3 ธ.ค. 2022 เวลา 03:58
ฎีกาที่ 4120/2560
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 บัญญัติให้เป็นหน้าที่ของผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ ซึ่งค่าธรรมเนียมใช้แทนดังกล่าวนอกจากค่าทนายความแล้วยังรวมถึงค่าฤชาธรรมเนียมที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งต้องเสียไปด้วย เช่น ค่าขึ้นศาล ค่าส่งคำคู่ความ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี เป็นต้น ซึ่งค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีนั้น ต้องอยู่ในบังคับตามตาราง 7 ท้าย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โดยศาลอาจกำหนดให้คู่ความซึ่งต้องรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 ชดให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งได้ตามจำนวนที่ศาลเห็นสมควร โดยในคดีมีทุนทรัพย์ต้องไม่เกินร้อยละ 1 ของจำนวนทุนทรัพย์ หรือในคดีที่ไม่มีทุนทรัพย์ต้องไม่เกิน 5,000 บาท ซึ่งศาลต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่คู่ความได้เสียไปรวมทั้งลักษณะและวิธีการดำเนินคดีของคู่ความ อันเป็นดุลพินิจของศาล
ดังนั้น ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีจึงมิได้หมายความรวมถึง ค่าขึ้นศาล และค่าส่งคำคู่ความ ตามที่จำเลยที่ 1 ฎีกา การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาและให้จำเลยที่ 1 ใช่ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 10,000 บาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้เป็นพับนั้น จะเห็นได้ว่าเฉพาะค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีเท่านั้น ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมอื่นจำเลยที่ 1 ยังคงต้องใช้แทนให้แก่โจทก์อยู่
เมื่อคดีนี้ปรากฏว่ามีค่าธรรมเนียมใช้แทนเป็นค่าขึ้นศาล คำสั่งคำคู่ความ และค่าทนายความที่จำเลยที่ 1 ต้องวางต่อศาลชั้นต้นพร้อมอุทธรณ์เป็นเงินจำนวน 21,821 บาท แต่จำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์โดยนำเพียงค่าทนายความใช้แทน 10,000 บาท มาวางศาล จึงเป็นการไม่ชอบด้วยบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าว จำเลยที่ 1 จะอ้างว่าจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมใช้แทนเฉพาะในส่วนที่เป็นค่าทนายความตามที่เจ้าพนักงานศาลคิดคำนวณให้โดยสุจริตได้ไม่
เพราะเป็นหน้าที่ของผู้อุทธรณ์ที่จะต้องตรวจสอบให้ถูกต้องเสียก่อนที่จะยื่นอุทธรณ์และวางเงินค่าธรรมเนียมใช้แทน โดยสามารถขอสำเนาบัญชีแสดงค่าฤชาธรรมเนียมที่ผู้อำนวยการสำนักงานศาลยุติธรรมประจำศาลจัดทำขึ้นแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 169 นอกจากนี้ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ได้ทันทีโดยไม่ต้องกำหนดเวลาให้จำเลยที่ 1 วางเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนเพิ่มเติมให้ครบถ้วนเสียก่อนก็ได้
เพราะกรณีมิใช่เรื่องของการมิได้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลไม่ถูกต้องครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ซึ่งศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งให้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมให้ถูกต้องครบถ้วนได้เสียก่อนที่จะมีคำสั่งรับหรือไม่รับคำคู่ความ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 โดยไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ชอบแล้ว ส่วนฎีกาข้ออื่นของจำเลยที่ 1 เป็นฎีกาในเนื้อหาแห่งคดีเช่นเดียวกันกับในอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ที่ถูกยกไป
จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง (เดิม) ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
อนึ่ง จำเลยที่ 1 ฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่าศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายกอุทธรณ์ชอบหรือไม่ ซึ่งเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเพียง 200 บาท แต่จำเลยที่ 1 เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกามาอย่างคดีมีทุนทรัพย์เป็นเงิน 9,675 บาท จึงต้องคืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาส่วนที่เกินมาแก่จำเลยที่ 1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา