20 ต.ค. 2022 เวลา 12:38 • ความคิดเห็น
ทำไมต้องต้มน้ำร้อน ในฉากหมอตำแยทำคลอด
แค่ของมันต้องมี หรือนี่มันวิทยาศาสตร์ขั้นเทพ
เคยรู้สึกแปลกใจกันบ้างไหม ทำไมหมอตำแย ต้องให้ต้มน้ำร้อน .. นี่เป็นเสมือนลายเซ็นต์ของหนังไทยเลยก็ว่าได้ ที่น้ำร้อน จะต้องอยู่ในภาระกิจสู้ชีวิตของหมอตำแย และคนโบราณนั้นก็ช่างปราดเปรื่อง ที่เข้าใจถึงหลักการแพทย์ข้อนี้
ข้าพเจ้าโตมาในยุคที่หนังไทย ขายความเป็นอมตะ ถ้าไม่นับบ้านผีปอบ หนังผีแม่ลูกอ่อนอย่างแม่นาคพระโขนง ก็ถือว่าติดท็อปในความทรงจำ และอยู่คู่กับคนรุ่นก่อนมาอย่างยาวนาน
หากใครเป็นคอหนังไทย ที่ต้องใช้บริการจากหมอตำแย เชื่อว่าคงจะคุ้นเคยกันดี กับซีน หรือบทที่ต้องกล่าวถึงน้ำร้อน อย่าง "เอ็งรีบไปต้มน้ำเร็ว เดี๋ยวจะไม่ทันการณ์" ในจังหวะที่หมอตำแย กำลังวุ่นอยู่กับว่าที่คุณแม่ ซึ่งกำลังร้องโอดโอย
คำถามคือ น้ำร้อน ที่ว่านี้ ใช้งานจริง หรือเป็นเพียงกุศโลบาย ที่คนโบราณสร้างขึ้น ในเวลาที่ต้องทำคลอด หรือมันเป็นเพียงลายเซ็นต์ ที่ต้องมีในหนังไทยเท่านั้น
อิงตามหลักจุลชีววิทยา หมอตำแยต้องใช้น้ำอุ่น เพื่อชำระล้างตัวเด็กแรกเกิด แม้ว่าคนโบราณจะยังไม่มีความรู้เรื่องนี้ แต่นี่ ก็นับว่าเป็นศาสตร์ที่หมอตำแย ใช้กันแพร่หลายมายาวนาน
ในเรื่องจิตวิทยา การต้มน้ำร้อน มักถูกต้มโดยผู้เป็นสามีเสมอ นั่นก็เพราะ เพื่อกันคนนอก ให้ออกจากบริเวณทำคลอด และเป็นการลดแรงกดดัน ของผู้เป็นสามี ที่ไม่ต้องพะว้าพะวงจนเกินไป
สำหรับผู้เป็นหมอตำแยนั้น มักเป็นผู้หญิงสูงวัยในท้องถิ่น ที่มีประสบการณ์มาพอสมควร ทั้งยังมีสกิลในการทำคลอดที่ชาวบ้านนับถือ ทั้งนี้ไม่รวมถึง ศาสตร์แห่งพิธีกรรมเบื้องต้น ที่จำเป็นต้องมี เช่น
หมอตำแยจะจุดธูป เพื่อขอขมาเจ้าที่ เพราะเชื่อกันว่า การคลอดบุตร จะก่อเกิดมลทิน แก่สถานที่แห่งนั้น อีกทั้ง ขอให้เจ้าที่เจ้าทาง ปัดเป่าเรื่องร้าย ที่อาจเกิดขึ้นขณะทำคลอด
ทิศทางในการนอนระหว่างคลอดก็สำคัญ โดยปกติทั่วไป หมอตำแยจะให้หันศีรษะไปทางทิศเหนือเป็นหลัก แต่ก็มีผู้ทรงคุณวุฒิสาขานี้บางคน เลือกหันใน "ทิศแม่ไก่ฟัก"
ทิศแม่ไก่ฟัก คือทิศไหน บางคนอาจจะงง มันคือทิศ ที่ไก่หันหัว ในช่วงฟักไข่ของมัน โดยเจ้าบ้านจะต้องจดจำทิศนี้ไว้ เพื่อนำมาใช้กับหญิงท้องแก่ ใกล้คลอด ถือเป็นเคล็ดที่หมอตำแยน้อยคนจะเลือกใช้
อุปกรณ์ที่สำคัญในการทำคลอด ยังมีผ้าที่โยงไว้ให้จับขณะคลอด ส่วนมากมักเลือกเป็นผ้าขาวม้า เพราะสะดวกรวดเร็ว หาง่าย และใกล้มือที่สุด (ในยุคก่อน)
หากใครดูหนังไทยบ่อย มักจะเห็นหมอตำแยกดดัน ให้เบ่งลูกออกมา ทั้งลากเสียง ทั้งกระตุ้นการหายใจ แต่ความจริงคือ หมอตำแยไทยแท้ จะเป่ามนต์ จนกว่าจะคลอดเสร็จ ขั้นตอนนี้ถือว่าสาหัสมาก สำหรับคุณแม่ท้องแรก
เมื่อเด็กตกฟาก หมอตำแยจะเอาผ้ามาห่อตัวทันที และให้พ่อของเด็กจำเวลาตกฟากไว้ เหตุผลก็เพื่อ ใช้เป็นข้อมูลดาต้าสำหรับอนาคต เช่น ไว้ตรวจดวงชะตา ฤกษ์บวช ฤกษ์แต่ง หรือเอาไปประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ตามแต่ความประสงค์
จากนั้นหมอตำแย จะเป็นผู้จับเครื่องเพศของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเด็กชาย หรือเด็กหญิงก็ตาม เชื่อกันว่า จะทำให้เครื่องเพศงดงาม และมีความเป็นมงคล
หมอตำแยจะฟังเสียงร้องจากเด็ก หากเด็กไม่ร้องจะมีการควักเมือกออกจากปาก เมื่อร้องแล้วก็จะตัดสายสะดือ และชำระล้างตัวเด็ก ด้วย "น้ำอุ่น" นี่ไง สาเหตุที่ผู้ประกอบวิชาชีพหมอตำแย ต้องกล่าวในบทหนังไทย "เอ็งรีบไปต้มน้ำเร็ว เดี๋ยวจะไม่ทันการณ์"
สุดท้ายคุณหมอทำคลอด จะตัดชายผ้าถุง หรือผ้านุ่งของผู้เป็นแม่ไว้ เพื่อเป็นสิ่งมงคลติดตัว โดยเฉพาะลูกผู้ชาย ที่ต้องออกทัพจับศึก ถือเป็นของขลังชั้นดีแล
กระบวนการสุดท้าย ของผู้เป็นแม่คือ การอยู่ไฟ วิธีโบราณที่จะช่วยให้มดลูกเข้าที่ และสมานแผลไปในคราเดียว ปัจจุบันกระบวนการทั้งหมด ดังที่กล่าวมา คิดว่าไม่น่าหลงเหลืออีกแล้ว
แต่หากจะพบเห็นได้ คงมีเพียงในหนังไทย ละครไทยเท่านั้น จึงกราบขอบพระคุณหนังไทย มา ณ โอกาสนี้ด้วย "เอ้า ..ไปต้มน้ำเร็วเข้า แม่หมอหิวกาแฟแล้ว"
ติดตามบทความย้อนหลังได้ที่
www.topranking.one
โฆษณา