5 ธ.ค. 2022 เวลา 04:54 • ไลฟ์สไตล์
จะทำใจยังไง เมื่อความรักจบลง
1. เข้าใจความจริง
ทุกอย่างที่เราเข้าใจจะทำให้เราเจ็บน้อยลง จากสถิติงานวิจัย การที่คนเราเลิกกับอีกคนนึงนั้น พบว่าส่วนของสมองมันจะตอบสนองคล้ายกับว่า “เพิ่งมีคนรักตาย” หรือเสียชีวิต เพราะฉะนั้น สมองเนี่ยมันไม่รู้ว่าถ้าเกิดเรานั้นรักใครมากๆแล้วอยู่ดีๆเลิกหรือค่อยๆเลิกเนี่ยมันจะเหมือนกับคนๆนั้นได้ตายไปจากเราจริงๆ สมองมันคิดว่าเค้าคนนั้นเสียชีวิตไปแล้ว
เพราะฉะนั้นเวลาที่เราเห็นคนที่เค้าเสียคนรักไปในอุบัติเหตุ จำไว้ว่า อันนั้นคล้ายๆว่าร้ายแรงที่สุด แต่ร้ายแรงรองจากนั้นก็คืออยู่ดีๆต้องเลิกกับใครบางคน และบางครั้งร้ายแรงยิ่งกว่าเพราะว่าการที่เค้าจากไปเพราะอุบัติเหตุอย่างน้อยเรายังไม่สับสนว่าเราจะกลับไปคบได้อีกไหม เพราะเค้าจากเราไปแล้วจริงๆ เพราะเสียชีวิตแล้ว
แต่ว่าหลายครั้งเวลาเราเลิกกับใครคนนึงไม่ว่าจะเป็นเราเองหรือว่าเค้ามาเลิกกับเราเนี่ย มันจะมีความสับสนปนเข้ามาอีกนอกจากความเสียใจว่าควรจะกลับไปมั้ยควรจะเอายังไง ยังเห็นเค้าไปมีคนใหม่ หรือว่าไปแอบส่องเค้า ทีนี้มันยิ่งหนักกว่าเสียชีวิตอีก
เพราะฉะนั้น จงเข้าใจว่า “มันยาก” ยากยิ่งกว่า หรือพอๆกับคนรักเสียชีวิตเลยนะ
จงเข้าใจว่า “ใครๆก็เป็นกัน”
คือถ้าสังเกตดูดีๆไม่มีหรอกนะบนโลกใบนี้ หรือถ้าจะมีก็คงน้อยมากๆ คนที่ไม่เคยสูญเสียคนที่รักไป ไม่เคยเลิกกับใคร ส่วนใหญ่ต้องมีประสบการณ์นี้กันมาทั้งนั้น ถ้าเราเข้าใจตรงนี้ ก็จะทำให้สิ่งที่เรากำลังก้าวข้ามนี้มันง่ายลง
2. ตัดทุกสิ่งที่เกี่ยวข้อง
สถิติที่น่าสนใจ ในการทำใจของคนที่เพิ่งเลิกกันนั้นโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 3-6 เดือน ผู้ที่เข้าร่วมการ Surway ครั้งนี้ 71% ก็คือ โอเค Move on และยอมรับได้ เพราะฉะนั้นจงจำไว้ว่าถ้าเราไม่ได้ผ่านเวลาไปขนาด 3-6 เดือน แล้วล่ะก็ อย่าเพิ่งคิดว่าเราอ่อนแอ ทำไมแย่อย่างนี้ ทำไมไม่ลืมสักที เคยมีคนพูดไว้ด้วยซ้ำว่าเวลาทำใจ ต้องใช้เวลาทั้งหมดที่เคยคบกันหารครึ่ง หมายความว่าถ้าอยู่ด้วยกันมา 10 ปี ต้องใช้เวลาทำใจนานถึง 5 ปี เชียวรึ นานไปไหม
แล้วเราจะทำให้มันดีขึ้น หรือเร็วขี้นกว่านั้นได้ยังไง? ก็คือ ตัดทุกสิ่งที่เกี่ยวข้อง ! เช่นถ้ามีข้าวของของเขาอยู่กับเรา ก็เอาไปฝากไว้กับคนอื่นก่อนได้ อย่าพยายามแข็งแกร่งผิดที่ อย่าพยายามบอกว่าไม่เป็นไรหรอก ยังไหว บอกเลยว่าทางจิตวิทยาจะมีประโยคนึงที่ว่า “ Out of sight Out of mind “ หมายความว่า ถ้าไม่ได้อยู่ในสายตา บางครั้งก็ไม่มีค่าในหัวใจ นั่นเอง
หรือแม้กระทั่งการส่องตาม Social Media ก็ตาม เพราะจิตของเราก็จะไม่ดึงภาพเก่าๆ คำพูดเก่าๆ เรื่องราวเก่าๆ ขึ้นมาเยอะขนาดนั้น ควรบล็อกไปก่อนได้จะยิ่งดี
มันจะมีคำพูดที่ว่า ทำไมคนเราถึงชอบไปส่องเฟสบุ๊ค หรือไอจี ของแฟนเก่าว่าเค้าเป็นยังไงบ้าง แม้กระทั่งถึงแม้ว่าเราเป็นฝ่ายบอกเลิกด้วยซ้ำ แต่เค้าก็ยังมาทำให้เราเจ็บอยู่ได้อีก มันมีเหตุผลที่น่าสนใจมากอยู่อย่างนึงก็คือ
งานวิจัยเค้าพบว่าสมองในส่วนของ ventral tegmental area มันจะ light up หรือมีเลือดไปหล่อเลี้ยง สำหรับคนที่กำลังอินเลิฟอยู่และกับคนที่กำลังถูกทิ้งด้วย เพราะว่าจิตใจเรารู้ว่าเราเลิกกับเค้าแล้ว แต่สมองยังไม่รู้ มันยังมีเส้นประสาทที่เชื่อมต่ออยู่ นึกภาพเหมือน กล้ามเนื้อ หรือร่างกายเราต้องใช้เวลาเปลี่ยนแปลง สมมติถ้าเราจะสร้างกล้ามเนื้อ ก็ต้องใช้เวลาในการสร้าง หากเราจะลดน้ำหนักก็ต้องใช้เวลาในการลดข้าว
สมองก็เหมือนกัน หากเราจะตัดอะไรออกไปไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆจะตัดออกไปได้เลย ตัดคนไปคนนึงก็ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆจะลืมไปได้เลย สมองมันยังคิดว่าเราอินเลิฟกับเค้าอยู่นะ ตลกมาก เหมือนกับเวลาเราติดยา ติดเหล้า ติดบุหรี่ ติดการพนัน มาเป็นระยะเวลานาน หลายคนจะรู้ถ้าเคยติด เวลาที่เราเลิกไปแล้ว เราจะยังกลับไปคิดถึงสิ่งๆนั้นอยู่ ถึงแม้ว่าสิ่งๆนั้นเรารู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ดีกับเราเลย
คุ้นๆไหม มันก็เหมือนกับแฟนเก่าที่เรากับเค้าเลิกกันไป ไม่ว่าจะเลิกกันด้วยดีหรือไม่ดี บางคนก็ยังงงว่าทำไมถึงต้องกลับไปดู เพราะว่ามันเหมือนกับเราอยากกลับไปสู่สิ่งเสพติดเก่าๆ นั่นเอง
เพราะฉะนั้นจำไว้เลยว่า ถ้าหากเราอยากจะกลับไปดู หรือไปส่อง หรือเกี่ยวข้องอะไรกับแฟนเก่าก็แล้วแต่ นั่นคือ สมองของเราไม่รู้ เราต้องบอกมันว่า นั่นเป็นสิ่งไม่ดีนะ อย่าทำ อย่ากลับไปดู อย่ากลับไปส่อง มันจบแล้ว !
และอีกเหตุผลนึงก็คือ ความลุ้น เหมือนกับเล่นการพนัน ที่ค้นพบว่าเวลาคนติด social media เพราะว่าคนเรานั้นชอบการลุ้นว่าจะไปเจอภาพ หรือโพสต์อะไรที่มันเด็ดๆหรือเปล่า ถ้าเราไม่เจออะไรที่มันน่าสนใจก็จะไม่ทำให้สมองหลั่งสารโดปามีน ทีนี้เวลาเล่นการพนันก็เหมือนกัน เวลาที่เราโยก slot matchine มันไม่ได้ออกมาทุกครั้งถูกไหม บางครั้งมันก็ไม่ถูก บางครั้งมันก็ถูก ฉะนั้น สมองของเราจะชอบเสพติดสิ่งที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย มากกว่าสิ่งที่ร้ายตลอด หรือดีตลอด
เพราะฉะนั้นตรงนี้ทีเด็ดมากเลยนะ ที่เรากลับไปคิดถึงแฟนเก่าหรือกลับไปส่องเฟสแฟนเก่าเนี่ยเรากำลังพยายามเหมือนติดการพนันนะ เดี๋ยวก็เจอเหมือนสิ่งที่แย่ๆ เดี๋ยวก็เจอสิ่งธรรมดา เดี๋ยวก็เจอภาพเก่าๆ ที่ทำให้รู้สึกดีเมื่อเห็นหน้าเค้า แต่พอไปเจอรูปภาพเค้าโพสต์กับแฟนใหม่ ก็จะทำให้เราเจ็บปวด แต่นั่นมันทำให้เรายิ่งติดเหมือนติดการพนัน
เพราะฉะนั้นถ้าเราคิดถึงใครบางคน เรารู้สึกว่าเค้าไม่ดี แต่ก็ยังคิดถึงเค้านั้น ก็ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องกลับไปหาเค้าหรือแปลว่าเค้าเป็นคนดี
ตัวความทุกข์ และความสุข ที่เรียกว่า pain and pleasure ในสมองของเรานั้น หลายคนไม่ทราบว่ามันมี circuit ระบบประสาทที่ overlap หรือเกี่ยวข้องกันเกือบทั้งหมด 70-80% ของระบบความทุกข์และความสุข เป็นระบบที่ใช้เส้นทางเดียวกัน สังเกตมั้ยว่า เวลาที่เราไปนวด จริงๆแล้วการนวดนั้นมันเจ็บนะแต่หลายคนชอบ หรือว่าแม้แต่การยกน้ำหนักหรือออกกำลังกาย จริงๆแล้วมันก็คือทำให้กล้ามเนื้อตัวเองฉีก แต่เราก็ยังกลับไปชอบมัน
มันก็คล้ายกันกับสิ่งนี้ที่เหมือนว่าบางทีเราก็แค่ต้องการความสะใจ คนเรามันประหลาดนะ คือเรารู้นั่นแหละว่าสิ่งนี้คือสิ่งเจ็บแต่สิ่งที่เราไม่รู้ก็คือความเจ็บสำหรับสมองบางทีมันก็ไปเกี่ยวข้องกับความสุข แต่มันไม่ดีกับเรานะ เพราะฉะนั้นอย่าสร้างความสะใจให้ตัวเองด้วยการไปนวดจุบเจ็บๆให้สมองด้วยการกลับไปหาใคร หรือกลับไปส่องอะไรใคร
แนะนำให้ตัดให้หมด ตัดให้เด็ดขาด ขอบอกเลยว่า ช่วยได้เยอะมากๆ การที่เราตัดการสอดส่องออกไป completely หรือสมบูรณ์แบบที่สุดนั้นทำให้เราฟื้นเร็วขึ้น 2-3 เท่า เลยทีเดียว
ในช่วงที่เลิกกับใครคนนึงนั้น มันมักจะเป็นช่วงเวลาที่นานที่คิดว่าอยากกลับไป ยิ่งถ้าหากเรารักเค้ามาก ผูกพันกันมากแล้วด้วยนั้น หรือว่าอยู่แบบเข้าใจกันและกันมากก็จะทำให้รู้สึกว่าอยากกลับไปมาก ตรงนี้ก็จะเป็นเหมือนกับเวลาที่เราเลิกกับสิ่งที่ไม่ดีไปเราก็ยังคงคิดถึงสิ่งไม่ดีนั้นอยู่ เพราะว่าสมองโดยปกติแล้วมันจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เพิ่งจากเราไปนั้นมันดีหรือไม่ดี อย่างที่กล่าวไปแล้ว สมองมันแค่รู้ว่ามันต้องการ Safety มันต้องการความปลอดภัย
ความปลอดภัยคือสิ่งที่เหมือนเดิม สิ่งที่เคยเกิดขึ้นบนเส้นทางเดิมๆ ของเดิมๆ คนเดิมๆ แบบนี้สมองจะชอบมาก เพราะตามหลักการของการวิวัฒนาการนั้นสมองเรามันน่ารักนะ แต่เราไม่จำเป็นต้องเชื่อมันเสมอไป
ก็คือโดยธรรมชาติมนุษย์โบราณ เส้นทางของบรรพบุรุษที่ตามป่าเขาที่เคยอยู่จะหมายถึงความปลอดภัย ถ้าเราเดินทางเดิมตลอด โอกาสที่เราจะเจอสิงห์สา ลา สัตว์ มันก็น้อยกว่า เพราะเราเคยเดินทางนั้นมาแล้ว เรารู้จักทางนั้น มันปลอดภัย แล้วคนๆเดิมที่เราเคยรู้จักมาแล้ว เคยไปล่าสัตว์ด้วย หรือค้าขายผลไม้ด้วยอะไรก็แล้วแต่เนี่ยนะ ก็จะเป็นคนที่เราไว้ใจได้เพราะเราเคยรู้จักมาแล้วและเค้าไม่ได้เอาฆ้อนหรือเอาหินมาทุบหัวเรา แต่กับคนใหม่นั้นมันค่อนข้างทำให้สมองเกิดความเครียด เพราะเราก็ไม่รู้ว่าคนนั้นไว้ใจได้หรือเปล่า
เพราะฉะนั้นให้รู้ไว้เป็นอย่างแรกเลยว่าการที่เรากลับไปคิดถึงเค้านั้น ไม่ใช่ว่าเราควรจะกลับไปหาเค้า มันอาจจะนานกว่าจะก้าวข้ามจุดนั้นไปได้
3. ทำลิสต์เปลี่ยนความคิด
เวลาที่เราจบกับอะไรไป สมองเรามักจะดึงความทรงจำเก่าๆกลับมา แล้วเอามาขยายให้มันดูดีขึ้น เฉพาะสิ่งที่ดี แล้วมันก็จะมาแต่ภาพดีๆ ความทรงจำดีๆ เหล่านี้มันจะกลับไปคิดถึง มันไม่ได้เป็นเพราะความสัมพันธ์นั้นๆ มันมีสิ่งดีมากกว่าไม่ดีนะ แต่เป็นเพราะสมองมันจะเลือกจำมันเป็นกลไกทางสมอง ทุกคนก็เป็นเหมือนกัน เวลาที่สมองมันอยากให้เรากลับไปสู่สิ่งเก่าที่ปลอดภัยกว่า มันจะเลือกดึงและเลือกใช้เฉพาะความทรงจำที่ดี
เพราะฉะนั้นเราต้องทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสมองก็คือเราต้องลิสต์เลือกเอาแต่สิ่งไม่ดีออกมา ไม่ใช่ลิสต์เพื่อจะให้ไม่ต้องกลับไป แต่หากเราลิสต์แล้วพบว่า ข้อดีมากกว่าข้อไม่ดี แบบนี้เราก็ต้องมาดูกันอีกที
แต่ถ้าเราลิสต์แล้วข้อไม่ดีมากกว่า หรือพอๆกัน เราจะได้ไม่ต้องโดนสมองหลอก ให้เราลิสต์ออกมาเป็น 2 แถว แบ่งออกเป็นความสัมพันธ์นี้เวลาที่อยู่ด้วยกันแล้วมันมีข้อดีและไม่ดีอย่างไรบ้าง และสิ่งสุดท้ายที่ควรลิสต์ไปด้วยก็คือ เราได้อะไรดีๆจากการเลิกกันครั้งนี้บ้าง เราอาจจะเข้าใจตัวเองมากขึ้น เราจะได้เปลี่ยนแปลงและรักตัวเองมากขึ้น ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น เป็นต้น
ถ้าเราทำได้แบบนี้สมองจะเลิกวนเวียน เพราะสมองของเรามันทำงานเหมือนแผ่นเสียงตกร่องอยู่เสมอ คือมันทำเป็นลูปวนๆอยู่อย่างนั้น แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราใส่อะไรลงไปในคอมพิวเตอร์ หรือเขียนลงไปในกระดาษ แล้วอ่านซ้ำๆ เราจะค้นพบว่าสมองมันจะเลิกวน แต่อย่าลืมว่าถ้าเราลิสต์ออกมาแล้วพบข้อดีมีเยอะกว่าจริงเราก็ค่อยพิจารณาได้ใหม่ แต่เราจะพิจารณาจากสติปัญญาเป็นหลักไม่ใช่ถูกสมองหลอกอีกแล้ว
หากเรายังคิดวนเวียนอยู่แบบนั้น ให้เราเปิดลิสต์ขึ้นมาอ่านเสมอ ไม่ใช่ว่าเปิดเพื่อให้เราไม่กลับไป แต่เปิดเพื่อจะย้ำว่าจะกลับไปจริงมั้ยถ้าจะไปอยู่กับคนๆนี้ จะเอาไหม แล้วเราจะพบว่าพออ่านลิสต์จนจบแล้ว เราอาจจะค้นพบว่า นี่เรากำลังเสียสตินะ อย่าเลยดีกว่า ยังมีชีวิตดีๆให้เจอให้มีคนดีๆให้เจออีกมากมาย หรือยังมีตัวเองให้อยู่ให้เรียนรู้กับตัวเองอย่างดีที่สุดอีกตั้งทั้งชีวิต
By : ขุนเขา
มีต่อ*
โฆษณา