12 ต.ค. 2022 เวลา 22:48 • ความคิดเห็น
กฏแรงดึงดูดคือ กฏธรรมชาติที่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวผู้ฝึกปฏิบัติ และยังเป็นการฝึกจิต ให้ปรับระดับที่สูงขึ้น ในการควบคุมจิตใต้สำนึกของตนเอง
กฏแรงดึงดูดเป็นเรื่องเฉพาะตัว ไม่สามารถนำไปควบคุมคนอื่นหรือสิ่งอื่นได้
เป็นกฏที่พระเยซูคริสต์ ได้กล่าวถึงวิธีทำมาตั้งแต่นั้นมา หมายถึง เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว แต่พระเยซูคริสต์ทรงมากล่าวให้มนุษย์รู้ว่า มนุษย์สามารถใช้จิตใจทำอะไรได้บ้าง เช่น “จงขอ แล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้” และยังมีคำกล่าวอีกว่า “ ให้ผูที่อธิษฐานขอนั้น จงเชื่อ ว่าได้รับแล้ว “
1
กฏแรงดึงดูดจะทำงานผ่านความเชื่อ และความรู้สึกของมนุษย์ทุกคน
พระพุทธเจ้า ทรงกล่าวถึงกฏแรงดึงดูด ว่า “ผู้ใดทำสิ่งใดเอาไว้ ก็จะได้รับสิ่งนั้น “ คำกล่าวนี้ เปรียบเทียบได้เหมือนกับกฏแห่งกรรม เป็นกฏของการกระทำ
ผู้ที่ทำสิ่งใดใด ย่อมนำสิ่งเหล่านั้นย้อนกลับมาหาตนเอง อันนี้แท้จริงเป็นธรรมชาติของพลังในโลกนี้ที่มีความสัมพันธ์กับมนุษย์ทุกตัวคน
การฝึกจิตใจที่จะควบคุมความคิดของตนเองได้นั้นจึงจะทำให้ผู้ที่ฝึกแล้วสามารถ ควบคุมความคิด ความรู้สึกตนเองได้นั้น ก็สามารถสร้างพลังงานที่ดีปรากฏให้ชีวิตของตนเอง
การฝึกควบคุมความคิดตนเอง จึงเป็นกระบวนการหนึ่ง ของการควบคุมพลังงานที่อยู่ในมนุษย์เองมาใช้ได้ และใช้เป็น เท่านั้นเอง
เพราะมนุษย์ส่วนมากไม่เคยรู้ว่า ตัวเขาเองนั้นมีศักยภาพของพลังในตัวของเขามากมายเพียงใด
มนุษย์จึงยึดสิ่งที่อยู่ภายนอกเป็นหลัก และแสวงหาสิ่งของบนโลกนี้ก่อน ที่จะเรียนรู้ชีวิตภายในของตนเอง
ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ได้กล่าวไว้ว่า “ จงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระเจ้าก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติม สิ่งเหล่านั้นทั้งปวงให้”
พลังของกฏแรงดึงดูดนั้นมีตลอดเวลา และทุกคนก็พบกับมันตลอด ผลของมันปรากฏขึ้นตลอด แม้ว่าผู้นั้นจะไม่รู้จักมันก็ตาม แต่เมื่อใดคนเกิดความเข้าใจในสิ่งนี้
คนนั้นจะฝึกที่จะควบคุม ให้กฏนี้ทำงานเพื่อให้เกิดผลดีต่อชีวิตคน คนนั้นได้
ความสุข คือกุญแจไข พระพรให้กฏแรงดึงดูดทำงานได้เร็วขึ้น มากขึ้น เป็นต้น
ไม่ว่าใครจะรู้จักหรือไม่รู้จัก กฏแรงดึงดูด กฏนี้ก็ทำงานอยู่ตลอดเวลา
โฆษณา