25 ก.ย. 2022 เวลา 22:00 • ประวัติศาสตร์
ความประทับใจในการเข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ep.1
สวัสดีค่ะ เมื่อวานเราได้มีโอกาสไปพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร หลายๆคนคงจะมีภาพจำกับพิพิธภัณฑ์ต่างๆที่ไม่ค่อยดี มีแต่ของเก่าที่ไม่มีความน่าสนใจ ไม่ได้รับการดูแล ใช่มั้ยล่ะคะ? ในตอนแรกเราก็คิดแบบนั้นค่ะ อาจจะด้วยความที่เป็นเด็กต่างจังหวัดและพิพิธภัณฑ์ที่เคยไปแต่ละที่ก็จะมีแต่โมเดลหุ่นจำลองฝุ่นเขรอะ พร้อมวิดิทัศน์ที่ให้ความรู้ที่จัดทำตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหาจัดแสดงเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้ภาพในหัวกับคำว่าพิพิธภัณฑ์กลายเป็นความหมายลบและไม่น่าสนใจไป
1
แต่เมื่อเราได้เปิดใจลองไปเที่ยวชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ในครั้งนี้บอกเลยว่าประทับใจมากๆเพราะนอกจากจะมีค่าเข้าที่ถูกแล้วนั้นยังมีสิ่งน่าสนใจหลายๆอย่างจัดแสดงไว้มากมายอีกทั้งภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีการจัดแสดงที่เหมาะสมกับของที่นำมาจัดแสดง มีการดูแลวัตถุที่นำมาโชว์อย่างดี พูดได้เลยว่าเกินความคาดหมายไปมาก และในวันนี้เราจึงอยากจะมาเล่าประสบการณ์สุดประทับใจให้ทุกคนได้อ่านกันยาวๆเลยค่ะ
นี่คือบัตรเข้าชมที่สามารถเข้าชมส่วนจัดแสดงได้ค่ะ เข้าชมพิพิธภัณฑ์และนิทรรศการได้ทุกส่วนในราคาเพียงแค่30฿เท่านั้น!!
ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครนั้น เนื่องจากตั้งอยู่ในบริเวณ“พระราชวังบวรสถานมงคล” หรือ “วังหน้า” จึงมีอาคารพระที่นั่งและตำหนักอยู่มากมายที่เป็นส่วนจัดแสดงที่ต้องซื้อบัตรเข้าชมและส่วนที่สามารถเข้าได้ฟรีโดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่าย โดยในวันนี้เราขอบอกก่อนว่าเดินดูได้ไม่ครบทุกส่วนเหมือนกันเพราะมีส่วนจัดแสดงหลายส่วนมากและแต่ละส่วนก็กว้างใหญ่ อีกทั้งวัตถุที่นำมาจัดแสดงก็มีรายละเอียดและความรู้ต่างๆมากมายเราจึงอยากจะชมและซึมซับสิ่งเหล่านั้นให้ละเอียดจึงใช้เวลากับแต่ละส่วนเป็นเวลาค่อนข้างนานเลยค่ะ
ขอเริ่มกันที่ส่วนที่สามารถเข้าได้ฟรีเป็นอยากแรกก่อนนะคะ ส่วนที่เข้าได้ฟรีนั้นคือ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ซึ่งในตอนนี้กำลังทำการบูรณะภายนอกอยู่ค่ะเลยไม่ได้เก็บรูปจากภายนอกมาฝาก แต่ภายในนั้นมี “พระพุทธสิหิงค์” ประดิษฐานอยู่ จึงอยากจะแนะนำให้เริ่มจากเข้าไปกราบนมัสการท่านก่อนที่จะเริ่มเดินชมส่วนต่างๆในพิพิธภัณฑ์ และนอกจากนั้นยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังตกแต่งอยู่ภายในโดยรอบ เป็นความงดงามแบบโบราณที่สวยงามมากจริงๆค่ะ
ภายในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ก็ประมาณนี้ค่ะ เพราะมีเวลาไม่มากเลยเก็บภาพความงามมาได้นิดหน่อย ถ้าไปสัมผัสด้วยตาตัวเองจะงดงามกว่าในรูปมากเลยค่ะ
ภาพจิตรกรรมฝาผนังโดยรอบนั้นในส่วนล่างจะเป็นภาพจิตรกรรมวิถีชีวิตชาวบ้านและเมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปซักหน่อยนั้นจะเป็นภาพของเหล่าเทวดาที่เรียงความสูงส่งตามลำดับชั้นมีท่วงท่าที่กำลังเหาะเหินเดินอากาศ
FYI: ในสมัยโบราณที่ยังมีเพียงแสงเทียน ยังไม่มีไฟฟ้าใช้นั้น การที่คนโบราณเข้ามายังพระที่นั่งแห่งนี้ก็จะมีเพียงแสงสลัวๆจากเทียนที่พื้นและแสงที่ส่องมาทางหน้าต่างบานเล็กเพียงเท้านั้น จึงทำให้เห็นเหมือนเทวดาที่มีสีสว่างกว่าสีพื้นหลังกำลังล่องลอยอยู่บนฟากฟ้า เป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำให้ผู้ที่เข้ามาสักการะและฟังเทศน์ฟังธรรมเกิดความเลื่อมใสและศรัทธา ส่วนคนรุ่นใหม่อย่างเราก็ตื่นตาตื่นใจในแนวคิดนี้เช่นกัน
เมื่อเราได้สักการะบูชาพระพุทธสิหิงค์ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่แล้วนั้นต่อมาเราก็จะพาทุกคนเข้าสู่ส่วนจัดแสดงแรกที่อยู่หน้าสุดซึ่งก็คืออาคาร ”พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน” นั่นเองค่ะ
ในวันนี้ที่เราได้มาชมพิพิธภัณฑ์ก็มีนิทรรศการ “เซรามิกแห่งแหลมทองและแดนอาทิตย์อุทัย: สานตำนานสายใยไม่เสื่อมคลายในพาณิชยวัฒนธรรมโลก” ที่ฉลองวาระครบรอบ 135 ปี แห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่น ที่ได้นำโบราณวัตถุเซรามิกต่างๆจากประเทศญี่ปุ่นมาจัดแสดงมากมาย แต่ละลวดลายละเอียดอ่อนช้อยงดงาม และยังมีเครื่องปั้นที่ปัจจุบันหาดูได้ยากอีกด้วย คุ้มกับการมาเข้าชมจริงๆค่ะ
ภาพส่วนหนึ่งที่เก็บมาฝากจากในงานนิทรรศการที่จัดแสดงค่ะ มีทั้งเครื่องปั้นโบราณหน้าตาแปลกๆที่ไม่เคยเห็นและยังมีเครื่องเซรามิกที่ลวยลายสวยงามมากๆมาจัดแสดงไว้มากมาย
นอกจากนี้ยังมีการจัดชุดอุปกรณ์จำลองในกระบวนการและวิธีการสร้าง, ปั้น, หล่อ เครื่องถ้วยชามและประติมากรรมเซรามิกต่างๆรวมไปถึงโมเดลจำลองเตาที่ใช้อบเครื่องเซรามิกอีกด้วย เรียกได้ว่านอกจากจะได้เจริญหูเจริญตากับความสวยงามและแปลกตาจากเครื่องเซรามิกแล้วนั้น ยังได้ความรู้ต่างๆเกี่ยวกับงานเซรามิกกลับไปอีกต่างหาก ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ของเครื่องกระเบื้องเคลือบไปจนถึงวิธีการรังสรรค์ให้ออกมาได้อย่างสวยงาม
นิทรรศการ “เซรามิกแห่งแหลมทองและแดนอาทิตย์อุทัย: สานตำนานสายใยไม่เสื่อมคลายในพาณิชยวัฒนธรรมโลก” จัดขึ้นใน วันที่ 14 กันยายน – 14 ธันวาคม 2565 และนอกจากจัดแสดงวัตถุกระเบื้องเคลือบแล้ว ยังมีการจัดเวิร์คชอปให้สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมอีกด้วย มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย
รายละเอียดต่างๆของนิทรรศการสำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูอย่างละเอียดได้ที่
หลังจากที่เข้าชมนิทรรศการ “เซรามิกแห่งแหลมทองและแดนอาทิตย์อุทัย: สานตำนานสายใยไม่เสื่อมคลายในพาณิชยวัฒนธรรมโลก” อย่างจุใจแล้วนั้น ต่อมาเราจะพาทุกคนไปยังส่วนจัดแสดงต่อไปค่ะ ซึ่งเป็นส่วนจัดแสดงถาวร นั่นก็คือกลุ่มอาคารหมู่พระวิมาน ซึ่งเป็นส่วนจัดแสดงที่ใหญ่มากๆส่วนนึงเลยค่ะ
ในส่วนของอาคาร “หมู่พระวิมาน” นั้นจะมีการจัดแสดงนิทรรศการศิลปะไทยประเพณี โดยหมู่พระวิมานก็จะประกอบไปด้วยส่วนต่างๆมากมายถึง 14 ส่วน ซึ่งเราก็ได้เก็บภาพมาได้บางส่วน อาจจะไม่ครบทุกห้องจัดแสดงแต่ก็อยากจะให้ทุกคนได้เห็นบรรยากาศของอาคารหมู่พระวิมานให้มากที่สุดค่ะ
1.พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย: จัดแสดงวัตถุเกี่ยวกับท้องพระโรงวังหน้า
พระราชบัลลังก์บุษบกมาลา(หน้า)และพระแท่นเศวตรฉัตร(หลัง)
เป็นส่วนแรกที่เดินเข้ามาในอาคารหมู่พระวิมานแล้วจะได้เจอค่ะ ภายในส่วนนี้สิ่งที่เดินเข้าไปแล้วเด่นสะดุดตาที่สุดคือ “พระราชบัลลังก์บุษบกมาลาประจำพระราชวังบวรสถานมงคล” ที่ตั้งเป็นประธานอยู่ในพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย และ “พระแท่นบวรเศวตฉัตร” ที่ตั้งแสดงอยู่เคียงคู่กับพระราชบัลลังก์บุษบกมาลา นั่นเองค่ะ
2.มุขกระสัน ซึ่งเป็นส่วนเชื่อมระหว่างพระที่นั่งอิศราวินิจฉัยและพระที่นั่งภิมุขมณเฑียรเข้าด้วยกันค่ะ เป็นส่วนที่ใช้จัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์วังหน้า
เป็นส่วนจัดแสดงที่ไม่ใช่ห้องใหญ่ เป็นเพียงโถงเชื่อมระหว่างพระที่นั่นเท่านั้น
3.พระที่นั่งมุขมณเฑียร จัดแสดงเครื่องราชยานและคานหาม ซึ่งลักษณะของเครื่องราชยานก็ลดหลั่นลงไปตามแต่ละระดับ โดยเครื่องราชยานที่เด่นเป็นประธานในส่วนจัดแสดงนี้คือ ยานมาศ หรือที่เรียกว่า “พระที่นั่งราเชนทรยาน” เป็นพระยานมาศกลีบบัว เป็นราชยานสำหรับพระมหากษัตริย์และพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ใช้เฉพาะวาระการเฉลิมพระเกียรติ์เท่านั้น
พระที่นั่งราเชนทรยานอยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยคานหาบและราชยานที่แสดงถึงลำดับศักดิ์ในสมัยโบราณ
4.พระที่นั่งวายุสถานอมเรศ จัดแสดงเกี่ยวกับพระราชมณเฑียรวังหน้า โดยมี “พระที่นั่งพรหมพักตร์” เป็นประธานเด่นในส่วนจัดแสดงนี้
เนื่องจากเราไม่ได้เก็บภาพมาจึงขอขอบคุณรูปจาก https://www.finearts.go.th/museumbangkok/view/22734-พระที่นั่งพรหมพักตร์-ไม้แกะสลัก-ลงรักปิดทองประดับกระจก
