18 ธ.ค. 2022 เวลา 05:00 • ดนตรี เพลง
รวม 7 เพลงประจำฟุตบอลโลกในความทรงจำ
ในที่สุดฟุตบอล 2022 ที่เปิดฉากความมันส์มาตั้งแต่ช่วงวันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา ก็ได้เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศกันเสียที ก่อนที่เราจะไปลุ้นในนัดสุดท้าย ด้วยสไตล์ของเพจยามเฝ้าเพลงแบบนี้ เราจะมาทบทวนความทรงจำของมหกรรมฟุตบอลโลก ซึ่งเป็นการแข่งขันฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคนทั้งโลก และเต็มไปด้วยสีสันและโมเมนต์มากมาย
ในฐานะที่ส่วนตัวเป็นคนหนึ่งชอบดูบอล แต่ไม่ค่อยดูบ่อยมาก สีสันทั้งหมดนอกจากการแข่งขัน ก็มีเสียงเพลงนี่แหละ ที่ช่วยกระตุ้นให้การแข่งขันนี้ดูสนุกมากยิ่งขึ้น โดยเราได้รวบรวม 7 บทเพลงประจำการแข่งขันฟุตบอลโลกอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ที่ชอบที่สุดและอยู่ในความทรงจำของทุกคน
Un’estate Italiana/To be Number One
Edoardo Bennato & Gianna Nannini, Giorgio Moroder Project
FIFA World Cup Italy 1990
เพลงเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ โดย วงจอร์จิโอ โมโรเดอร์ โปรเจกต์
นี่คือเพลงที่ชอบมาก เพราะเป็นเพลงแนวบัลลาดร็อคที่มีเนื้อหาสื่อถึงการชนะใจตัวเองที่เหนือกว่าการแข่งขันใดๆ นี่เป็นเพลงแรกของความบริบททั้ง เพลงแรกที่ได้การรับองเป็นเพลงทางการจาก FIFA เพลงแรกที่เพิ่มภาษาอังกฤษในเพลงอิตาลี และเป็นเพลงแรกที่มี Official Karaoke รวมไปถึงกระแสตอบรับในตอนนั้นที่ทำให้เพลงนี้ติดชาร์ตอันดับหนึ่งในประเทศอิตาลีและติดซาร์ตเพลงในต่างประเทศ และทำให้ทั้งแฟนเพลงและแฟนบอลต่างยกให้บทเพลง To Be Number One เป็น “เพลงฟุตบอลโลกที่ดีที่สุด”
ลองฟังเวอร์ชั่นภาษาอิตาลี ร้องโดย เบนนาโต และ นานนินี
The Cup of Life/La Copa De La Vida
Ricky Martin
FIFA World Cup France 1998
อีกหนึ่งเพลงฟุตบอลโลกที่อาจจะไม่ใช่เพลงที่ดีเท่ากับเพลงแรก แต่เพลงนี้ขอยกย่องให้เป็นเพลงที่มีสีสันและแปลกใหม่ที่สุด โดยเพลงนี้เป็นเพลงทางการเพลงแรกที่คนร้องไม่ใช้ศิลปินจากเจ้าภาพ เขาคือศิลปินเปอร์โตริกันนามว่า ริกกี้ มาร์ติน ที่ตอนนั้นเป็นขวัญใจของแฟนเพลงละตินอเมริกันปลายยุค 90 เขาได้รับคัดเลือกจากฟีฟ่าให้ขับร้องเพลงประจำการแข่งขันที่ฝรั่งเศส โดยเพลงนี้มีท่อนฮุกที่ติดหูอย่างมาก Here we go! Ale, ale, ale! Go, go, go! Ale, ale, ale!
