6 ต.ค. 2022 เวลา 01:44 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
รีวิว : Vesper - เวสเปอร์ ฝ่าโลกเหนือโลก
Filmment Rating : 6.6
#เนื้อเรื่องย่อ
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในโลกอนาคตที่ระบบนิเวศล่มสลาย และมนุษย์ส่วนใหญ่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เวสเปอร์ เด็กสาววัย 13 ปีกำลังพยายามไขความลับของโลกอันเสื่อมโทรม เธอได้พบเจอกับ คาเมลเลีย หญิงสาวลึกลับจากเมืองซิทาเดล ซึ่งเป็นเมืองของชนชั้นสูงที่อยู่อาศัยกันอย่างสุขสบาย คาเมลเลียได้กุมข้อมูลสำคัญบางอย่างเอาไว้ ทำให้เธอถูกตามล่าจากเหล่าวายร้าย เวสเปอร์จึงได้เข้าสู่การผจญภัยสุดอันตรายเพื่อกอบกู้อนาคตของโลกใบนี้ให้ไปในทิศทางที่ควรจะเป็น
#ความเห็น
ภาพยนตร์จากทวีปยุโรปนั้นมักจะมาพร้อมกับรสชาติที่ไม่คุ้นลิ้นอยู่เสมอครับ โดยถ้อยคำที่ถูกใช้ในการโปรโมตและนิยามแนวทางของภาพยนตร์ก็คือ เทพนิยายแนวไบโอพังก์ (Biopunk) หรือภาพยนตร์แนวไซไฟที่มุ่งเน้นไปที่การนำเสนอเทคโนโลยีทางชีวภาพเป็นหลักครับ และก่อนที่จะไปไกลกว่านั้น ภาพยนตร์เรื่อง Vesper ไม่ใช่ภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นที่เต็มไปด้วยฉากต่อสู้อันอลังการครับ หากแต่เป็นภาพยนตร์ที่มีการเล่าเรื่องอันเฉพาะตัวและต้องอาศัยการมองหาความหมายเชิงลึกอยู่พอสมควร
เมื่อจั่วหัวด้วยความเป็นภาพยนตร์แนวไบโอพังก์ สิ่งที่สำคัญที่สุดคงหนีไม่พ้น การจินตนาการโลกหลังการล่มสลาย โดยการอ้างอิงจากหลักการทางวิทยาศาสตร์และระบบนิเวศทั้งหมดครับ ซึ่งภาพยนตร์ก็สามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยงาน Production Design ที่ผสมผสานความมืดหม่นของป่าในเทพนิยายโบราณ เข้ากับหลักการพันธุศาสตร์ , ชีววิทยาสังเคราะห์ และเทคโนโลยีในโลกอนาคตได้อย่างสร้างสรรค์
ภาพรวมของโลกในจินตนาการอันน่าทึ่งใบนี้จึงเป็นดั่งศูนย์รวมไอเดียที่น่าสนใจมากมาย เช่น หุ่นโดรนที่รูปลักษณ์ภายนอกเป็นเครื่องจักร แต่กลับมีชีวิตได้ด้วยกลไกทางชีวภาพ หรือพืชหลากชนิดที่มีส่วนผสมของเทคโยโลยีอันล้ำสมัยซ่อนอยู่ในนั้น เป็นต้นครับ
ไม่เพียงแต่งานออกแบบเท่านั้นที่โดดเด่น แต่ภาพยนตร์ยังสามารถถ่ายทอดวัฒนธรรมแวดล้อมและบริบทต่างๆ ของโลกใบนี้ได้อย่างน่าสนใจครับ ในภาพใหญ่ที่สุดคือการแบ่งสังคมออกเป็น 2 ชนชั้น หนึ่งคือ ซิทาเดล เมืองหลวงของชนชั้นสูงที่กินอยู่อย่างสุขสบายภายใต้แนวความคิดการผูกขาดของทุนนิยม
โดยประชากรจากซิทาเดลนั้นเลือกที่จะแทรกแซงและควบคุมกฏของระบบนิเวศ ด้วยการตัดแต่งพันธุกรรมของเมล็ดพันธุ์ทุกชนิดให้ออกผลได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และไม่สามารถขยายพันธุ์ได้เองตามธรรมชาติอีกต่อไป นอกจากนี้พวกเขายังครอบครองเทคโนโลยีชีวภาพอันล้ำสมัย และสร้างมนุษย์โคลนไร้สมองขึ้นมาเพื่อทำงานแทนพวกเขา
