9 พ.ย. 2022 เวลา 09:36 • อาหาร
“ไอติมไม้แดงหน้าโรงเรียน”
คนรุ่น “แฟนฉัน” หรือหลังมาหน่อยที่ทันยุคดิจิทัลซึ่งชอบท่องอินเทอร์เน็ตน่าจะรู้จัก “ไอติมไม้แดง” เหมือนผม ผมเคยกินและได้มันมาครั้งสองครั้ง แต่ก็เพิ่งมารู้ตอนโตว่า มันคือการตลาด (Marketing) หรือโปรโมชั่น (Promotion) แบบการขายเชิงรุกของนักการตลาดสมัยนี้ เป็นที่รู้กันว่า คนที้ซื้อไอติมกินและได้ “ไม้แดง” จะได้กินไอติมฟรีอีก 1 แท่ง แต่ก่อนจะโตก็รู้แล้วว่า การปลอมไม้แดงไม่ใช่เรื่องยาก มีอยู่ทั่วไป สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง และมีทั้งที่จบอร่อย และจบแบบบู๊ระคนเศร้าเคล้าน้ำตา
1
พ่อค้าไอติมหลอดตลาดแม่กลอง ริมสถานีรถไฟร่มหุบ จังหวัดสมุทรสงคราม
พ่อค้าไอติมคนแรกในชีวิตของผมคือ “ลุงเปี๊ยก” บ้านแกอยู่ข้างวัดน่วมฯ ทางไปบ้านทุ่งนาใหม่ ติดกับหมู่บ้านปากบ่อของผม แกจะขับเรืออีแปะลำเล็กมีถังสแตนเลสสี่เหลี่ยมขนาดเต็มลำเรือพอดี แน่นอนว่าในถังมีไอติมอยู่เต็ม ลุงเปี๊ยกจะตั้งต้นออกจากบ้านนาใหม่ล่องมาตามคลองปากบ่อ เสียงเครื่องยนต์โรแทกซ์ดังสลับเบา ช่วงผ่อนคันเร่งเบาเรือจะทำไปพร้อมสั่นกระดิ่งตลอดทาง ถึงหน้าบ้านผมช่วงบ่ายสองโมงทุกวันเหมือนตั้งเวลาไว้
ทั้งเด็กผู้ใหญ่นั่งรอสลอนบนสะพานหรือศาลาท่าน้ำบ้านใครบ้านมัน พอเรือจอดได้ที่ ลุงเปี๊ยกยิ้มง่าย ๆ เปิดฝาถังออก เปิดปากถามแบบไม่ได้หวังคำตอบเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าลูกค้าคอยืดคอยาวสำรวจของในถัง ไอเย็นจากถังพลุ่งขึ้นปะทะหน้า กลิ่นครีมเนยนมซัดใส่จมูก เป็นความรู้สึกเหมือนได้รับการบำบัดฤทธิ์อยากไอติมที่เรื้อรังมาเป็นเวลา 24 ชั่วโมงเต็ม
ในถังไอติมของลุงเปี๊ยกมีไอติมสองแบบ แบบแรกเป็นไอติมครีมที่ควรจะต้องเรียกว่า “ไอศกรีม” (Ice Cream) รสกะทิ วานิลลา ทุเรียน โอวัลติน และกาแฟ เป็นไอติมชิ้นใหญ่ยาวห่อด้วยกระดาษสีขาว เมื่อมีคนสั่งลุงเปี๊ยกจึงจะใช้มีดตัด เอาไม้เสียบยื่นส่งให้
อีกแบบเป็น “ไอติม” (Popsicle) รสน้ำผลไม้ เช่น ส้ม สละ สับปะรด องุ่น โค้ก น้ำเขียว และน้ำแดง เป็นไอติมแท่งกลมยาวแบบที่เด็ก ๆ ชอบเพราะมีรสเปรี้ยวหวาน ดูดเลียชื่นใจได้ทั้งวันไม่รู้เบื่อ
เวลานั่งกินไอติมแท่งแบบนี้กับเพื่อน ๆ พี่น้องวัยไล่เลี่ยกัน เราจะค่อยละเลียด ใช้ลิ้นเลียเบา ๆ ไม่ยอมกัด แข่งกันว่า ของใครจะเหลือเป็นคนสุดท้าย แต่ปัญหาอย่างหนึ่งคือ เรื่องไม้แดงตรงโคนไม้ หากโคนไม้ไอติมของใครมีสีแดงที่ลุงเปี๊ยกทาไว้จะได้ไอติมฟรีอีก 1 แท่ง ดังนั้นถ้าอยากได้ลุ้น อยากได้ฟรี ก็ต้องกัดตรงโคนก่อนที่ลุงเปี๊ยกจะจากเราไปขายให้บ้านอื่น ลุ้นเสร็จแล้วค่อยมาละเลียดส่วนที่เหลือกันต่อ
กินไอติมลุงเปี๊ยกจนจบประถม ต้องเข้าไปต่อมัธยมในตัวเมือง ทิ้งชีวิตเด็กคลองขึ้นรถสองแถวเข้าตลาดมหาชัย ด้วยความอยากเป็นคนมีการศึกษา เพื่อนเด็กบ้านสวนส่วนใหญ่ออกจากโรงเรียนช่วยพ่อแม่ทำงาน ไม่ค่อยมีใครสนใจเรียนต่อ ระยะห่างความสัมพันธ์ในวัยเด็กก็เพิ่มมากขึ้นทุกที หันไปคบเด็กในตลาด ทำให้ก๋วยเตี๋ยวเรือลุงสัก กระจับและถั่วต้มป้ามา และไอติมลุงเปี๊ยกก็เริ่มห่างหายไปจากชีวิตพร้อมกับเพื่อน ๆ เด็กบ้านสวน
ก็น่าที่จะลืมลุงเปี๊ยก เพราะที่โรงเรียนใหม่มีไอติมหลอดสีสวยละลานตากว่า คนขายปั่นจักรยาน มีถังไอติมอยู่ตรงที่นั่งซ้อนท้าย จอดรอพวกเราอยู่หน้าโรงเรียนก่อนโรงเรียนเลิกทุกวัน จอดอยู่อย่างนั้นไม่ไปไหน ไม่เร่งให้เรารีบกัดไอติมเหมือนลุงเปี๊ยก พวกเราจึงชอบยืนล้อมจักรยานไอติมหลอด กินไปลุ้นไม้แดงไป บ่อยครั้งกินกันจนไอติมในถังแข็งไม่ทัน
ช่วงที่ไอติมแข็งไม่ทันนี่แหละ ที่เราจะได้แอบดูคนขายไอติมหยอดน้ำหวานลงในแม่พิมพ์และเสียบไม้ คอยดูว่าคนขายใส่ไม้แดงไว้ตรงไหน แม้จะพยายามช่วยกันดู ช่วยกันจำ แต่คนขายก็เหมือนแกล้ง คอยหมุนถังไปมาแรง ๆ กระตุ้นน้ำแข็งและเกลือให้ออกฤทธิ์ทำให้ไอติมแข็งไว ๆ ที่สุดก็จำไม่ได้ว่าไม้แดงอยู่หลอดไหน
ตลาดมหาชัยมีคนขายไอติมหลายราย แต่ละรายมักจะยึดหน้าโรงเรียนคนละแห่ง ไม่แย่งลูกค้ากัน โรงเรียนของผมอยู่ห่างตัวตลาดมาประมาณ 1 กม. เป็นโรงเรียนชายประจำจังหวัด ฝั่งตรงข้ามถนนสายรองเป็นโรงเรียนประถมเอกชนขนาดใหญ่ รอบ ๆ โรงเรียนไม่ถึงกับพลุกพล่านแต่ก็มีรถวิ่งและคนคึกคัก เชื่อเลยว่าใครได้ที่ขายขนมของกินเช้า ๆ เย็น ๆ ตรงนี้ขายดีแน่นอน มีรถน้ำอัดลม น้ำแข็งไส ลูกชิ้น ไส้กรอก ลูกตุ้ม ถังแตก และไอติมหลอดจอดแออัดยัดเยียดทุกวัน
น่าแปลกที่เด็กมัธยมในเมืองอย่างพวกเราไม่เคยอยากรู้ว่าคนขายไอติมหน้าโรงเรียนของเราชื่ออะไร ไม่เหมือนเรือขายขนม ไอติม ก๋วยเตี๋ยว และถังแตกในคลองหน้าบ้านสวน เด็ก ๆ รู้จักชื่อคนขายดีทุกคน รู้ด้วยว่าบ้านอยู่ไหน มีเมียมีผัวชื่ออะไร มีลูกกี่คน ลูกคนที่อายุรุ่นเดียวกับเราชื่ออะไร และเราก็ล้อชื่อพ่อชื่อแม่มันทุกวัน
ผมรู้แค่ว่า วันธรรมดาตอนบ่าย ๆ คนขายไอติมหลอดก็มาจอดรถหน้าโรงเรียน เสาร์อาทิตย์ แกก็มักจะขี่จักรยานตระเวนไปตามตรอกซอกซอยในตลาดและรอบนอก ตรงแฮนด์จักรยานมีกระดิ่ง แกจะสั่นกระดิ่งกรุ้งกริ้งตลอดทาง บางทีก็ส่งเสียงเรียกคน “ไอติมมาแล้ว ไอติม“ บางทีก็กระตุ้นการขายด้วยประโยคที่ทำให้เรามีความหวัง “ไม้แดงยังไม่ออก”
เด็กกับไอติมเกิดมาคู่กัน เปรียบกับอะไรดีล่ะ ปาท่องโก๋กับนมข้นหวาน โดราเมอนกับโนบิตะ ไอโฟนกับโหมดถ่ายภาพ หรือนักข่าวสายบันเทิงกับลีน่าจัง เมื่อเด็กอยากกินไอติมแต่ตังค์มีจำกัด ถ้าเป็นเด็กธรรมดาก็แค่รอวันใหม่ แต่ผมมีเพื่อนที่ไม่ธรรมดาอยู่หลายคน โดยเฉพาะคนที่อยากกินไอติมฟรีอย่างต่อเนื่องในวันเดียว วิธีการของมัน คือ “ไม้แดงปลอม”
ไม้แดงปลอม ที่ไหน ๆ ก็มี คนรักอาชีพขายไอติมน่าจะโดนกันมาแล้วทั้งนั้น ยิ่งช่วงขายดีคนมุงมากก็ยิ่งโดนมาก คนขายยอมเหนื่อยหัวหมุนเพื่อที่จะกลับไปถึงบ้านนับตังค์และพบว่าทุนหายกำไรหด โดยเฉพาะเด็กแสบที่รอจังหวะเพื่อน ๆ รุมล้อม ตะโกนแข่งกัน คนนั้นจะเอาอันนี้ คนนี้จะเอาสีนั้น รับตังค์ ทอนตังค์ เติมน้ำหวานลงพิมพ์ และก็สบโอกาสให้คนโกงยื่นไม้แดงปลอมส่งให้ช่วงชุลมุน
จนคนขายต้องทำไม้แดงเป็นพิเศษ เปลี่ยนรูปแบบบ่อย ๆ ออกกฎรับแลกชัดเจนว่า ให้คนที่ซื้อกินแล้วต้องการจะแลกไอติมฟรีให้กัดกินให้เห็นไม้แดงตรงนั้น ถ้าเดินออกไปจากตรงนั้นแล้ว หรืออ้างว่ากินไว้วันก่อนจะไม่มีการรับแลกเด็ดขาด