ใครได้ฟังเป็นต้องร้องตาม
เพลงนี้กลายเป็นปรากฏการณ์ปลุกกระแสฟุตบอลโลกแบบก้าวกระโดด ด้วยการไปติดอันดับท็อปเท็นของชาร์ตเพลงทั่วโลก และสามารถขึ้นเป็นอันดับหนึ่งได้ในประเทศฝรั่งเศส และอีกหลายประเทศในยุโรป รวมไปถึงตัวนักร้องเองก็ได้รับรางวัล Best Latin Pop Performance ในงานแกรมมี่อวอร์ด 1999 อิทธิพลจากเพลงนี้ส่งผลให้เพลงประจำฟุตบอลครั้งต่อไปจะเน้นความสนุกสนาน และเข้าถึงคนฟังได้ง่าย อีกหลายๆ เพลง
Celebrate the Day (Zeit, dass sich was dreht)
Herbert Grönemeyer
FIFA World Cup Germany 2006
ในเมื่อเนื้อเพลงของริกกี้ร้อง Ale Ale แต่นักร้องชาวเยอรมันนามว่า เฮอร์เบิร์ต โกรเนไมเยอร์ คนนี้เหนือกว่า เขาร้อง Oooeee-oooeee-oooeee Bis zum Leben eee-ooo-eee จนติดหูไม่แพ้เพลงก่อนหน้า เพลงนี้ไม่ใช่เพลงฟุตบอลโลกทางการแต่อย่างเดียว แต่เป็นเพลง Official anthems ของการแข่งขันฟุตบอลโลก ณ ประเทศเยอรมนี
เพลงนี้ส่วนตัวฟังประจำตอนช่วงถ่ายทอดสด ตอนเด็กๆ รู้สึกว่า เนื้อเพลงนี้มันติดหูมาก พอมาฟังอีกครั้งตอนโต ตัวเพลงคืออลังการไพเราะน่าฟัง เป็นการผสมผสานของเพลงกลิ่นอายละตินผสมออร์เคสตรา และเสียงร้องทรงพลังของเขา เพลงนี้ติดอันดับที่หนึ่งในชาร์ตเพลงเยอรมันและติดอันดับสองในประเทศออสเตรีย
Waka Waka (This Time for Africa)
Shakira feat. Freshlyground
FIFA World Cup South Africa 2010
Tsamina mina, eh, eh Waka waka, eh, eh Tsamina mina zangalewa This time for Africa (Tsamina อ่านว่า ซัมมินา เขาร้องแบบนี้นะ ไม่ใช่ สามมีนา) นี้คือเพลงที่ “หลอนหู” ที่สุดในความทรงจำของผู้เขียน แต่กลับทำให้เพลงนี้สร้างปรากฏการณ์อีกครั้งหนึ่ง เมื่อนักร้องท่าเต้นดิ้นระเบิดนามว่า ชากีรา ได้ถูก FIFA คัดเลือกให้มาร้องเพลงประจำการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกบนแผ่นดินแอฟริกา
นี่เป็นเพลงแรกที่ผู้เขียนมีความรู้สึกแปลกใหม่และมีสีสันเหนือกว่าเพลงอื่น แถมท่าเต้นพนมมือแบบชากีรา ยังชวนให้เต้นตามไปด้วย นี่คือความผสมผสานของเพลงป๊อปและแนวเพลงแอฟริกันสไตล์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดด้วยการติดชาร์ตอันดับหนึ่งทั่วโลก และยอดวิวในยูทูบที่นับจากปี 2022 น่าจะถึง 3. 3 พันล้านครั้งแล้ว
Wavin’ Flag
K’naan
Coca-Cola's promotional anthem for the 2010 FIFA World Cup
อีกหนึ่งเพลงที่ได้รับความนิยมเหมือนกัน และจากปีเดียวกัน คือบทเพลงที่ในตอนแรกเป็นเพลงบัลลาดที่ต้องการถึงเสรีภาพ โดยคนร้องคนนี้เป็นลูกครึ่งโซมาลี - แคนาดา ที่มีประวัติที่น่าสนใจมาก เป็นคนที่ลี้ภัยจากสงครามกลางเมืองในบ้านเกิด จนกระทั่งเขาได้หลงใหลในเสียงดนตรี ทำให้เขาได้เข้าสู่วงการเพลงฮิปฮอปอย่างเต็มตัว
เพลง Wavin’ Flag ที่กล่าวถึงการให้กำลังใจ และเรียกร้องความเสรีภาพคนประชาชนนั้น ก็ทำให้แบรนด์น้ำดำชื่อดังเจ้าหนึ่งขอนำเพลงนี้ไปปรับเนื้อเพลงใหม่เพื่อใช้เป็นเพลงประจำแคมเปญฟุตบอลโลก (ซึ่งแบรนด์นี้เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนทางการของงานนี้ด้วย)แม้จะปรับเนื้อเพลงให้เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับฟุตบอล แต่ก็ไม้ทิ้งท่อนฮุกเดิมที่ต้องการจะสื่อถึงความสุขและเสรีภาพนอกเหนือจากการแข่งขัน ไม่มีเรื่องให้ขัดแย้งกัน ทุกคนบนโลกคือหนึ่งเดียวด้วยกัน นั่นแหละคือความสนุกอย่างมีอิสระดั่งธงที่สะบัดไปอย่าพริ้วไหว
We Are One (Ole Ola)
Pitbull feat. Jennifer Lopez and Claudia Leitte
FIFA World Cup Brazil 2014
เพลงนี้ก็เป็นเพลงทางการที่ได้รับความนิยม นับเป็นครั้งแรกที่ สามศิลปินเดี่ยวจากสองประเทศในทวิปอเมริกา มาโคจรกัน จนกลายเป็นเพลงละตินผสมดนตรีแซมบ้าฉบับบราซิเลียน ที่ให้ทั้งไพเราะและมีความสนุกสนาน กระตุ้นแฟนบอลเข้าไว้ด้วยกัน เพลงนี้ติดชาร์ดอันดับหนึ่งในประเทศเจ้าภาพและติดท็อป 20 ในอีกหลายประเทศ
Dreamers
Jung Kook (of BTS) feat. Fahad Al Kubaisi
FIFA World Cup Qatar 2014
และนี่คือเพลงประจำการแข่งขันครั้งล่าสุด ซึ่งเพลงนี้เป็นหนึ่งในบรรดา 6 เพลงทางการของมหกรรมฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ โดยขอเลือกพลงนี้เป็นเพลงที่ชอบที่สุดของผู้เขียน ด้วยเพลงนี้เป็นบทเพลงที่ขับร้องสองศิลปินจากทิวปเอเชียโดยแท้ ไม่ผสมทวิปอื่นๆ คนหนึ่งเป็นศิลปินชาวเกาหลี ดีกรีเป็นสมาชิกบอยแบนด์ระดับโลก อีกคนเป็นศิลปินอาหรับชาวกาตาร์ที่มีชื่อเสียง
บทเพลงที่เนื้อหาสื่อถึงความฝัน และความเชื่อมั่น นี่คือสิ่งที่ทั้งสองอยากจะเป็นกระบอกเสียงของคนทั้งโลกได้รับรู้ เพราะทุกคนต่างก็มีความฝัน และทุกคนคือ คนล่าฝัน ซึ่งเพลงนี้ถูกใช้ในพิธีเปิดวันนัดเปิดสนามด้วย ถ้าใครได้ดูโชว์ของทั้งคือลังการมาก จองกุกออร่าจับใจ ส่วนบังฟาฮัด เสียงร้องคือมีมนต์ขลังมาก นับเป็นบทเพลงที่ผู้เขียนประทับใจ
และนี่คือ 7 เพลงในความทรงจำ นอกเหนือจากนั้นมีเพลงไหนอีกบ้าง มาบอกต่อกันหน่อยนะ ขอให้มีความสุขกับบทเพลงจากมหกรรมฟุตบอลโลก แล้วเจอกันใหม่อีก 4 ปี กับการแข่งขันบนแผ่นดินอเมริกา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา