24 พ.ย. 2022 เวลา 06:14
ฎีกาที่ 8775/2559
คดีก่อนที่จำเลยที่ 1 กับพวกเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ในคดีนี้เป็นจำเลย โดยมีสภาพแห่งข้อหา คำขอบังคับ และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า โจทก์กับพวกร่วมกันกล่าวหาว่านางช่อแก้วมีส่วนร่วมในการใช้กลโกงเล่นการพนันในบ่อนสตาร์เวกัส ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยควบคุมตัวนางช่อแก้วไว้และข่มขู่ให้นางช่อแก้วโทรศัพท์ติดต่อนายวิฑูรย์ซึ่งเป็นสามีและญาติให้นำเงิน 90,000,000 บาท
มาไถ่ตัวนางช่อแก้ว มิฉะนั้นจะทำร้ายนางช่อแก้วให้ถึงแก่ชีวิต นายวิฑูรย์รวบรวมเงิน 22,000,000 บาท พร้อมทั้งโฉนดที่ดินของบุตรนางช่อแก้วและโฉนดที่ดินพิพาทของจำเลยที่ 1 ไปมอบให้พวกของโจทก์เป็นค่าไถ่ แก้วได้รับการปล่อยตัวกลับมายังประเทศไทย ต่อมาจำเลยที่ 1 ไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ตามที่โจทก์กับพวกข่มขู่
และมีคำขอในส่วนที่ดินพิพาทให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ส่วนคดีนี้จำเลยที่ 1 ฟ้องแย้งว่านายสมบูรณ์กับพวกกล่าวหาว่านางช่อแก้วก็มีส่วนร่วมเล่นการพนันที่บ่อนสตาร์เวกัส ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยใช้กลโกง จึงควบคุมตัวนางช่อแก้วไว้และข่มขู่นางช่อแก้วให้โทรศัพท์ติดต่อนายวิฑูรย์ซึ่งเป็นสามี
จำเลยที่ 1 และญาติพี่น้องให้นำเงิน 90,000,000 บาท มามอบให้นายสมบูรณ์เพื่อชำระหนี้การพนันและไถ่ตัวนางช่อแก้ว หากไม่นำเงินมาจะทำร้ายนางช่อแก้วให้ถึงแก่ชีวิต จำเลยที่ 1 กับพวกรวบรวมเงิน 22,000,000 บาท โฉนดที่ดินพิพาทและโฉนดที่ดินแปลงอื่นของบุตรนางช่อแก้วพร้อมหลักฐานการจดทะเบียนโอนที่ดินทั้งหมดมอบให้นายสมบูรณ์กับพวก เพื่อเป็นการไถ่ตัวนางช่อแก้วให้กลับมาโดยปลอดภัย
หลังจากนายสมบูรณ์ปล่อยตัวนางช่อแก้วกลับประเทศไทย จำเลยที่ 1 ไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นตัวแทนของนายสมบูรณ์ โดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้รับเงินค่าขายที่ดิน นิติกรรมการซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามตามกฎหมายตกเป็นโมฆะ
ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ดังนี้ คำฟ้องของจำเลยที่ 1 ทั้งสองคดีมีสภาพแห่งข้อหา คำขอบังคับ และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเป็นอย่างเดียวกันคือ โจทก์กับพวกร่วมกันข่มขู่จำเลยที่ 1 กับพวกให้นำเงินและโฉนดที่ดินมาไถ่ตัวนางช่อแก้วซึ่งเล่นการพนันโกงโจทก์กับพวก มิฉะนั้นจะทำร้ายนางช่อแก้วให้ถึงแก่ชีวิต
แม้จำเลยที่ 1 จะอ้างเหตุในคดีนี้ด้วยว่าการทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินพิพาทมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามตามกฎหมายตกเป็นโมฆะ แต่ก็เป็นเรื่องเดียวกันกับคดีก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง (1) ซึ่งมีความมุ่งหมายให้คดีเรื่องเดียวกัน สามารถฟ้องร้องว่ากล่าวกันได้เพียงคราวเดียว
เมื่อปรากฏว่าขณะคดีก่อนอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 1 ฟ้องแย้งโจทก์เป็นคดีนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 จึงเป็นฟ้องซ้อนต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว และเมื่อศาลมีคำพิพากษาวินิจฉัยชี้ขาดคดีก่อนให้ยกฟ้องแล้ว ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 วรรคหนึ่ง
ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นโดยวินิจฉัยว่าฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 เป็นฟ้องซ้อนและดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 470/2551 ของศาลชั้นต้นนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา