3 พ.ย. 2022 เวลา 00:15 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
รีวิว : Project Wolf Hunting - เรือคลั่งเกมล่าเดนมนุษย์
Filmment Rating : 5.6
#เนื้อเรื่องย่อ
เรื่องราวของการขนส่งนักโทษเดนมนุษย์กว่า 47 คนด้วยเรือขนสินค้า โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมือฉมังคอยดูแลปฏิบัติการณ์ แต่การเดินทางส่งตัวครั้งนี้ถูกวางแผนมาอย่างแยบยล ทันทีที่เรือเดินทางออกสู่น่านน้ำสากล เหล่านักโทษก็เริ่มภารกิจแหกคุกของตัวเองในทันที การปะทะเดือดกันระหว่างทั้ง 2 ขั้วจึงเริ่มต้นขึ้น แต่เรือล้ำนี้กลับไม่ได้มีเพียงแค่พวกเขา ภายใต้ท้องเรือนั้นกลับยังมีสัมภาระลึกลับนอนหลับใหลอยู่ และเมื่อมันตื่นขึ้น เรือลำนี้ก็กลายเป็นสมรภูมิที่เดือดระอุยิ่งกว่านรก
#ความเห็น
การตรวจบัตรประชาชนก่อนเข้าโรงภาพยนตร์เป็นสิ่งที่ผมไม่ได้พบเจอมานานแล้วครับ แต่เนื่องจากภาพยนตร์เรื่อง Project Wolf Hunting - เรือคลั่งเกมล่าเดนมนุษย์ เข้าฉายด้วยเรตติ้ง ฉ.20+ จึงทำให้โรงภาพยนตร์ต้องมีมาตรการในการคัดกรองผู้ชมอย่างเคร่งครัดครับ
และเมื่อผมรับชมภาพยนตร์จบก็รู้ได้ทันทีครับว่าเพราะอะไรภาพยนตร์ถึงคว้าเรตนี้มาครอง เพราะภาพยนตร์นั้นเต็มไปด้วยการฆ่าแกงกันอย่างโหดเหี้ยมจนเลือดท่วมจอ แต่ถึงกระนั้นเพียงแค่ฉากแอ็คชั่นเลือดสาดเพียงอย่างเดียว ก็ไม่อาจกอบกู้ความพังพินาศทางการเล่าเรื่องของภาพยนตร์ได้สำเร็จครับ
Project Wolf Hunting มาพร้อมกับโครงเรื่องที่พร้อมจะเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นแบบเต็มสูบ เมื่อนักโทษฉกรรจ์กว่า 47 คนต้องมาอยู่ร่วมกับเหล่าผู้คุมอาวุธครบมือในสถานที่ปิดอันห่างไกลไร้ทางหนี และเหล่านักโทษก็ได้วางแผนแหกคุกมาอย่างแยบยลอีกด้วยครับ
ช่วงครึ่งแรกของภาพยนตร์จึงเต็มไปด้วยความเข้มข้นและลุ้นระทึกตามแบบฉบับภาพยนตร์แอ็คชั่นยุค 80 ยกระดับความมันมากขึ้นเมื่อเหล่านักโทษเดนตายทุกคนพร้อมจะสังหารผู้คมทุกคนที่ขวางหน้าแบบฟันเป็นฟัน ยิงเป็นยิง ฆ่าเป็นฆ่า จึงทำให้ฉากแอ็คชั่นของภาพยนตร์นั้นอัดแน่นไปด้วยความดุดันหนักหน่วง และชวนให้ผู้ชมเริ่มติดตามกับสถานการณ์ตรงหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ยังไม่ทันได้รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวทั้งหมด Project Wolf Hunting ก็แสดงความกล้าหาญด้วยการก้าวข้ามจากภาพยนตร์แอ็คชั่นสูตรสำเร็จ และพัฒนาตัวเองให้กลายเป็นภาพยนตร์แนว Slasher ผสมผสานกับความเป็น Sci-Fi ครับ
1
เมื่อสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวนั้นตื่นขึ้นจากความหลับใหล และเริ่มออกล่ามนุษย์ทุกคนอย่างโหดเหี้ยม ทุกตัวละครในเรื่องจึงเหลือเป้าหมายเพียงอย่างนั้นซึ่งก็คือ การต่อสมหายใจของตัวเองออกไปให้นานที่สุดครับ การพลิกเรื่องราวครั้งสำคัญนี้ก็ยิ่งทำให้ภาพยนตร์ทวีความเลือดสาด และประเคนฉากแอ็คชั่นให้กับเรื่องราวมากขึ้นจนแทบไม่มีเวลาหายใจครับ
อย่างไรก็ตาม บทภาพยนตร์ของ Project Wolf Hunting ลืมมอบสิ่งที่สำคัญที่สุดให้กับผู้ชมครับ และสิ่งนั้นก็คือการทำให้ผู้ชมรู้จัก หลงรัก และเอาใจช่วยตัวละครในเรื่อง ปัญหาสำคัญก็คือภาพยนตร์พยายามเล่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครด้วยบทสนทนาหรือเหตุการณ์สั้นๆ เพื่อสื่อความหมายด้วยเวลาที่น้อยที่สุด
แต่ผลลัพธ์ของมันกลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงครับ ผู้ชมสัมผัสไม่ได้เลยว่าตัวละครเป็นใคร มีความสัมพันธ์กันอย่างไร มีปูมหลังและที่มาอย่างไร หรือกระทั่งมีพันธกิจหลักอะไรกันแน่ ทุกการตัดสินของตัวละครที่ปรากฏขึ้นบนจอจึงกลายเป็นเรื่องที่ชวนส่ายหัว แม้จะเต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นที่ดี แต่การสังหารหมู่ที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้นำพาเรื่องราวไปสู่อะไรเลย การหลั่งเลือดจำนวนมหาศาลของภาพยนตร์จึงกลายเป็นเรื่องไร้ความหมาย และมีไว้เพื่อตอบสนองความสะใจเพียงเท่านั้นครับ