ขณะที่อีกหนึ่งคือกลุ่มชนชั้นล่าง ซึ่งต้องอาศัยอย่างแร้นแค้นท่ามกลางดินโคลนและป่าดิบชื้น การจะได้มาซึ่งอาหารสักมื้อต้องแลกกับเลือดภายในตัวของพวกเขาเสียด้วยซ้ำ
ในภาพที่เล็กลงมาในเชิงรายละเอียด เนื้อในของภาพยนตร์นั้นแฝงไปด้วยนัยและปัญหาทางสังคมมากมายครับ หากไม่นับเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมอันนำมาซึ่งความล่มสลายของระบบนิเวศ และความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว Vesper ยังสะท้อนความเจ็บปวดของคนรุ่นใหม่ ที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อทำตามเป้าหมายชีวิตในโลกที่ปกครองโดยระบบทุนนิยม
นอกจากนี้ภาพยนตร์มีนัยของความเป็น Ecofeminism หรือ สตรีนิยมเชิงนิเวศ ซึ่งก็คือการใช้ตัวละครเพศหญิงในการขับเคลื่อนเรื่องราว อันว่าด้วยการกอบกู้สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติครับ โดยตัวละครหลักในภาพยนตร์อย่างเวสเปอร์และคาเมลเลียก็ล้วนเป็นเพศหญิงทั้งคู่ ซึ่งทั้ง 2 ตัวละครนั้นได้มีส่วนสำคัญต่อบริบททางสิ่งแวดล้อมในดินแดนของตัวเองทั้งสิ้น
ขณะที่ตัวละครเพศชายในภาพยนตร์นั้นล้วนถูกตีความให้แตกต่างจากค่านิยมดั้งเดิม โดยมีทั้งตัวละครที่เป็นภาระและไม่ได้ช่วยส่งเสริมพันธกิจหลักของเรื่อง , ตัวละครที่อ่อนแอและพ่ายแพ้ต่อโลกอันโหดร้าย และวายร้ายหลักของเรื่องซึ่งเป็นคนในครอบครัวเดียวกันอีกด้วยครับ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าองค์ประกอบโดยรวมของภาพยนตร์นั้นจะเหมาะเหลือเกินในการสร้างความสนุกแบบป็อบคอร์นให้กับเรื่องราว แต่ Vesper กลับเลือกที่จะนำเสนอในทิศทางที่แตกต่างออกไป ด้วยการเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาอย่างเนิบช้าราวกับการอ่านเทพนิยายสักเรื่อง
มองในมุมหนึ่งภาพยนตร์นั้นเต็มไปด้วยความละเมียดละไม แต่หากมองในมุมกลับกันแล้วภาพยนตร์เองก็ขาดพลังในการขับเคลื่อนเรื่องราวให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างแม่นยำเช่นกัน นอกจากนี้ภาพยนตร์ยังมีประเด็นอีกมากมายที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงในช่วงต้น และก็ปล่อยเรื่องราวเหล่านั้นให้หลุดมือไปโดยไม่ได้สานต่ออย่างครบถ้วนครับ
โดยสรุปแล้วภาพยนตร์เรื่อง Vesper - ฝ่าโลกเหนือโลก ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่เสิร์ฟความบันเทิงแบบแฟนตาซีเหมือนที่ผู้ชมส่วนใหญ่คุ้นเคยครับ หากแต่เป็นภาพยนตร์ที่โดดเด่นด้านการออกแบบโลกในจินตนาการออกมาได้อย่างสมจริงและงดงาม ขณะเดียวกันก็ยังมีประเด็นเชิงลึกให้ผู้ชมได้ขบคิดและตั้งคำถาม ผ่านสภาวะอันเสื่อมโทรมของโลกอนาคต และการต่อสู้ฟันฝ่าของคนรุ่นใหม่ที่พยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถในเจนเนอเรชั่นของตัวเองครับ
#ประเด็นตกผลึก
ประเด็นตกผลึกจากภาพยนตร์เรื่อง Vesper - ฝ่าโลกเหนือโลก ที่ผมจะชวนผู้อ่านทุกท่านมาคุยกันในวันนี้ก็คือ
ความฝันของเด็กรุ่นใหม่ ในวันที่โลกกำลังเจอกับวิกฤตรอบด้าน
บทพูดที่สามารถนิยามประเด็นตกผลึกของเราในวันนี้ได้ดีที่สุด มาจากปากของ ดาเรียส คุณพ่อของเวสเปอร์ซึ่งได้กล่าวกับเวสเปอร์เอาไว้ครับว่า “เธอไม่รู้หรอกว่าความฝันมันต้องแลกมากับอะไรบ้าง”
ประโยคดังกล่าวสามารถสะท้อนความเจ็บปวดในการเติบโตของคนรุ่นใหม่ได้อย่างครบถ้วน โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่นั้นต้องเติบโตขึ้นมาในโลกที่กำลังผุพังลงทุกขณะ ทรัพยากรแต่ละอย่างลดน้อยถอยลงตามกาลเวลา อีกทั้งอนาคตของโลกใบนี้ก็เป็นดั่งระเบิดเวลาที่กำลังนับถอยหลัง การที่พวกเขาจะมีความฝันอะไรสักอย่างจึงเป็นเรื่องที่ยากขึ้นเรื่อยๆ ตามช่วงอายุคนที่ผันเปลี่ยนตามยุคสมัยครับ
ภาพยนตร์บอกเล่าประเด็นนี้ผ่านการเติบโตของตัวละครอย่างเวสเปอร์ เด็กสาววัย 13 ปีที่เต็มไปความทะเยอทะยาน สภาพสังคมอันเสื่อมโทรมไม่อาจหยุดยั้งเธอจากการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายของชีวิต เธอมีความฝันในการก้าวขึ้นเป็นประชากรของซิทาเดล เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของตัวเอง
แต่การจะพุ่งตามความฝันของเด็กรุ่นใหม่ในโลกอันล่มสลายนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากปัญหาเรื่องชนชั้นและความเหลื่อมล้ำแล้ว เวสเปอร์ยังต้องเผชิญกับสังคมของผู้สูงอายุ เธอมีภาระในการเลี้ยงดูพ่อที่ป่วยเป็นอัมพาตติดเตียง ในขณะที่ประชากรจากซิทาเดลเองก็คิดค้นเทคโนโลยีขึ้นมาจนพวกเขามีอายุที่ยืนยาวขึ้นกว่าปกติ และยังต้องเผชิญกับสภาพเศรษฐกิจอันล้มเหลวอีกด้วย การจะไขว่คว้าหาความฝันของเวสเปอร์ ซึ่งเป็นตัวแทนของชนชั้นล่างของสังคมนั้น จึงเป็นการเทหมดหน้าตักโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะมีโอกาสสำเร็จหรือไม่
อีกหนึ่งสัญญะสำคัญที่ภาพยนตร์เลือกใช้ถ่ายทอดประเด็นนี้ก็คือเมล็ดพันธุ์ครับ โดยพลเมืองชาวซิทาเดลได้ทำการดัดแปลงพันธุกรรมของพืชทุกชนิดให้ไม่สามารถขยายพันธุ์ตามธรรมชาติได้ หนทางแห่งความฝันของเวสเปอร์ จึงเป็นการปลดล็อคความลับทางพันธุกรรมดังกล่าว เพื่อให้พืชพันธุ์ทุกชนิดกลับมาขยายพันธุ์ได้ตามธรรมชาติอีกครั้ง
มันคือเมล็ดพันธุ์แห่งการฟื้นฟูโลกอันเสื่อมโทรมและไร้อนาคต ให้กลับมาเป็นโลกใบเก่าที่เขียวชอุ่มอีกครั้ง คล้ายจะเป็นการบอกว่าปลายทางและเป้าหมายของคนรุ่นใหม่นั้นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวพวกเขาเอาไว้กับโลกใบใหม่นี้ และทำให้พวกเขาพยายามสร้างเปลี่ยนแปลงให้กับโลก พร้อมพุ่งทะยานไปให้ถึงความฝันแม้ว่ามันจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม ฝากไว้ให้คิดกันนะครับ
#VesperMovie #เวสเปอร์ฝ่าโลกเหนือโลก #Filmment
โฆษณา