ภาพโฆษณาไอติมหลอดทรงเครื่องของโรงงานผลิตถังไอติมทางภาคอีสานแห่งหนึ่ง
ไอ้น้อย ลูกยายช้อย หมอตำแยและหมอนวดประจำบ้านปากบ่อ บ้านอยู่หลังวัด คู่ปรับกับผมมาตั้งแต่เข้า ป.1 ตอนนั้นไอ้น้อยอยู่ป.3 มันเก่งกล้าสามารถมากโดยเฉพาะกับเด็กกว่า ตอนพี่ชายผมยังอยู่มันก็แค่เอาทีเผลอ พอพี่ชายผมจบป.6 ไอ้น้อยก็ขึ้นป.6 เหลือผมอยู่ป.4 คนเดียว ทีนี้ไอ้น้อยคอยมาจองเวรไม่เลิก วันที่มันเลิกซ่าได้ก็เพราะไม้แดงที่มันทำปลอมมาหลอกกินไอติมฟรีของมันนี่แหละ
วันนั้นมีงานลอยกระทงที่วัดปากบ่อ ที่วัดคึกคักแต่เช้า ลุงเปี๊ยกไม่ได้ขับเรือล่องไปทางปลายคลองผ่านหน้าบ้านผมเหมือนทุกวัน แต่วกมาจอดที่ท่าน้ำหน้าวัดรอคนมางานวัดเสียเลย เด็ก ๆ ได้ยินกระดิ่งและได้กลิ่นไอติมลุงเปี๊ยกตั้งแต่สาย ๆ แล้ว ในห้องเรียนผมกับเพื่อน ๆ คุยกันว่าจะรีบกินข้าวกลางวันแล้ววิ่งไปซื้อไอติมลุงเปี๊ยกให้ทันกลับมาเข้าเรียนช่วงบ่าย
ไอติมหลอดตอนนั้นแท่งละบาท ได้กินอย่างมากวันละไม่เกิน 2 แท่ง จนเกิดความฝันแบบเด็ก ๆ ว่าโตขึ้นอยากเป็นคนขายไอติม ถึงตอนนี้ความฝันที่ว่าก็ยังอยู่ ไม่ใช่ปั่นจักรยานหรือขับเรือแบบลุงเปี๊ยก แต่ฝันว่าอยากเปิดร้านไอติมเท่ ๆ คูล ๆ ที่บ้านสวนริมคลองปากบ่อ
ช่วงพักกลางวัน ระหว่างที่พวกเรานั่งกินข้าวอยู่ในโรงอาหารริมอู่เรือข้างวัด ผมเห็นไอ้น้อยเดินมาจากทางบ้านพักภารโรง ในกระเป๋ากางเกงของมันมีของอะไรบางอย่างตุงผิดสังเกต แต่ที่ถือว่าเด็ดกว่า มือของมันเปื้อนสีแดง
1
ลำพังผมไม่กล้าเปิดศึกกับรุ่นพี่หรอก แต่เพื่อน ๆ ของผมมันกล้าบอกครู กล้าบอกลุงเปี๊ยก และกล้าบอกยายช้อยที่มาช่วยงานอยู่ในโรงครัววัดพอดี วันนั้นผมกับเพื่อน ๆ แม้จะไม่ได้ไม้แดงแต่ก็ได้กินไอติมฟรีคนละ 1 แท่ง ส่วนไอ้น้อยได้กินไอติมฟรีด้วย ได้กระทงด้วย มันรับไป 2 กระทง กระทงที่ค่อนข้างหนักเป็นของยายช้อย ข้อหาที่ทำให้แกอับอายต่อหน้าธารกำนัล ส่งผลให้ไอ้น้อยกลายเป็นคนดีของสังคมมาจนกระทั่งทุกวันนี้
1
โฆษณา