19 พ.ย. 2022 เวลา 03:30
ฎีกาที่ 2559/2559
จำเลยให้การต่อสู้ว่า หนังสือสัญญากู้เงินดังกล่าวไม่สมบูรณ์ เพราะจำเลยไม่ได้รับเงินกู้ตามสัญญา แต่กลับให้การต่อไปว่า แม้หากหนี้จะมีอยู่จริงตามหนังสือสัญญากู้เงินดังกล่าว หนี้ก็ยังไม่ถึงกำหนดชำระ เป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้งและขัดแย้งกันเองไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง จึงไม่มีประเด็นนำสืบตามข้อต่อสู้ดังกล่าว
แต่ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธ ทางนำสืบของโจทก์ได้ความว่า จำเลยกู้เงินจากโจทก์ 2 ครั้ง และได้รับเงินจากโจทก์ครบถ้วนแล้ว ซึ่งสัญญากู้เงินดังกล่าวระบุว่าจำเลยได้รับเงินไปครบถ้วนแล้วตั้งแต่วันทำสัญญาโดยมีหนังสือสัญญากู้เงินมาเป็นหลักฐานสนับสนุน นอกจากนี้ยังได้ความจากนางวิยดี กรรมการผู้จัดการของจำเลยได้มอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของนางวิยดี กับหนังสือรับรองบริษัทจำเลยให้โจทก์ ซึ่งมีการขีดคร่อมและเขียนข้อความว่าใช้ในการกู้เงินโจทก์ยอด 500,000 บาท อีกด้วย
เป็นการยืนยันว่าจำเลยกู้เงินจากโจทก์ตามฟ้องจริง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรับผิดตามหนังสือสัญญากู้เงิน ส่วนที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยทำหนังสือสัญญากู้เงินดังกล่าวให้โจทก์เพื่อเป็นการประกันความเสียหายของงานที่โจทก์มอบให้นั้น จำเลยมีนางวิยดีเพียงปากเดียวมาเบิกความลอยๆโดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดมาสนับสนุน จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง
คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายให้ปรากฏข้อเท็จจริงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว จึงเป็นคำฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้คำฟ้องของโจทก์ไม่ได้บรรยายถึงระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทยก็ตาม แต่ระเบียบของธนาคารดังกล่าวเป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณา
โจทก์จึงมีสิทธินำสืบถึงระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทยได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเปิดบัญชีธนาคารโดยมีเงื่อนไขให้นางวิยดีกรรมการผู้มีอำนาจลงนามแต่เพียงผู้เดียวในการสั่งจ่ายเช็คของจำเลยโดยไม่ต้องประทับตราบริษัทซึ่งทำได้โดยชอบตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อจำเลยโดยนางวิยดีลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งห้าฉบับให้โจทก์เพื่อชำระหนี้เงินกู้ โดยจำเลยไม่มีพยานหลักฐานมาพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่าเช็คพิพาทดังกล่าวจำเลยสั่งจ่ายเพื่อค้ำประกันความเสียหายของงานที่โจทก์ส่งให้จำเลยทำ
แม้เช็คพิพาทดังกล่าวไม่ได้ประทับตราบริษัทจำเลยก็มีผลผูกพันจำเลย แต่เนื่องจากจำเลยออกเช็คพิพาททั้งห้าฉบับเพื่อชำระหนี้เงินกู้ เมื่อเช็คถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจึงเท่ากับยังไม่มีการชำระหนี้เงินกู้ ดังนั้น จำเลยต้องรับผิดชำระหนี้เงินกู้พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมายแก่โจทก์ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
โฆษณา