10 ต.ค. 2022 เวลา 12:00 • ประวัติศาสตร์
#โอริโอ้ คุกกี้ในตำนานที่มีมานานกว่าศตวรรษ
รสชาติของ Oreo เป็นที่ยอมรับและเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกวัย ทว่าประวัติของ Oreo กลับเริ่มต้นจากความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง แม้กระทั่งในปัจจุบันนี้ คุกกี้ก็ยังมีความลึกลับหลายอย่าง เช่น ที่มาของชื่อและสีของคุกกี้ ก็ยังเป็นปริศนาอยู่
มหากาฬตำนาน oreo
คุกกี้โอรีโอ้ แซนวิชช็อกโกแลต ที่สามารถแยกออกเป็นสองส่วนเพื่อเพิ่มรสชาติในการกินรวมกับนม โอรีโอ้จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมขนมหวานในช่วงศตวรรษที่ 20 นอกจากนี้สูตรการนำโอรีโอ้ไปปรับใช้ที่เผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต ยังส่งเสริมให้เมนูต่าง ๆ อร่อยแปลกใหม่และกลายเป็นของทานเล่นยอดนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
คุกกี้โอรีโอ้ ถูกคิดค้นขึ้นในช่วงต้นของศตวรรษที่ 19 และใช้เวลาเพียงไม่นานโอรีโอ้ก็ก้าวสู่อันดับต้น ๆ ของคุกกี้ที่ขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งต้นกำเนิดของ โอรีโอ้ เริ่มต้นจากพี่น้อง Jacob and Joseph Loose พวกเขามีความคิดที่แตกต่างกันเกี่ยวกับอนาคตของบริษัทพวกเขา นั่นคือ American Biscuit and Manufacturing Company
Jacob ซึ่งเคยเป็นประธานบริษัท พบว่าตัวเองเจ็บป่วยในปี 1897 Joseph จึงใช้โอกาสนี้สร้างอนาคตในแบบของตัวเองให้กับบริษัท คือร่วมมือกับบริษัทคู่แข่งอย่าง New York Biscuit Company และ United States Baking Company เพื่อก่อตั้งบริษัท National Biscuit Company (Nabisco)
Oreo, the ultimate dunkin' cookies for many biscuit lovers out there
หลังจากนั้น 4 ปีต่อมา (ปี 1902) Jacob Loose ที่ฟื้นตัวจากอาการป่วยจึงตัดสินใจแยกตัวออกจาก Nabisco เพื่อตั้งบริษัท Loose-Wiles Biscuit Company ร่วมกับ จอห์น ไวลส์ เพื่อทำคุกกี้ในแบบของตัวเอง ที่แคนซัสซิตี้ เวลานั้นเขาได้ตั้งชื่อแบรนด์ว่า Sunshine Biscuit
แต่ถึงเวลาขายจริง Jacob กลับใช้ชื่อที่แปลกใหม่กว่า Hydrox เพราะ Jacob Loose คิดว่าชื่อที่ดีที่สุดสำหรับคุกกี้ของเขาคือการรวมกันของชื่อโมเลกุลที่สร้างน้ำ: ไฮโดรเจนและออกซิเจน
และเพียงเวลาสั้น ๆ แบรนด์ Sunshine Biscuits ก็สามารถขายคุกกี้ Hydrox ได้จนหมด เมื่อความโด่งดังของ Hydrox เพิ่มมากขึ้น ในปี 1912 National Biscuit Company ที่แมนฮัตตัน Nabisco จึงออกมาประกาศว่าพวกเขา "ได้คิดค้นคุกกี้สูตรใหม่ขึ้น” ขนมแสนอร่อยนี้ถูกอธิบายว่าเป็น “ เวเฟอร์รสช็อกโกแลต พิมพ์ลายนูนที่สวยงามบนแผ่นบิสกิตสองแผ่น พร้อมสอดไส้ครีมเข้มข้น” ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับ Hydrox เป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ Oreo ของ Nabisco จึงถือกำเนิดขึ้น
Oreo advertisement of 1961
แม้ไม่ชัดเจนว่าชื่อ Oreo นี้มาจากไหน แต่ที่ชัดเจนที่สุดคือหลายคนชื่นชอบชื่อ Oreo มากกว่าชื่อ Hydrox และการแข่งขันระหว่างสองพี่น้องก็เริ่มต้นขึ้น การแข่งขันนี้กินเวลาเกือบตลอดศตวรรษที่ 20
Nabisco เริ่มลงโฆษณาในช่วงต้นของศตวรรษที่ 19 และเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "โอรีโอ้บิด" ส่วนสาขาแยกของ Sunshine Biscuits ก็สร้างผลลัพธ์ได้ไม่ค่อยดีนักเมื่อเทียบกับ Nabisco เนื่องจาก “ผลสำรวจของ Nabisco พบว่ามากกว่า 50% ของแฟน Oreo มักย้อนกลับมาซื้อซ้ำอีก”
ในปีเดียวกันนั้น jacob Loose ก็เสียชีวิตลง แม้ว่าไอเดียคุกกี้ของเขาจะถูกขโมยไป แต่เขาก็รวยมาก … หลังจากการตายของ jacob ……Oreo จึงนำชื่อ Hydrox พิมพ์ลงบนบิสกิต และในศตวรรษต่อ ๆ มา Oreos ก็กลายเป็นคุกกี้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอเมริกา ส่วน Hydrox ยังคงได้รับความนิยมอยู่พักหนึ่งจนกระทั่งพบน้ำมันหมูอยู่ในครีม Hydrox และโอริโอ้ ความนิยมจึงลดลง
เกิดใหม่
แม้ว่าการสร้างสรรค์ของ Sunshine Biscuits หลังจากนั้นจะล่มสลาย แต่ Oreo ก็ยังคงเติบโตต่อไปได้ จนในปี 1974 Nabisco ได้เปิดตัว Double Stuf Oreos ซึ่งเพิ่มความนิยมมากขึ้น ในปี 1985 Dairy Queen ทำข้อตกลงกับ Nabisco เพื่อเปิดตัว Oreo Blizzard
ในปีเดียวกันนั้น Oreos ได้รับตำแหน่งคุกกี้ที่ขายดีที่สุดในโลกอย่างเป็นทางการตามสถิติของ Guinness Book of World ซึ่งขายคุกกี้ได้มากกว่า 6 พันล้านชิ้นต่อปี
ในปี 1996 Keebler ซื้อบริษัท Loose-Wiles Biscuit Company และพยายามสร้างชีวิตใหม่ให้กับ Hydrox ด้วยการเริ่มต้นเปลี่ยนชื่อ Hydrox เป็น "droxies" ซึ่งยังฟังดูเหมือนยามากกว่าคุกกี้ ความนิยมจึงไม่ค่อยเพิ่มขึ้นนัก ในปี 1998 Nabisco ได้ปรับปรุงสูตรใหม่และนำน้ำมันหมูออกจากครีมโอรีโอ้ Nabisco จึงเพิ่มชื่อเสียงและลดความนิยมของ Sunshine ลงได้อีกครั้ง
ขนมยอดนิยม
เป็นเวลากว่า 100 ปีแล้วหลังจากที่ Oreo ออกสู่ตลาดและยังคงได้รับความนิยมมากกว่าที่เคย ทั้งยังพบ Oreo ได้หลากหลายรูปแบบ อาทิในขนม เครื่องดื่ม และไอศกรีม
ในปี 2019 มีการประเมินว่าคุกกี้โอรีโอ้ขายได้มากกว่า 450 พันล้านชิ้นต่อปีเลยที่เดียวและยังคงรักษาความนิยมได้เสมอมา
ดังคำที่กล่าวไว้ว่า “การมีพี่น้องที่รักกันนั้น ถือเป็นโชคดียิ่งกว่าถูกหวย ”
ติดตามเรื่องเล่าจากดาวนี้เพิ่มเติมได้ที่
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย
#เรื่องเล่าจากดาวนี้
โฆษณา