17 ธ.ค. 2022 เวลา 14:57 • นิยาย เรื่องสั้น
นิยาย วิลเลียม วี. วินเนอร์ 10 เจ้าถิ่น
ตอนเย็นพี่แต้วชวนพวกผมไปนั่งรถเล่น กายจึงชวนผมไปปั่นจักรยานเล่นที่ริมหนองน้ำประจำหมู่บ้าน เราจึงเอาจักรยานขึ้นท้ายรถกระบะของพี่แต้วไปกัน ส่วนพี่ตั้มกับพี่ฟอนต์ไปรถเครื่อง แวนด้ากับจินนั่งข้างในรถกับพี่แต้ว ผมกับกายนั่งท้ายกระบะ
"ตอนเย็นที่บริเวณหนองน้ำจะมีวัยรุ่นมาใช้สถานที่ทำกิจกรรมกันเยอะมาก ที่บริเวณหนองน้ำแห่งนี้เป็นศูนย์รวมของหลาย ๆ หมู่บ้าน เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเขตหมู่บ้าน
เมื่อก่อนที่ทางราชการยังไม่มาขุดหนองน้ำนั้น ที่ตรงนี้ถือเป็นแหล่งหาปลาของชาวบ้าน
ตอนนี้มันเปลี่ยนไป หนองน้ำกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ถูกขุดขึ้นมาเป็นบ่อ พื้นดินถูกถม ปรับพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เป็นศูนย์เยาวชน มีทั้งสนามฟุตบอล วอลเลย์บอล ตะกร้อ และสนามเด็กเล่น และยังมีสวนผัก ผลไม้ อีกรอบ ๆ"
พี่แต้วอธิบายให้ผมกับแวนด้าเข้าใจ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำกิจกรรมที่แต่ละคนชอบ
พวกเราสามคน มีผม กาย จิน ปั่นจักรยานรับลมเย็น ๆ กันไปเรื่อย ๆ จนไปถึงหน้าสนามบอล กายชวนผมลงร่วมเตะบอลกับคนอื่น ๆ แต่ผมใส่รองเท้าแตะมา จึงได้แค่ยืนดูด้านนอก จินกับกายวิ่งลงไปเตะกับชาวบ้านคนอื่น ๆ ที่มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่
"ไง ฝรั่ง มึงแน่จริงมาเตะบอลแข่งกับพวกกูป่าว"
เด็กผู้ชายสามคนเดินมายืนตรงหน้าผม
"ไม่ครับ วันนี้ไม่สะดวก"
ผมไม่รู้จักพวกเขาเลยสักคน จึงปฏิเสธไป
"ป๊อดเหรอวะมึง"
หนึ่งในสามคนท้าทายให้ผมลงไปเล่น แต่ผมไม่อยากเล่น จึงเดินหนี
"เฮ้ย จะไปไหน กูยังพูดไม่จบเลยนะเว้ย"
ตอนนี้ผมโดนล้อมไว้ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง
"ก็บอกว่าไม่อยากเล่นไง" ผมเริ่มรู้สึกอึดอัดกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ และผมก็ยืนอยู่คนเดียวด้วยสิ
"เฮ้ย พวกมึง กูไม่อยากเตะแล้วลูกบอล แต่กูอยากเตะปากไอ้ฝรั่งนี่แทนวะ ฮ่า ๆ ๆ"
มันไม่พูดเปล่า แต่พลักอกผมจนเซไปข้าง ๆ แล้วคนข้างหลังก็พลักหลังผมกลับมาให้ไอ้หัวโจก
"ไอ้ลูกหมา หาเรื่องชาวบ้านเขาไปทั่วนะพวกมึง เดี๋ยวเถอะ เมื่อกี้กูได้ยินแว่ว ๆ ใครจะเตะใคร หึ"
ผู้ชายวัยกลางคนท่าทางเหมือนนักเลง เดินมาจับพวกมันออกจากผม
"โอ้ย ลุงเข้ม อย่าตีหนู"
ไอ้คนหัวโจกร้องลั่นขึ้นมา เมื่อโดนขยุ้มคอเสื้อจากมือของคนที่เขาเรียกว่าลุงเข้ม ส่วนอีกสองคนก็ถอยห่างออกไปก้มหน้าหลบอยู่ใกล้ ๆ กัน
"โดนเองสะบ้าง เป็นยังไง กลัวไหม"
เขาเงื้อมือขึ้นเหมือนจะตีเจ้าคนหัวโจก ทำให้มันกลัวจนต้องหลับตาหนี แล้วร้องไห้ออกมา
"หนูกลัวแล้วลุงเข้ม ปล่อยหนูเถอะ"
"ให้มันได้อย่างนี้สิมึง"
ลุงเข้มปล่อยมือจากคอเสื้อของเขา
"พากันกลับบ้านไปเลยนะ แล้วอย่าไปแกล้ง ไปรังแกใครเขาอีก เข้าใจไหม"
พวกมันพากันเดินจากไปอย่างหัวเสีย ไม่เห็นเหมือนตอนที่จะเตะผมเลย
"ขอบคุณครับลุง"
ผมยกมือไหว้ผู้มีพระคุณ ที่เข้ามาช่วยผมไว้จากเด็กเกเรกลุ่มนั้น
ยังไม่ทันที่ผมเขาจะตอบ รถมอเตอร์ไซค์พี่ฟอนต์กับพี่ตั้มก็เข้ามาจอดข้าง ๆ พร้อมกับเสียงพี่ฟอนต์ร้องทักขึ้นมาว่า
"พ่อ สวัสดีครับ"
"เออ จะไปไหนกันฟอนต์"
"มาขี่รถเล่นกับตั้ม แล้วนี่พ่อรู้จักวินนี่ด้วยเหรอครับ"
"อ้าวมาด้วยกันเหรอ"
"วินนี่เป็นลูกชายของน้าสาวไงพ่อ ที่ผมเคยเล่าให้ฟังไง"
"อ้อ คนนี้เหรอ"
"ครับ"
"ทำไมฟอนต์ปล่อยให้น้องเดินเล่นอยู่คนเดียวละ เมื่อกี้เกือบโดนพวกไอ้เก่งมันแกล้ง ดีนะพ่ออยู่แถวนี้ เลยเข้ามาดู"
"ผมมากับกายครับ แต่กายอยากเตะบอล ผมเลยเดินเล่นแถวนี้รอ"
ผมรีบบอกออกไปก่อนที่พี่ฟอนต์จะถูกลุงเข้มตำหนิ
"วินนี่นายถูกพวกไอ้เก่งมันแกล้งเหรอ เป็นอะไรหรือเปล่า" พี่ตั้มตกใจเข้ามาจับดูที่ตัวผม
"ไม่เป็นไรครับพี่ตั้ม พอดีคุณลุงมาช่วยไว้ทัน"
"พ่อของพี่เอง" พี่ฟอนต์บอก
"แล้วนี่พ่อจะไปไหน"
"พ่อเอาไก่มาส่งให้ลุงหนาน เลยแวะมาสวนผัก ซื้อผักกลับบ้านนะ เอ้านี่ฝากเงินไปให้แม่ด้วยนะฟอนต์"
ลุงเข้มล้วงมือไปหยิบเงินในกระเป๋าเสื้อ แล้วยื่นให้พี่ฟอนต์
"พ่อเอาไปให้เองเถอะ"
"ไม่เอา พ่อขี้เกียจทะเลาะกับแม่เอง"
"โธ่ พ่อก็จะอะไรกันนักหนา"
"งั้นพ่อฝากไว้ที่ฟอนต์ก็แล้วกัน"
"ผมกลัวทำหาย ไม่เอาหรอก"
ลุงเข้มมองหน้าพี่ฟอนต์ สองพ่อลูกมองตากัน แล้วลุงเข้มก็ถอนหายใจ เข้าไปกอดพี่ฟอนต์
"เรื่องของพ่อกับแม่ มันยากจะอธิบาย ตอนนี้ฟอนต์อาจยังไม่เข้าใจ พ่อขอโทษนะลูก"
พี่ฟอนต์พยักหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไร
"ค่ำมืดแล้ว พากันกลับบ้านไป แล้วจะกลับกันยังไงเนี้ย ให้พ่อไปส่งไหม"
"พี่แต้วมาด้วยครับ"
พี่ตั้มบอก
ลุงเข้มพยักหน้า
"มีอะไรก็โทรหาพ่อนะฟอนต์"
ลุงเข้มเป็นนักเลงไก่ชน ตอนแรกก็เลี้ยงเพราะชอบตีไก่ชน ตอนหลังแกเพาะพันธุ์ไก่ชนขายด้วย
ถึงจะมีรายได้ดี แต่แม่พี่ฟอนต์ไม่ชอบคนเล่นการพนัน ยิ่งการพนันที่ใช้สัตว์เลี้ยงไปทรมานเพื่อหาเงิน ยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่ นานวันเข้าจึงกลายเป็นแยกกันอยู่ ส่วนพี่ฟอนต์อยู่กับแม่ นาน ๆ จะได้เจอกับลุงเข้มสักที ถึงจะอยู่บ้านใกล้ ๆ กัน แต่แม่พี่ฟอนต์ก็ยังไม่ยอมคืนดีกับลุงเข้มสักที
โชคยังดี ที่พ่อแม่ของพี่แต้วพี่ตั้มรักพี่ฟอนต์เหมือนลูกของตัวเองอีกคน พี่ฟอนต์จึงมีแบบอย่างที่ดีของลุงทา พ่อของพี่แต้ว ที่เป็นคนขยันทำมาหากิน หนักเอาเบาสู้ เป็นลูกเขยที่พ่อตาไว้วางใจจะยกกิจการทั้งหมดให้ดูแล แต่ติดที่คุณยายของพี่แต้ว ที่ยังติดใจว่าลุงทาฐานะยากจนกว่าลูกสาวตัวเอง แถมยังหนีตามกันก่อนแต่งงานอีก ทำให้แม่พี่แต้วไม่ได้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ทุกวันนี้ พ่อพี่แต้วกับคุณยายไม่ค่อยดีต่อกันเท่าไร
ผมมาคิด ๆ ดูแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่เกิดมาในครอบครัวที่ไม่ต้องคิดมากเรื่องพ่อแม่ ถึงแม้ว่าเวลากลับมาบ้านคุณตาคุณยาย ผมจะดูแปลก แตกต่างจากคนที่นี่ แต่ที่กรุงเทพซึ่งเป็นที่ของผมนั้น ผมภูมิใจในความมีตัวตน รักในความเป็นตัวเอง และครอบครัวของเราก็อยู่กันพร้อมหน้า
ผมเริ่มคิดถึงแดดกี๊กับคุณแม่แล้วสิ ป่านนี้แล้วไม่รู้ว่าพวกท่านจะเป็นยังไงกันบ้าง
คุณแม่ได้แต่ส่งคลิปวิดีโอสั้น ๆ ตอนที่แดดดี้นอนอยู่บนเตียง
แล้วก็บอกให้ผมกับน้องสนุกกับช่วงเวลานี้
"คุณอยู่นิ่ง ๆ สิคะ ฉันจะถ่ายคลิปส่งให้ลูก ๆ"
สาวิตรีบอกกับแวน สามีของเธอ ที่ตอนนี้ถูกเธอมัดด้วยผ้าขาวบางให้เป็นมัมมี่ ในขณะที่เธอบรรจง แต่งหน้าให้สามี เพื่อให้ดูเหมือนคนป่วยที่มีอาการสาหัส
"ฮันนี่ คุณแน่ใจเหรอว่าวิธีนี้จะช่วยให้ลูกชายของเรามีความคิดที่โตขึ้น"
"แน่สิคะที่รัก ฉันเป็นแม่ของเขานะคะ"
"ผมรู้ว่าวินนี่ต้องเรียนรู้บางอย่าง แต่ผมต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ"
สาวิตรีมองหน้าสามีที่มีรอยฟกช้ำเต็มใบหน้า จากการแต่งหน้าของช่างแต่งหน้ามืออาชีพของเธอ
"ฮันนี่ เพื่อลูกนะคะ"
"Oh dear"🥰💗
ขอบคุณทุกคนที่เข้าอ่าน
ขอบคุณนักอ่านที่ทักมาถามหาเรื่องราวของวินนี่ กับแวนด้า
ขอบคุณจากหัวใจค่ะ 🙏💗💃🏾🎉👑
ถ้าเพื่อน ๆ อยากให้วินนี่มีประสบการณ์อะไร ที่เจ๋ง ๆ ก็คอมเมนต์มานะคะ
แล้วพบกันใหม่ ในตอนต่อไป

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา