5 พ.ย. 2022 เวลา 08:48
ฎีกาที่ 1521/2564
แม้โจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานอ้างสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.2 เป็นพยาน และยื่นเอกสารดังกล่าวต่อศาลกับส่งให้จำเลยทั้งสองซึ่งสำเนาเอกสารนั้นก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคหนึ่ง และมาตรา 90 ก็ตาม แต่มาตรา 87 (2) บัญญัติว่า แต่ถ้าศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของอนุมาตรานี้
ให้ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ เมื่อสัญญาเช่าซื้อ เอกสารหมาย จ.2 เป็นพยานสำคัญในคดี ทั้งจำเลยทั้งสองมีโอกาสถามค้านและนำพยานหลักฐานเข้าสืบหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ ไม่ทำให้จำเลยทั้งสองต้องเสียเปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใด การที่ศาลชั้นต้นรับฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติในเบื้องต้นว่า โจทก์เป็นผู้เช่าซื้อรถตู้โดยสารประจำทาง หมายเลขทะเบียน 10 – 4411 สุราษฎร์ธานี
ซึ่งเป็นกรณีที่ถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมในการที่จะให้การวินิจฉัยชี้ขาดประเด็นสำคัญในคดีเป็นไปด้วยความเที่ยงธรรม จำต้องสืบพยานหลักฐานสำคัญนั้น ศาลจึงมีอำนาจรับฟังสัญญาเช่าซื้อ เอกสารหมาย จ.2 เป็นพยานหลักฐานของโจทก์ได้ เมื่อโจทก์มีนายวิโรจน์ ผู้รับมอบอำนาจ เบิกความประกอบสัญญาเช่าซื้อ เอกสารหมาย จ.2 ยืนยันว่าโจทก์เป็นผู้เช่าซื้อรถตู้โดยสารประจำทางคันเกิดเหตุ
โดยจำเลยทั้งสองไม่นำพยานมาสืบหักล้างข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้เช่าซื้อรถตู้โดยสารคันเกิดเหตุ เมื่อจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดให้รถตู้โดยสารประจำทางคันเกิดเหตุที่โจทก์เช่าซื้อได้รับความเสียหาย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษามานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา