่นที่โชว์ความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นได้อย่างชัดเจน
จนมาถึงยุคปัจจุบัน ที่แฟชั่นสูทก็ยังคงวนเวียน สลับสับเปลี่ยนไปตามเทรนด์ ที่หลากหลาย ตลอดเวลา สุดท้ายแล้วแฟชั่นที่มีเสน่ห์ อย่างสูท! ก็ยังคงต้องถูกผลิตขึ้นมาใหม่อยู่เรื่อยๆ เพื่อให้สอดคล้องกับยุคทุกสมัย เพื่อให้เป็นแฟชั่นที่แต่งได้ง่ายขึ้นนั้นเอง
DGRIE (ดีกรี) แบรนด์ชุดสูท คุณภาพสูง
ตัดสูท เชิ้ต กางเกง ด้วยผ้าคุณภาพชั้นเลิส มีพร้อมด้วยสินค้าสำเร็จรูป เครื่องประดับ และงานสั่งตัด
สาขาที่ให้บริการ
DGRIE SIAMSQUARE SOI 2 | สยามสแควร์ ซอย 2
DGRIE SATHORN | สาขาสาทร นราธิวาสราชนครินทร์ ซอย 15
ติดตามเราได้ที่
โฆษณา