หลายเงื่อนไขที่ภาพยนตร์เลือกปูเอาไว้ตั้งแต่ต้นเรื่อง โดยเฉพาะกับการที่เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในสถานที่ปิดอันห่างไกล ภาพยนตร์ก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ได้มากเท่าไรนัก
ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างตัวละครหลัก ก็ถูกจับยัดลงมาในช่วงองก์สุดท้ายของเรื่อง ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ แต่การอยู่ผิดที่ผิดเวลาจนเกินไปก็ทำให้ปมดังกล่าวขาดน้ำหนัก และไม่สามารถกอบกู้เรื่องราวทั้งหมดกลับเข้ารูปเข้ารอยได้สำเร็จ นอกจากนี้เมื่อภาพยนตร์เฉลยความลับทั้งหมดที่เก็บงำเอาไว้ตลอดทั้งเรื่อง ก็กลับเป็นประเด็นที่ขาดความสดใหม่และไม่ได้ยากเกินคาดเดาอีกด้วยครับ
สุดท้ายนี้หากเปรียบภาพยนตร์เรื่อง Project Wolf Hunting เป็นดนตรี ก็นับเป็นดนตรีที่เล่นอยู่เพียงแค่โน้ตเดียว เล่นย้ำเล่นซ้ำอย่างไร้จุดหมาย และไม่สามารถประกอบร่างตัวเองให้กลายเป็นเพลงได้สำเร็จครับ แน่นอนว่าผมไม่ได้คาดหวังถึงศิลปะชั้นสูงจากภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่แล้ว หากแต่การเล่าเรื่องของภาพยนตร์ ตัวละคร การแสดง และองค์ประกอบแทบทุกอย่างของเรื่องนั้นล้มเหลวอย่างไม่น่าเชื่อ จนทำให้ฉากแอ็คชั่นซึ่งเป็นจุดขายของภาพยนตร์นั้น กลายเป็นการนองเลือดอย่างฟุ่มเฟือยและไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์อย่างสิ้นเชิงครับ
#ประเด็นตกผลึก
ประเด็นตกผลึกจากภาพยนตร์เรื่อง Project Wolf Hunting ที่ผมจะชวนผู้อ่านทุกท่านมาคุยกันในวันนี้ก็คือ
ทันทีที่เสียการควบคุม มนุษย์ทุกคนย่อมเผชิญกับชะตากรรมเดียวกัน
ภาพยนตร์เริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการปกครองครับ โดยโฟกัสที่ภารกิจส่งตัวนักโทษเดนตาย 47 คน ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่อาวุธครบมือราว 20 นาย แต่พวกเขาก็ประมาทเลินเล่อจนทำให้ภารกิจเกิดข้อผิดพลาด และทำให้เหล่านักโทษสามารถแหกคุกออกมาจากการจองจำได้สำเร็จ ด้วยจำนวนคนที่มากกว่าบวกกับความไม่มีอะไรจะเสียของเหล่านักโทษ ทำให้พวกเขาพลิกขั้วอำนาจขึ้นมาเป็นชนชั้นปกครองได้ในทันทีครับ
ระหว่างที่การต่อสู้เพื่อแย่งชิงการควบคุมของเหล่าผู้คมและนักโทษกำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น ภาพยนตร์ก็โยนคำถามใหญ่ใส่ผู้ชมครับว่า อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อมนุษย์ไม่ได้เป็นจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารอีกต่อไป โดยภาพยนตร์เล่าเรื่องราวผ่านตัวละครลับของเรื่อง ซึ่งถูกบรรยายสรรพคุณเอาไว้ว่า แข็งแกร่งมากกว่าผู้ชาย 5 คนรวมกัน, มีพันธุกรรมของหมาป่าผสมอยู่ และสามารถมองเห็นได้ในที่มืด ตัวละครลับนี้เป็นดั่งสัตว์ร้ายที่พร้อมออกล่า โดยที่ไม่สนใจครับว่าเหยื่อของมันจะเป็นนักโทษหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจกันแน่
แม้จะมีคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจ เมื่อความดีความชั่วนั้นไม่ใช่เส้นแบ่งของการเอาชีวิตรอด แต่กลับกลายเป็นความเป็นมนุษย์ที่ต้องร่วมมือกันต่อกรกับสิ่งที่ชั่วร้ายแทน แต่ภาพยนตร์ก็ไม่ได้เลือกยึดเกาะประเด็นดังกล่าวเป็นสำคัญ และมุ่งเน้นจะเสิร์ฟฉากแอ็คชั่นเลือดสาดให้กับเรื่องราวเพียงอย่างเดียว จนทำให้ประเด็นของเรื่องนั้นขาดความชัดเจน และจางหายไปกับกลิ่นคาวเลือดของภาพยนตร์นั่นเองครับ
#ProjectWolfHunting #เรือคลั่งเกมล่าเดนมนุษย์ #Filmment
โฆษณา