19 ต.ค. 2022 เวลา 09:26 • ประวัติศาสตร์
#ประวัติสุดทึ่งของแบรนด์ ลีวายส์ (Levi's Jeans) ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้
ประวัติความเป็นมาของ Levi's เกิดจากการจัดหาชุดทำงานให้กับคนงานเหมือง หลังจากได้รับความนิยมมากขึ้น Levi's จึงกลายเป็นแบรนด์แฟชั่นที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของโลกได้อย่างไร้ที่ติ เรื่องราวถูกเล่าผ่านคอลเลคชันผ้ายีนส์วินเทจและเอกสารทางประวัติศาสตร์จำนวนมากกว่า 5,000 ชิ้น
กำเนิด Levi's
ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1852 Levi's ถูกสร้างขึ้น โดย ลีวาย สเตราส์ ผู้อพยพจากบาวาเรีย ซึ่งเขาได้เข้ามาตั้งร้านในฝั่งตะวันตกซึ่งเป็นที่พักอาศัยของคาวบอย ณ เวลานั้น บริษัท Levi Strauss เป็นผู้ค้าส่งและปลีก พวกเขาขายทุกอย่างตั้งแต่พลั่ว โคมไฟ หม้อ กระทะ รองเท้า กางเกงจอห์น เสื้อเชิ้ต และกางเกงเอี๊ยม(กางเกงยีนส์)
ในปี 1859 ระหว่างช่วงตื่นทอง สเตราส์ ได้นำสินค้าแห้งต่าง ๆ ไปขายให้กับคนงานเหมือง ระหว่างทำการค้า สเตราส์ ก็บังเอิญได้ยินว่า “คนงานเหมืองต้องการกางเกงที่ทนทาน” เมื่อกลับไปที่ร้าน สเตราส์ จึงจ้างช่างตัดเสื้อ Jacob Davis มาที่ร้าน เพื่อทำเสื้อผ้าจากผ้าใบเต็นท์ หลังจากขายไปได้ไม่นาน เขาก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง
  • เรียน คุณสเตราส์…….
วันนี้ลูกค้าผู้หญิงคนหนึ่งมาที่ร้าน เธอบ่นว่าบริเวณรอบกระเป๋ากางเกงเอี๊ยมของคุณไม่แข็งแรงพอ ชุดเอี๊ยมที่สามีลูกค้าใส่ต้องใช้กระเป๋ากางเกงเก็บเครื่องมือขุดทองอยู่เสมอ
in 1850 during the Gold Rush, bringing dry goods for sale to miners. Hearing of the miners’ need for durable pants,
เมื่อได้ทราบเช่นนั้น Jacob Davis จึงติดสายหนัง ใช้หมุดทองเหลือง ที่ชุดเอี๊ยมเพื่อเสริมความทนทาน จากนั้นเขาก็ได้เปลี่ยนไปใช้ผ้าเดนิมที่ทนทานมากกว่า และตอกหมุดทองแดงที่ตะเข็บกระเป๋า
ซึ่งภายหลัง Davis และ สเตราส์ ได้จดสิทธิบัตรเรื่องการใช้หมุดทองเหลืองบนชุดทำงานเหมืองด้วย
หลังจาก 20 ปี ในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการทำชุดให้คนงานเหมือง ยีนส์ก็ถือกำเนิดขึ้น หรือที่รู้จักกันในชื่อ XX ในตอนนั้น (ซึ่งเนื้อผ้าจะมีความแข็งแรงเป็นพิเศษ) และเรื่องนี้ก็สำคัญมาก ๆ สำหรับผู้ชายที่ซื้อกางเกงยีนส์ในยุคนั้น
This is the most important and oldest piece in the collection. It’s is a pair of jeans we call the XX (double X), they date to 1873.
เพราะพวกเขามักใส่ทำงานจึงต้องการความทนทานของเนื้อผ้าและต้องใช้งานได้นาน ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาประหยัดเงินและปกป้องการบาดเจ็บได้
เวลานั้น สเตราส์ ยังมีความคิดอีกอย่างหนึ่ง นอกเหนือจากการทำกระเป๋าหลังกางเกง คือการเย็บหนังบนกางเกงเป็นภาพม้าสองตัวที่พยายามดึงกางเกงยีนส์ออกจากกัน แนวคิดนี้ถือเป็นนวัตกรรมใหม่และเป็นที่นิยมมาก เนื่องจากลูกค้าของลีวายส์ขณะนั้นคือคาวบอย ชาวนา และคนงาน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่รู้หนังสือ ดังนั้นเมื่อพวกเขาเข้าร้านเพื่อซื้อกางเกงยีนส์ สิ่งที่พวกเขาจะทำคือ “ขอกางเกงที่มีม้าสองตัว”
หลังจากการเสียชีวิตของ สเตราส์ ในปี 1902 ผู้บริหารของบริษัทก็ได้ส่งต่อไปยังหลานชายทั้ง 4 คนให้ช่วยบริหาร และหลังจากปี 1918 บริษัทก็ได้ส่งต่อให้ Haas family(ญาติของสเตราส์) ทว่าการเติบโตที่น่าทึ่งที่สุดของบริษัทก็เกิดขึ้นหลังจากปี 1946 เมื่อบริษัทตัดสินใจเลิกค้าส่งและมุ่งความสนใจไปที่การผลิต เสื้อผ้าภายใต้แบรนด์ของตนเอง
Levi's
ในช่วงทศวรรษ 1960 กางเกงยีนส์ Levi's และกางเกงยีนส์อื่น ๆ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยสวมใส่โดยคาวบอยอเมริกันเป็นส่วนใหญ่ ได้กลายเป็นที่นิยมไปทั่วโลก เมื่อบริษัทเปิดตัวสู่สาธารณะในปี 1971 และได้เปิดดำเนินการ(สาขา)ในอีก 50 ประเทศ
แม้หลังจากนั้น ในปี 1980 - 1991 Levi's จะได้พบปัญหาเรื่องการจ้างงานผิดกฎหมาย ปัญหาการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นและปัญหาทางการเงินที่สร้างความปั่นป่วนภายในบริษัทไม่น้อยแต่พวกเขาก็ยังคงประคับประคองมาได้
จนเมื่อปี 1996 Levi's Vintage Clothing (LVC) ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ต่อมาบริษัทได้เปิดตัวแบรนด์ Signature by Levi Strauss & Co. (2003) ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ยีนส์และชุดลำลองที่มีราคาไม่แพงมาก
A Levi's store in Chadstone Shopping Centre, Melbourne, Australia
ในปี 2007 Levi Strauss ได้ร่วมมือกับ ModeLabs Group ของฝรั่งเศสเพื่อพัฒนาชุดโทรศัพท์เคลื่อนที่ ภายใต้แบรนด์ลีวายส์ความโด่งดังจึงยิ่งทวีคูณ แม้จะมีการเคลื่อนไหวเหล่านี้แต่ยอดขายกลับซบเซาลง
ในปี 2011 Levi ได้ว่าจ้าง ชิป เบิร์ก ให้นั่งตำแหน่งซีอีโอ เขาเริ่มเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงแผนกอีคอมเมิร์ซให้ทันสมัยและขยายตลาดต่างประเทศใหกว้างขึ้น ในเดือนมีนาคม 2019 Levi Strauss จึงสามารถกลับสู่ความนิยมได้อีกครั้ง ทั้งยังมีการเสนอขายหุ้น IPO ที่สร้างมูลค่าได้มากกว่า 620 ล้านดอลลาร์
1
ปัจจุบัน Levi Strauss & Co. เป็นหนึ่งในบริษัทเครื่องแต่งกายที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นผู้นำระดับโลกด้านกางเกงยีนส์ Levi มีร้านค้ามากกว่า 500 แห่งทั่วโลก และผลิตภัณฑ์ของ Levi มีวางจำหน่ายมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก
“เพื่อไม่ให้ต้องเสียใจภายหลัง เราก็ควรจะฉกฉวยทุกโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเราได้อย่างสุดความสามารถ”
1
ติดตามเรื่องเล่าจากดาวนี้เพิ่มเติมได้ที่
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย
#เรื่องเล่าจากดาวนี้
โฆษณา