8 พ.ย. 2022 เวลา 09:35 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Black Panther (2018) – เสือดำแห่งวาคานด้า
ย้อนไปนึกถึงในช่วงที่โลกยังคงตื่นเต้น และตื่นตากับการดูภาพยนตร์ในโรง และมันถูกปกคลุมด้วยความฟีเวอร์ของหนังซูเปอร์ฮีโร่อย่างมาร์เวล ซึ่งเป็นแบรนด์ที่แสนแข็งแรงและกำลังเดินไปสู่บทสรุปสามเฟสในสงคราม Infinity War แต่ก่อนที่หนังเรื่องนั้นจะเข้าฉาย มาถูกโหมโรงด้วยหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องแรก ที่มาพร้อมนักแสดงนำและชุดนักแสดงเป็นคนผิวดำเกือบทั้งหมด โดยมี แชดวิค โบสแมน แสดงนำ และได้ ไรอัน คูกเลอร์ จาก Fruitvale Station และ Creed มารับหน้าที่กำกับ Black Panther ในฐานะหนังฟอร์มยักษ์เรื่องแรกของเขา
Black Panther บอกเล่าเหตุการณ์หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นใน Captain America : Civil War ที่ทีชาคา บิดาของทีชัลล่าสวรรคตลง และทำให้ทีชัลล่า สืบทอดอำนาจขึ้นครองราชย์แทนในฐานะกษัตริย์องค์ใหม่ของดินแดนวาคานด้า แดนลับแลที่ทั่วทั้งโลกรู้จักกัน ในภาพของประเทศแร้นแค้น
แต่เนื้อแท้คือประเทศที่ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง จากภูมิประเทศที่ตั้งอยู่บนแร่ธาตุไวเบรเนียม แต่ก็เต็มไปด้วยการแบ่งแยกไปด้วยหมู่ชนที่ขึ้นตรงกับดินแดน แต่ทว่าการสืบทอดตำแหน่งครั้งนี้ไม่ใช่ง่าย ๆ เมื่อทีชัลล่าต้องเผชิญกับศัตรูที่หวังมาแย่งบัลลังก์จากเขาไป
Black Panther เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่เดี่ยวเรื่องที่สามในเฟสที่ 3 ของ MCU ตามหลัง Doctor Strange และ Spider-Man : Homecoming ซึ่ง Black Panther ยังรักษาซึ่งแนวทางของหนังมาร์เวล ในการบอกที่มาที่ไปของซูเปอร์ฮีโร่รายนี้ แต่ต่างกันตรงที่ ในครั้งนี้หนังเปิดมาด้วยการเล่าถึงที่มาที่ไปของประเทศวาคานด้าที่แสนมั่งคั่ง แต่เป็นประเทศโลกที่สามในสายตาชาวโลก ที่มาจากการร่วมมือร่วมใจของทั้งห้าชนเผ่า
หนังจึงเต็มไปด้วยวัฒนธรรมชนเผ่า ที่ถูกผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ทั้งการแสดงให้เห็นถึงภูมิทัศน์ของเมืองที่ดูทันสมัย แต่ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเรียบง่ายและพอประกอบเข้ากับงานดีไซน์เสื้อผ้า งานสร้างและดนตรีประกอบ ทำให้ Black Panther ดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่มีความเป็นเอกเทศและแตกต่างพอสมควร
อีกทั้งหนังก็พูดถึงอำนาจ จากการปกครองประเทศในฐานะกษัตริย์และการครอบครองไวเบรเนี่ยม นั่นทำให้หนังฮีโร่เรื่องนี้ มาพร้อมประเด็นที่ดูน่าสนใจมากที่สุดเรื่องนึง หนังทั้งเรื่องจึงเต็มไปด้วยการแสดงอารยธรรมแบบชนเผ่าแอฟริกันและธรรมเนียมประเพณีที่น่าตื่นตา แทรกด้วยอารมณ์ขันและฉากแอ็คชั่นในปริมาณที่พอเหมาะ ตามขนบหนังมาร์เวลโดยแท้
ส่วนที่ดีสำหรับหนังเรื่องนี้ นั่นก็คือ เราอยากจะชมทุกองค์ประกอบ ทั้งการกำกับของไรอัน คูกเลอร์ ที่คุมงานได้อยู่มือ และแทรกเรื่องประเด็นทางสังคมและทางการเมืองได้อย่างคมคาย แถมยังเป็นผู้กำกับ ฯ ที่มีวิสัยทัศน์ที่ดี ในการนำเสนอประเทศวาคานด้า และตีความฮีโร่ Black Panther ทั้งในฐานะฮีโร่และกษัตริย์ได้อย่างน่าสนใจ
ซึ่งนั่นทำให้เนื้อเรื่องที่ดูเดิม ๆ กลับน่าติดตาม ได้ด้วยการดีไซน์ตัวละครให้มีมิติมากขึ้น ทั้งตัวละครของทีชัลล่า และโดยเฉพาะอีริค คิลมองเกอร์ ที่น่าจะเป็นหนึ่งในตัวร้ายที่น่าจดจำของจักรวาล MCU ไปเลย
ส่วนต่อมาก็คือ นักแสดง ที่แม้ แชดวิค โบสแมน จะรับบทเป็นราชาผู้ปกครองได้น่าเกรงขามและฮีโร่ที่ดูเท่ แต่ทั้งเรื่องก็เต็มไปด้วยชุดนักแสดงอื่น ๆ ที่รับบทได้อย่างจดจำ ทั้ง ไมเคิล บี. จอร์แดน ที่สวมบทเป็นวายร้ายได้ลุ่มลึกและโดดเด่นเทียบเท่าทีชัลล่า
รวมถึงนักแสดงสมทบรายอื่น ๆ ทั้ง ลูพิต้า ยองโก, ดาไน กูริรา, เลธิเทีย ไรท์, ฟอร์เรส วิทเทเกอร์, แอนดี้ เซอร์กิส หรือแม้กระทั่ง มาร์ติน ฟรีแมน ก็ต่างมีช่วงเวลาน่าจดจำแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะตัวละครหญิงสามตัวหลัก ๆ ในบทนาเคีย, โอโคเย่ และ ชูริ ที่ดึงเคมีได้โดดเด่นน่าประทับใจ
นอกจากเหนือจากนี้คือ งานสร้างและดนตรีประกอบ เพราะนี่คงเป็นหนังในมาร์เวลไม่กี่เรื่อง ที่มีงานสร้างและดนตรีประกอบโดดเด่นและแตกต่าง และเป็นที่น่าจดจำได้ง่าย ทั้งงานสร้างที่ผสมผสานวัฒนธรรมแอฟริกาให้เข้ากับความเป็นสมัยใหม่ ทั้งในเรื่องฉากงานสร้างและด้านเสื้อผ้าก็ถือว่าเป็นส่วนที่ทำได้สร้างสรรค์ งานดนตรีประกอบก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สร้างให้วาคานด้าและตัวหนัง Black Panther ดูมีความเป็นเอกเทศและน่าจดจำได้มากขึ้น สมราคาออสก้าร์อยู่ไม่เบาเลยทีเดียว
แม้จะน่ายินดีทุกองค์ประกอบ แต่ส่วนเสียก็ยังเป็นการที่หนังยังติดกรอบ Marvel Standard เช่นเคย ซึ่งเป็นสิ่งที่รั้งแทบทุกเรื่องไม่ให้ไปไหน ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องนี้ ซึ่งถึงแม้ Black Panther จะมาพร้อมประเด็นนัยยะที่ซ่อนแฝงบาดลึก แถมมาพร้อมกับการแสดงของชุดนักแสดงที่ดีเยี่ยมและงานสร้างที่โดดเด่น แต่ด้วยมาตรฐานและกรอบของมัน ทำให้รันไทม์ของหนังสุดอยู่แค่ 2 ชั่วโมง นั้นคือ หนังไม่ได้ทำหน้าที่สำรวจ และได้เพียงแค่ “แตะ” ประเด็นการแบ่งแยกถึงชนชั้นได้เพียงบาง ๆ เท่านั้น
สรุปแล้ว Black Panther คือหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่มีพร้อมกับประเด็นที่คมคายน่าสนใจ ทั้งประเด็นแบ่งแยกทางชนชั้น-สังคมและทางการเมืองที่มาถูกที่ถูกเวลากับสถานการณ์ปัจจุบัน เสียดายที่หนังสามารถขยี้ไปให้สุดมากกว่านี้อีก แต่กระนั้นหนังก็เต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นดีไซน์เท่ ๆ ชุดนักแสดง-การกำกับ-งานสร้างที่โดดเด่นมีเอกลักษณ์มาก ถือเป็นใบเบิกทางไปยังมหาสงคราม Infinity War ได้อย่างดี
4 / 5
Black Panther (2018)
Directed by Ryan Coogler
Written by Ryan Coogler & Joe Robert Cole
Based on "Black Panther" by Stan Lee & Jack Kirby

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา