4 ต.ค. 2022 เวลา 00:00 • นิยาย เรื่องสั้น
ท่านพ่อค่อยๆ เรียนวิชาทำรองเท้าจนชำนาญ ทั้งตัดรองเท้าและซ่อมรองเท้าและเครื่องหนัง เก็บหอมรอมริบ แล้วเปิดร้านรองเท้าชื่อ ซิ้วเหงี่ยน (秀源) ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 113 ถนนนิพัทธ์อุทิศ 1 หรือที่เรียกกันว่า สาย 1
เป็นร้านรองเท้าที่อยู่คู่หาดใหญ่นานหลายสิบปี ชาวหาดใหญ่รุ่นเก่ารู้จักดี
บ้านเลขที่ 113 เป็นตึกแถวไม้เก่าสองชั้น ด้วยงบจำกัดที่สุด จึงสร้างแบบ “เอาแบบถูกที่สุด” ผลก็คือพื้นไม้ชั้นสองไม่เท่ากันเลยทั้งชั้น เพราะไม่ได้ผ่านการไส คนที่ไม่เคยมาอาจสะดุดได้
เมื่อฝนตก น้ำฝนก็มักรั่วผ่านหลังคาสังกะสีลงมา เราต้องวางกระป๋องเปล่ารองน้ำที่รั่วลงมา บางครั้งก็ปรากฏกระป๋องกระจายไปทั่วบ้าน
เนื่องจากบ้านเก่ามีฝ้าสูงมาก นานๆ ที ก็มีค้างคาวบินเข้ามาขอร่วมพักอาศัยด้วย
1
แต่ลูกๆ ทุกคนก็อยู่ในบ้านพื้นไม่เรียบมาจนโต
ท่านพ่อพัฒนากระบวนท่าการทำรองเท้าจนชำนาญ ทำรองเท้าได้ทุกชนิด ซ่อมเครื่องหนังได้ทุกอย่าง สำนักงานของท่านพ่อคือท่อนซุงหนึ่งตอ วางเครื่องมือต่างๆ ระเกะระกะ ดินสอ มีดตัดรองเท้า หินลับมีด ด้าย ไข กระป๋องบุหรี่บรรจุกาวยาง กล่องไม้ใส่ตะปูขนาดต่างๆ ที่ขอบด้านหนึ่งของท่อนซุงติดซองหนังสำหรับใส่มีดตัดหนัง 3-4 เล่ม
1
มีชั้นวางม้วนหนังสัตว์ชนิดและสีต่างๆ และหุ่นเท้าไม้ บนพื้นสำนักงานวางฐานเหล็กสามแฉกไว้ตอกตะปูพื้นและส้นรองเท้า หน้าตาของฐานเหล็กนี้เป็นสามปลาย ปลายสองด้านเป็นเหล็กทรงแบนรูปเท้า ปลายที่สามเป็นเหล็กแบนสี่เหลี่ยมจตุรัส ไม่ว่าพลิกวางอย่างไรปลายด้านหนึ่งจะได้ฉากกับพื้นเสมอ
มีดทำรองเท้าเป็นใบมีดปลายเป็นแถบคม ทำด้วยเหล็กบาง ยาวราวหนึ่งฝ่ามือ กว้างประมาณสองนิ้ว ด้ามจับตั้งฉากกับใบมีด วิธีใช้มีดคือไสออกไป คล้ายๆกบไสไม้ ใช้ตัดขอบพื้นรองเท้า และอื่นๆ
วันหนึ่งผมใช้มีดชนิดนี้เหลาดินสอ แล้วไส้ดินสอแทงทะลุซอกนิ้ว เข้าไปฝังในเล็บ เมื่อไปหาหมอ หมอบอกว่ายังไม่ต้องทำอะไร รอให้หนองขึ้นก่อน ผมก็ทรมานอยู่นานกว่าภายในเล็บเป็นหนอง แล้วไปหาหมอ หมอก็ใช้กรรไกรคมกริบตัดเล็บฉับๆ เร็วจนไม่ทันร้อง
ผมนึกในใจว่า ในเมื่อต้องเอาเล็บออกทั้งหมดแบบไม่ปรานีปราศรัยแบบนี้ ทำไมไม่เอาออกตั้งแต่เดือนที่แล้ว เพราะมีหนองในเล็บ ไม่ได้ช่วยให้ตัดเล็บออกง่ายขึ้นแต่อย่างไร แต่ผมก็ไม่กล้าถามหมอ ตลองเดือนต่อมาผมไปหาหมอทำแผลทุกวัน กว่าจะหายสนิทก็หลายเดือน หายซนไปนาน
หลังจากทำงานมาพักใหญ่ พ่อก็มีผู้ช่วยสองสามคน แบ่งงานกันทำ บ้างทำรองเท้าใหม่ บ้างก็ซ่อมอย่างเดียว
ผมมักมองดูพ่อและคนงานทำรองเท้า การดูจอมยุทธ์ที่ชำนาญงานทำรองเท้าเป้นความเพลิดเพลินอย่างหนึ่ง ทุกจุดต้องผ่านการฝึกฝน ผมดูท่านพ่อเริ่มทำรองเท้าตั้งแต่วัดขนาดเท้าของลูกค้า โดยให้ลูกค้าวางเท้าบนกระดาษขาว
ขณะที่พ่อใช้ดินสอลากไปตามขอบเท้า ใช้สายวัดแบบอ่อนวัดความหนาส่วนต่างๆ ของเท้า หน่วยเป็นนิ้ว จดรายละเอียดขนาดเท้าลงบนกระดาษ หลังจากนั้นก็ตัดหนังตามแบบ ‘blue print’ ที่ออกแบบไว้ ดัดแปลงขนาดไปตามเท้าของลูกค้าแต่ละคน ตัดหนัง เย็บหนัง เข้าหุ่น ปะพื้น เย็บพื้น จะกระทั่งสำเร็จ
1
ผมเก็บรายละเอียดเหล่านี้ในเรื่องสั้นชื่อ รักกันหนึ่งร้อยปี บรรยายทุกอย่างจากภาพจริง
ในวัยเด็ก ของเล่นของผมก็คือเครื่องมือและอุปกรณ์ในที่ทำงานของท่านพ่อนี่เอง เช่น กาว
การเล่นกาวย่อมมิใช่การสูดดมกาว แต่คือการเล่นกับกระป๋องกาวยางที่ท่านพ่อทำเอง
กาวยางชนิดนี้ทำโดยใช้เศษยางพาราใส่กระป๋องนมขนาดใหญ่ เทน้ำมันก๊าดเข้าไปและทิ้งไว้สักหลายวันจนยางละลายเหลวเป็นเนื้อเดียวกัน ก็นำมาใช้ได้ ทางใต้มียางพารามากมาย เศษยางพารานี้ได้มาจากร้านขายยางแผ่นซึ่งมักทิ้งขี้ยางที่เหลือ เราจึงไปขอมาทำกาว เราไม่เคยขาดแคลนกาวชนิดนี้
กาวยางดูเหมือนเป็นกาวที่ไม่ติดแน่น แต่มีเทคนิคหนึ่งที่ทำให้มันเพิ่มพลังประหนึ่งกาวตราช้าง นั่นคือทากาวบางๆ บนวัสดุทั้งสองชิ้นที่จะติด รอให้กาวแห้ง แล้วนำมาประกบกัน วิธีนี้จะติดแน่นสนิทนาน
ผมชอบเล่นกาวยาง โดยการคว่ำกระป๋องปล่อยให้กาวเหนียวหนึบไหลอืดลงมาอย่างเชื่องช้า เมื่อย้อยลงมาได้สักสองสามนิ้ว ก็ตวัดกระป๋องกลับ ผืนกาวบางๆ ที่ถูกพลิกกลับจะสมานกับเนื้อกาวในกระป๋อง กักฟองอากาศภายในกาวยางนั้น อากาศภายในขยายตัวทำให้ผืนกาวพองตัวออกเหมือนหญิงท้องแก่ และระเบิดออกมาเบาๆ เป็นภาพที่น่าตื่นเต้นสำหรับเด็กที่ไม่มีของเล่นอื่น
ผมดูท่านพ่อทำรองเท้าด้วยความทึ่ง เพราะท่านพ่อทำรองเท้าเหมือนที่ผมบรรยายในเรื่องสั้น รักกันหนึ่งร้อยปี “เย็บรองเท้าทุกส่วนอย่างบรรจงราวกับประติมากรที่กำลังสลักเสลาประติมากรรมที่ยิ่งใหญ่”
1
หลังจากท่านพ่อจากโลกไป ร้านรองเท้าเลขที่ 113 ก็หายไปตามสัจธรรมความเปลี่ยนแปลงของโลกและจักรวาล
และเกิดสำนักพิมพ์ 113 ขึ้นมา ด้วยหลักปรัชญาการทำงานที่เหมือนกัน
(ยังมีต่อ)
1
โฆษณา