5.พระที่นั่งษิณาภิมุข จัดแสดงเครื่องมหรสพและการละเล่น ภายในส่วนนี้ก็จะมีหัวโขนครูและอุปกรณ์ในการละเล่นมหรสพที่มีความละเอียดอ่อนช้อยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดนตรีที่ใช้ในการบรรเลง แผ่นหนังใหญ่ อุปกรณ์ประกอบฉาก และอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับมหรสพภายในวัง
ในส่วนของบริเวณจัดแสดงนี้เราผู้ไปเดินคนเดียวตอนที่พิพิธภัณฑ์ใกล้ปิดนั้นเพราะคนเข้าชมร่วมกันมีน้อยจึงทำให้ความขลังของสิ่งเหล่านี้เพิ่มมากยิ่งขึ้น บอกเลยว่าจ้องๆไปก็แอบมีขนลุกอยู่บ้างเลยล่ะคะ
6.พระที่นั่งวสันตวิมาน มีการจัดแสดงทั้งส่วนบนและส่วนล่าง
-ส่วนบนนั้นมีลักษณะคล้ายชั้นลอย ต้องขึ้นบันไดไป จะเป็นการจัดแสดงเครื่องที่ประทับของกษัตริย์
บันไดขึ้น-ลงก็จะหน้าตาประมาณนี้ค่ะ ทั้งแคบและค่อนข้างชันเลยทีเดียว จะขึ้นจะลงต้องเกาะราวบันไดดีๆเลยค่ะ
พระแท่นบรรทมและหมากรุกกระดานเบ้อเร่อที่สะดุดตาสุดๆ
โดยชิ้นจัดแสดงที่ใหญ่ที่สุดคือพระแท่นบรรทมหลังนี้เลยค่ะ ลวดลายแกะสลักวิจิตรสวยงามมาก และที่สะดุดตาเราไม่แพ้กันจนต้องถ่ายเก็บมาฝากทุกคนก็คือหมากรุกขนาดยักษ์นั่นด้วยล่ะค่ะ ในภาพอาจจะดูไม่ออกแต่ของจริงใหญ่ในสเกลที่คนสามารถเข้าไปนั่งบนกระดานหมากรุกยังมีที่เหลือได้เลยค่ะ
-ในส่วนล่างของพระที่นั่งพระที่นั่งวสันตวิมาน เป็นส่วนที่จัดแสดงเครื่องถ้วยในราชสำนักค่ะ บอกเลยว่าละลานตามาก ดูเพลินสุดๆ ที่เก็บรูปมาฝากเป็นเพียงส่วนนึงที่เราชอบเท่านั้นค่ะ ในส่วนจัดแสดงมีเครื่องถ้วยมากมายให้ได้ชมเลยค่ะ
เครื่องถ้วยแต่ละชุดแต่ละใบก็มีรูปทรงที่สวยงามและมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง รูปสุดท้ายคือชุดที่เรารู้สึกว่าน่ารักและชอบที่สุดค่ะ ผู้อ่านล่ะคะ ในรูปเหล่านี้มีใบที่สะดุดตาเป็นพิเศษบ้างหรือเปล่าเอ่ย?
ในการเล่าประสบการณ์ที่ได้พบกับความประทับใจในการเข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ในครั้งนี้คงจะต้องขอหยุดเพียงเท่านี้ก่อนค่ะเพราะบทความนี้ก็ยาวมากๆแล้ว อันที่จริงผู้เขียนก็ไม่คิดว่าจะต้องแบ่งเขียนเป็นสองตอนตั้งแต่แรก แต่เพราะอยากจะเล่าเรื่องให้ได้ละเอียดและอยากให้ผู้อ่านได้รู้สึกสนุกไปด้วยจึงต้องขอแบ่งให้บทความมีสองตอนจริงๆค่ะ แล้วตอนที่สองจะตามมาแน่นอนค่ะ
หากใครอ่านบทความนี้แล้วรู้สึกสนใจและอยากจะไปสัมผัสกับประสบการณ์เข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครด้วยตัวเองนั้น(ผู้เขียนจะดีใจมากๆเลยค่ะ) สามารถหาข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่
2
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตอนนี้นะคะ หากมีข้อติหรือชมอย่างไร อยากให้แก้ไขตรงไหนหรืออยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน สามารถคอมเมนท์มาคุยกันได้นะคะ
โฆษณา