3 ต.ค. 2022 เวลา 07:06 • ท่องเที่ยว
[Review] Creatures of Triloga : วิทยาศาสตร์ ตำนาน และความเป็นไปได้ที่บันดาลด้วยศิลปะ
“...และสิ่งสำคัญซึ่งไม่ควรถูกลืมก็หายสาบสูญ ประวัติศาสตร์กลายเป็นตำนาน ตำนานกลายเป็นเทพนิยาย...” (The Lord of the Rings : The Fellowship of the Ring , 2001)
Creature of Triloga เป็นนิทรรศการที่จัดขึ้นโดย ฮ่องเต้-กนต์ธร เตโชฬาร และทีมงาน Art of Triloga ที่เนรมิตรสร้างจักรวาลที่มีพื้นฐานมาจากแนวคิด “ไตรภูมิ” อันเป็นฉากหลังสำคัญของวรรณคดีไทยหลายต่อหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือเรื่อง “รามเกียรติ์” วรรณคดีที่ทรงอิทธิพลต่อรากฐานทางภาษา และความคิดที่สุดเรื่องหนึ่งของไทย ทั้งยังถูกสร้างสรรค์ใหม่เป็นสื่อต่าง ๆ อีกหลายเวอร์ชั่น
Triloga เกิดขึ้นด้วยความตั้งใจของพี่ฮ่องเต้ที่อยากนำเอารากฐานทางวัฒนธรรมอันนี้มาต่อยอดให้ยังคงอยู่ในยุคปัจจุบัน ซึ่งเคยจัดเป็นนิทรรศการเพื่อสำรวจแง่มุมต่าง ๆ ของจักรวาลแห่งนี้มาแล้วเมื่อหลายปีก่อน มาในคราวนี้เป็นเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในโลกที่มนุษย์ไม่ได้อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร
ในโลกจริง ๆ ของเรา เมื่อครั้งที่วิทยาการยังไม่ก้าวหน้า และวิทยาศาสตร์ไม่ใช่แหล่งที่มาของคำอธิบายสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน สภาพแวดล้อมที่เราไม่สามารถควบคุมได้ และอันตรายจากคมเขี้ยวของสัตว์ร้ายกลายเป็นเทพเจ้าที่เราเคารพบูชา สภาพแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตใน Triloga เองก็มีส่วนหล่อหลอมแง่มุมทางวัฒนธรรมของมนุษย์ในโลกนั้นเช่นเดียวกัน
ขวานหินของมนุษย์เผ่าหนึ่งที่อยู่ทางตอนเหนือของมหาทวีปที่ปกคลุมด้วยความเหน็บหนาวของหิมะ และบูชาไกรสรราชสีห์เป็นสัตว์ประจำเผ่า
ไฮไลทต์หลักอันหนึ่งซึ่งโดดเด่นมากในงานคือลักษณะของราชสีห์ทั้งสี่ตระกูล ได้แก่ไกรสรราชสีห์ กาฬราชสีห์ ติณราชสีห์ บัณฑูราชสีห์ ซึ่งเป็นสัตว์ในเทพนิยายที่ดุร้าย ทรงพลัง ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำคณะรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในปัจจุบัน อย่างไรก็ดี สิงโตและราชสีห์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตอย่างเดียวกัน เพราะสิงโตไม่ใช่สัตว์พื้นถิ่นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และน่าจะเข้ามาในดินแดนแถบนี้ครั้งแรกตัวเป็น ๆ ในสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ สมัยกรุงศรีอยุธยา
การสร้างราชสีห์ตระกูลต่าง ๆ ทั้งสี่ตระกูลจึงวางอยู่บนรากฐานของคำอธิบายในตำนาน และอ้างอิงกับสิ่งมีชีวิตจริง ๆ ของโลกเรา ผลลัพธ์ที่ได้คือสัตว์สี่ประเภทที่แม้จะถูกเรียกโดยรวมว่า “ราชสีห์” แต่กลับเป็นสิ่งมีชีวิตคนละสปีชีส์ที่มีถิ่นที่อยู่ และพฤติกรรมที่แตกต่างกัน บ้างเป็นสัตว์เท้ากีบลักษณะคล้ายหมูป่าโบราณ บ้างมีลักษณะคล้ายแมวป่าที่เร้นกายในป่าเต็งรัง ทว่าร้ายกาจ ทรงพลัง จนกลายเป็น “ราชา” ในดินแดนของตนเอง
กระโหลกของราชสีห์ทั้งสี่ตระกูลที่ถูกจัดแสดง จะเห็นได้ว่ากระโหลกมีลักษณะที่แตกต่างกัน บ้างมีลักษณะคล้ายสัตว์ตระกูลแมว บ้างมีลักษณะคล้ายแรดต่างกันไปตามประเภท และถิ่นที่อยู่
แต่ไฮไลทต์ที่สำคัญที่สุดของงานคือโครงกระดูกของนกขนาดมหึมาที่ถูกจัดแสดงอยู่กลางห้อง ที่เหลียวมองครั้งแรกก็ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคย ทว่าก็แตกต่างไปในรายละเอียด สิ่งที่ชีวิตชนิดนี้คือ “ครุฑ” ที่ตามตำนานกล่าวว่าเป็นสิ่งมีชีวิตทรงภูมิครึ่งนกและมนุษย์
โครงกระดูกของครุฑที่มีลักษณะคล้ายสิ่งมีชีวิตตระกูลเทอโรซอร์
ครุฑของจักรวาล Triloga ที่ให้ความสำคัญกับพื้นฐาน และความเป็นไปได้ในโลกแห่งความเป็นจริง ครุฑจึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ค่อนไปทางนกโบราณที่เพิ่งวิวัฒนาการมาจากสัตว์เลื้อยคลานมากกว่าค่อนไปทางมนุษย์ อย่างไรก็ดี ลักษณะความคล้ายมนุษย์ของนกชนิดนี้ก็ยังปรากฏให้เห็นบนหัวที่เหมือนกำลังสวมมงกุฎ และเส้นขนยาวสลวยคล้ายผมของมนุษย์ สันนิษฐานว่ามันเป็นสัตว์ที่นักล่าจากโลกดึกดำบรรพ์ที่ปรับตัวเข้าสู่โลกปัจจุบัน และอาศัยอยู่บนแก่งโขดหินสูงชัน
ภาพของครุฑที่วาดการสันนิษฐานลักษณะพฤติกรรม โครงกระดูก และคำบรรยายจากตำนาน
ส่วนสุดท้ายของนิทรรศการคือ “ยักษ์” สิ่งมีชีวิตทรงภูมิที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์ เดินด้วยสองขา รู้จักใช้เครื่องไม้เครื่องมือ สิ่งที่จัดแสดงในนิทรรศการคือเครื่องมือเครื่องใช้ขนาดมหึมา ซึ่งแสดงให้เห็นลักษณะสำคัญของสปีชีส์นี้ คือความใหญ่โตมโหฬาร
อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ว่าพวกยักษ์จะเป็นสิ่งมีชีวิตตัวใหญ่สมองทึ่มแบบพวกโทร์ลของนิทานปรัมปราตะวันตก ยักษ์คือสิ่งมีชีวิตที่มีระดับสติปัญญาสูง และสร้างอารยธรรมในที่ต่าง ๆ ทั่วมหาทวีป เรื่องราวของยักษ์มีความสำคัญมากเพราะการรบพุ่งกันระหว่าเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ นั้นส่งผลต่อความเป็นไปของ Triloga
เผ่าพันธุ์นี้มีลักษณะคล้ายกับ Homo Sapiens Neandertals ในโลกแห่งความเป็นจริงที่มีลักษณะตัวสูงใหญ่ ขนหนา มีพละกำลังมหาศาล สันนิษฐานกันว่า Neandertals กับบรรพบุรุษของ Homo Sapiens ผสมพันธุ์กัน และออกลูกออกหลานมาเป็นพวกเราในปัจจุบัน เฉกเช่นเดียวกับที่เผ่าพันธุ์ยักษ์ 5 ตระกูลที่ทรงอิทธิพลใน Triloga คือลูกหลานพันธุ์ผสมระหว่ายักษ์และมนุษย์
ท้าวเวสสุวรรณ ผู้พิทักษ์แห่งทิศเหนือ หรือรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า "กุเวร" ซึ่งเป็นคน ๆ เดียวกับ "กุเรปัน" พี่ชายของ "ราวณะ" หรือ "ทศกัณฐ์"
Creatures of Triloga ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งที่มีพัฒนาการ มีตรรกะของตัวเองเหมือนโลกแฟนตาซีของชาวนาวีอย่างดาวแพนดอร่า แต่มีความดิบเถื่อนของสภาพแวดล้อม และสิ่งมีชีวิตแบบเดียวกับเกาะกระโหลกจากภาพยนตร์เรื่อง King Kong ของ Peter Jackson ในปี 2005
ภาพสเก็ชมากมาย คำอธิบาย และสิ่งของที่จัดแสดงในนิทรรศการที่มีความสมจริงสมจังอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ผนวกกับเทคนิคทางศิลปะและมิติด้านการเล่าเรื่องโน้มน้าวใจอย่างมากให้เชื่อจริง ๆ ว่าโลกแห่งนี้เคยดำรงอยู่ ณ ช่วงใดช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์ของโลกใบนี้ เป็นประวัติศาสตร์อันยาวนานที่เราหลงลืมไป คงเหลือไว้แต่เพียงคำบอกเล่า และเรื่องราวปรัมปราเท่านั้น
แต่ Message สำคัญที่นิทรรศการครั้งนี้ต้องการจะสื่อคือตำนานปรัมปราเหล่านี้เองก็หลอมรวมกับประวัติศาสตร์ของเราอยู่แล้วในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง หลังชมนิทรรศการจบแล้วเดินออกมาจาก TCDC มามองรูปครุฑล้ำ ๆ ที่ไปรษณีย์กลางบางรักก็ยิ่งตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าเราไม่ได้กำลังหลงลืมสิ่งที่สำคัญของเราไป และเรากำลังทำให้ตำนานเหล่านี้กลายเป็นประวัติศาสตร์ที่คนรุ่นเราสร้างขึ้น เพื่อต่อยอด และตีความงานเหล่านี้ให้คงอยู่สืบต่อไป
นิทรรศการ “Creatures of Triloga” เปิดให้ชมถึงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2565 ที่ห้อง Gallery ชั้น 1 TCDC ไปรษณีย์กลางบางรัก (ปิดวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 10.30-19.00
#creaturesoftriloga #triloga #ไตรโลกา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา