23 ก.ย. 2022 เวลา 09:07 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ผมชอบที่จะใช้คำสอนในทางพระพุทธศาสนามาเป็นหลักในการลงทุนครับ
1) “อย่าประมาท”
ครับ “ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง” สมมุติว่า ผมมีเงินเก็บอยู่ 100%
-ผมจะแบ่งเงินก้อนนั้นมาลงทุน 30%
-ใน 30% ผมจะแบ่งเป็น 10% เท่าๆกันสามก้อน ก่อนละ 10%
-10% แรก: ผมจะสร้างห้องเช่าขนาดเล็กๆให้คนมาเช่าขายของหน้าบ้านเพราะบ้านผมติดถนนใหญ่ เป็นทำเลค้าขายได้
-10% ที่สอง: ผมจะลงทุนทำ “แปลงผัก organic” ขนาดเล็ก โดยเริ่มจากปลูกกินเองก่อน แล้วถ้าเหลือกิน ผมจะฝากร้านขายของหน้าบ้านที่ผมปล่อยเช่าให้เขาช่วยขาย
-10% ที่สาม: ผมจะใช้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยจะต้องมีการศึกษา “การสร้าง ports การลงทุน” ที่มีการกระจายความเสี่ยง และวางแผนปรับ ports ในสถานการณ์เศรษฐกิจฝกฝันไว้ล่วงหน้า ซึ่งปัจจัยสำคัญที่เป็นพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจก็คงจะมี
“ราคาพลังงาน, อัตราดอกเบี้ย, อัตราเงินเฟ้อ, และ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ”
ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจาก “สถานการณ์ในยูเครน” และ “Covid-19 pandemic” ที่สร้างผลกระทบต่อทั้งสี่ปัจจัยข้างต้นมาแล้วไม่มากก็น้อย
และใน 10% นี้ ผมก็จะแบ่ง “รอบ” ในการเข้าซื้อเป็นรอบย่อยๆ คือผมจะไม่เข้าซื้อเพียงครั้งเดียว แต่ผมจะ “ทยอยซื้อ” ตามสถานการณ์ที่ได้หน่วยลงทุนที่น่าสนใจในราคาที่ตำ่ที่สุด!
2) “ความไม่เที่ยง”
ครับ ผมมองว่าโลกแห่งการลงทุนสะท้อนภาพแห่ง “ความไม่เที่ยง” ได้อย่างชัดเจน
ใครจะไปคิดครับว่า เหตุการณ์อย่าง “Covid-19 pandemic” จะเกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อชีวิตและระบบเศรษฐกิจโลกได้ถึงขนาดนี้!
-ถ้าคุณอยากลงทุนในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คุณก็ลองพิจารณาดูว่า เมื่อผู้คนเริ่มใช้เทคโนโลยีในการ “work from home” หรือ “work from anywhere”
คนไม่จำเป็นต้องซื้อบ้านหรือคอนโดใกล้ๆตัวเมืองหรือใกล้ๆที่ทำงานอีกแล้ว อย่างในกรุงเทพเอง “รถไฟฟ้าสายสีต่างๆ” ก็มีการขยายเส้นทางให้บริการออกไปไกลขึ้นมาก
ดังนั้นผู้คนจะมีพฤติกรรมการซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เปลี่ยนไป และนี่จะส่งผลต่อราคาหน่วยลงทุนของภาคอสังหาริมทรัพย์ไม่มากก็น้อย! เพราะกลไกของฝ่ายอุปสงค์เปลี่ยนตามภาวะการณ์ที่เปลี่ยน และนั่นเองคือ “ความไม่เที่ยง”
ด้วยเหตุแห่งความไม่เที่ยงนี้ ในการลงทุนจึงควรศึกษาการ “กระจายความเสี่ยง” หรือ เรื่องราวของ Asset Allocations ไว้ด้วยเพื่อ “ความไม่ประมาท”
3) “บุคคลล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร”
ครับ ผมเองไม่เคยลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์มาเลย แต่ผมก็เริ่ม “สะสมข้อมูล” เพื่อใช้เป็นหลักคิดในการเป็น “นักลงทุน” ต่อไป
ผมเชื่อว่า เราทุกคนมี “สัญชาติญาณ” ของนักลงทุนอยู่ด้วยกันทุกคน ไม่มากก็น้อย ยกตัวอย่างเช่น “เราชอบซื้อของช่วง On Sales” ใช่ไหมครับ? เพราะนั่นหมายถึงซื้อของคุณภาพแทบจะคงเดิม แต่ “จ่าย” ในราคาที่ประหยัดกว่า!
ผมมี idol ในวงการลงทุนอยู่ท่านหนึ่ง ที่ท่านเองมีผู้ตั้งฉายาให้ท่านว่า
“the Oracle of Omaha”
บุคคลท่านนี้เป็นนักลงทุนที่มีชื่อเสียงที่สุดท่านหนึ่งในประวัติศาสตร์การลงทุน โดยกลุ่มกิจการที่ทีมงานของท่านดูแลอยู่มีมูลค่าหุ้นราว “สี่แสนดอลลาร์” กว่าๆ ต่อหนึ่งหุ้น! ตามที่ผมเคยได้ยินมา!
ครับ ท่านผู้นี้คือ Warren Buffett
คำแนะนำของท่านที่ผมชื่นชอบคือ
“One easy way to become worth 50% more than you are now at least is to hone your communication skills — both written and verbal,”
“Invest in as much of yourself as you can. You are your own biggest asset by far.”
“Anything you do to improve your own talents and make yourself more valuable will get paid off in terms of appropriate real purchasing power.”
“Anything you invest in yourself, you get back tenfold,”
ถ้าคุณต้องการฟังจากปากของท่านเอง ลองฟังดูจากคลิปนี้ครับ
ผมมองว่าใครก็ตามที่วางแผนที่จะเป็นนักลงทุนในยุคนี้ มีความ “โชคดี” อยู่อย่างหนึ่งคือ
Youtube เริ่มก่อตั้งในปี 2004 ตามความเข้าใจของผม
วันนี้ Youtube ดำเนินการมาใกล้ 20 ปีเข้าไปแล้ว contents ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนมี “มากมาย”
มหาศาล!
เราสามารถเรียนรู้ เพื่อ “ลดความเสี่ยง” ในการลงทุนได้เป็นอย่างดี หากเรามีความพากเพียรพยายามอย่างมีสติ
อย่างที่ท่าน Warren Buffett ได้กล่าวไว้ว่า
“the more you learn, the more you earn,”
4) ผมเองได้เริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักลงทุนโดยการเขียน posts เหล่านี้เก็บเอาไว้ศึกษาครับ
คือถ้าเราอยากเรียนรู้สิ่งใด ก็ให้เราพยายามอธิบายสิ่งเหล่านั้นให้ผู้อื่น
ครับ
โฆษณา